วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่ 9

ตอนที่ ๙
ขณะเมื่อโจโฉตั้งเกลี้อกล่อมนั้นได้ที่ปรึกษาแลทหารเป็นอันมาก โจโฉมีความยินดีนัก จึงให้เองเตียวถือหนังสือคุมทหารไปรับโจโก๋ซึ่งเป็นบิดาซึ่งอยู่ ณ เมืองตันลิว ครั้นเองเตียวไปถึงจึงเอาหนังสือนั้นให้แก่โจโก๋ โจโก๋เห็นหนังสือสำคัญของโจโฉผู้บุตรมิได้มีความสงสัย จึงจัดแจงทรัพย์สิ่งของ แล้วชวนโจเต๊กกับพี่น้องครอบครัว แลพรรคพวกประมาณสองร้อยเศษ เกวียนบรรทุกสิ่งของนั้นร้อยหนึ่ง แล้วก็ยกไปเมืองกุนจิ๋ว ครั้นมาใกล้เมืองชีจิ๋ว

"สามก๊ก" ตอนที่ 8

ตอนที่ ๘
ฝ่ายลิฉุย กุย เตียวเจ หวนเตียว ทหารตั๋งโต๊ะที่หนีไปอยู่เมืองเซียงไสจึงปรึกษากัน แต่งหนังสือให้คนถึงไปถึงอ้องอุ้นว่า ซึ่งได้เป็นพวกตั๋งโต๊ะนั้นด้วยความจำเป็น โทษข้าพเจ้าทั้งสี่ซึ่งได้ทำผิดนั้นขออภัยเถิด บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอทำราชการด้วยท่านสืบไป
ฝ่ายอ้องอุ้นเห็นหนังสือดังนั้นจึงว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าก็เพราะลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียว ถ้ารับสั่งให้ยกโทษคนทั้งปวงเสียเราก็จะยอม แต่ลฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวนั้นจะขอเอาตัวมาฆ่าเสียให้ได้ แลผู้ถือหนังสือจึงเอาเนื้อความไปบอกแก่ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวตามคำอ้องอุ้นว่า ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวจึงปรึกษากันว่า ซึ่งจะเข้าเกลี้ยกล่อมอ้องอุ้นก็มิยอม แลเราทั้งปวงต่างคนต่างเอาตัวรอดเถิด
ฝ่ายกาเซี่ยงที่ปรึกษาจึงว่า ซึ่งจะคิดหนีนั้นเห็นไม่พ้น ขอให้เกลี้ยกล่อมชาวเมืองเซียงไสได้แล้วประจบกับกองทัพเรา ยกไปทำการตีเองเมืองเตียงฮัน ถ้าได้เมืองแล้วจึงจะให้ฆ่าอ้องอุ้นเสีย แลท่านทั้งสี่คนนี้จึงจะได้ทำราชการในเมืองหลวงสือไป แม้ไม่สมคิดจึงพากันหนี ลิฉุย กุยกี เตียวเจ หวนเตียวเห็นชอบด้วย จึงแต่ทหารซึ่งมีสติปัญญาไปเจรจากับชาวเมืองเซียงไสว่า บัดนี้อ้องอุ้นได้เป็นใหญ่แล้ว จะยกทหารมาฆ่าชาวเมืองเซียงไสซึ่งหาความผิดมิได้เสียให้สิ้น แล้วลิฉุยให้ตั้งเกลี้ยกล่อมอยู่นอกเมือง จึงให้ทหารเที่ยวร้องป่าวชาวเมืองเซียงไสว่า ถ้าผู้ใดรักชีวิตกลัวอ้องอุ้นจะฆ่าเสีย ก็ให้มาเข้าด้วยเรา จึงจะรอดจากความตาย

วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่7

ตอนที่ ๗
ฝ่ายตั๋งโต๊ะรู้กิตติศัพท์ว่าซุนเกี๋ยนตายแล้วก็มีความยินดีนัก จึงว่าแก่ที่ปรึกษาว่า ซึ่งซุนเกี๋ยนตายเสียนั้นเราค่อยเบาใจมีความสุขขึ้น อุปมาเหมือนบ่งหนามออกจากอกเราได้เล่มหนึ่ง ทุกวันนี้ผู้ใดยังรู้ว่าอายุซุนเซ็กบุตรซุนเกี๋ยนอายุเท่าใด ลิยูจึงว่าซุนเซ็กนั้นอายุได้สิบห้าปี ตั๋งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็เห็นว่ายังเด็กอยู่มิได้มีสงสัยประการใด ในขณะนั้นตั๋งโต๊ะยิ่งทำการหยาบช้ากำเริบขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งตัวให้คนทั้งปวงเรียกว่าซ่องฮู แปลว่าเป็นบิดาเลี้ยงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ถ้าจะไปแห่งใดให้ตั้งกระบวนแห่อย่างพระมหากษัตริย์เสด็จ แล้วตั้งให้ตั๋งห้องผู้น้องเป็นนายทหารกองนอก แต่บรรดาแซ่ตั๋งนั้นเอามาตั้งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยสิ้น ตั๋งโต๊ะจึงเกณฑ์ไพร่ยี่สิบห้าหมื่นไปตั้งเมืองอยู่ทางไกลเมืองเตียงฮันสองพันห้าร้อยเส้นกำแพงสูงเท่าเมืองหลวง มีตำหนักใหญ่น้อยหน้าหลัง คลังแลฉางข้าวปลาอาหารนั้นขนเข้าไว้สำหรับจะเลี้ยงทหารกำหนดได้ยี่สิบปี แลเงินทองในท้องพระคลังกับส่วยสัดวัฒนานั้นเอามาไว้ในคลังเมืองใหม่ แล้วให้จัดหญิงรูปงามมาไว้ได้ประมาณแปดร้อยคน แลตั๋งโต๊ะนั้นเดือนหนึ่งบ้าง ยี่สิบวันบ้าง จึงขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ครั้งหนึ่ง ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยในเมืองหลวง ต้องมารับส่งถึงนอกประตูเมือง แลทางจะขึ้นไปเฝ้านั้นมีที่ประทับเป็นหลายตำบล ในเมืองเตียงฮันนั้นก็มีที่อยู่แห่งหนึ่ง ครั้นอยู่มาวันหนึ่งตั๋งโต๊ะออกจากเฝ้า ขุนนางทั้งปวงตามไปส่งถึงนอกประตูเมือง ตั๋งโต๊ะจึงสั่งให้ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้องไปกินโต๊ะ ณ ที่ประทับ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่6

ตอนที่ ๖
ขณะเมื่ออ้วนเสี้ยวยกทหารมาอยู่เมืองโห้ลายนั้นขาดเสบียง ฝ่ายฮันฮกเจ้าเมืองกิจิ๋วนั้นรู้ข่าว ก็จัดแจงเสบียงให้ทหารคุมไปให้แก่อ้วนเสี้ยว แลห้องกีจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า คนทั้งปวงก็ปรากฏอยู่ว่าท่านเป็นเชื้อขุนนางมาแต่ก่อน แลท่านมาทำการทำนุบำรุงแผ่นดินครั้งนี้ ซึ่งจะมานั่งคอยกินให้ผู้อื่นส่งเสบียงนั้นเห็นไม่ควร ถ้าเขามิส่งก็จะขัดสนอยู่ แลในเมืองกิจิ๋วนั้นทรัพย์สิ่งสินก็มั่งคั่ง อาหารก็บริบูรณ์ ขอให้ยกทหารไปตีเอาเมืองกิจิ๋ว ถ้าได้แล้วท่านจงตั้งอยู่ในเมืองนั้น จะได้คิดราชการสืบไป อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า เราก็คิดอยู่แต่ยังหาทีที่จะทำมิได้ ห้องกีจึงว่าถ้าท่านคิดดังนั้นแล้ว ขอให้มีหนังลับไปถึงกองซุนจ้านให้ทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋วด้านหนึ่ง ท่านจงยกเข้าตีกระหนาบด้านหนึ่ง ถ้าได้เมืองแล้วแบ่งทรัพย์สินแลเมืองให้กองซุนจ้านกึ่งหนึ่ง แลฮันฮกนั้นเป็นคนหามีความคิดไม่ ถ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากองซุนจ้านจะยกมาตี เห็นจะมีหนังสือมาถึงท่านให้ยกทหารไปช่วย ถ้าสมคิดเห็นเราจะได้เมืองกิจิ๋วโดยง่าย อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วยจึงให้แต่งหนังสือลับไปให้กองซุนจ้านตามห้องกีว่า

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

"เจ้าชู้"

คนเจ้าชู้ ดูดี มีหลายแบบ
ไม่เจ็บแสบ แบบไก่แจ้ แค่กรุ้มกริ่ม
กางปีกล่อ ป้อใส่ หวังได้ชิม
ทำตาพริ้ม ยิ้มใส่ แบบไก่กา

แบบไก่โต้ง โก่งคอ จ้อเสียงใส
มือว่องไว ใส่เกียร์ เผลอเสียท่า
จะลูกเต้า เขาเป็นใคร จากไหนมา
หมายไขว่คว้า หน้าด้าน ต้องการชม

แบบรุ่นปู่ เจ้าชู้ยักษ์ มักเห็นบ่อย
เหมือนคนถ่อย คอยหักหาญ พาลขื่นขม
เข้าถึงตัว ไม่กลัวเกรง เร่งอารมณ์
จ้องดอมดม โลมเล้า เอากำไร

แบบเจ้าชู้ ประตูดิน ถวิลหา
ชอบพูดจา หน้าทะเล้น เน้นความใคร่
ทำยักคิ้ว หลิ่วตา หาเกี้ยวไป
เจ้าชู้ได้ ไม่เลือกที่ มากลีลา

ทุกแห่งหน คนเจ้าชู้ ดูไม่ยาก
ดูที่ปาก จากคำพูด พิสูจน์ค่า
การกระทำ จำเป็น เห็นตำตา
กิริยา พาส่อเค้า เจ้าชู้จริง


The Poetry 4 u.
[บทกลอนกวนๆ]

"อยากมีเมียทำไม?"

อยากมีเมียทำไม...ขอได้โปรด
อยู่เป็นโสดดีกว่าอย่าสุงสิง
มีเมียเกี่ยวเที่ยวไหนสุดไหวติง
เกาะเป็นปลิงเชียวนะให้ระวัง

สินสอดแพงแต่งแล้วไม่แคล้วคลาด
ต้องเป็นทาสปรนเปรอถูกเธอขัง
จะยิ้มรับกับใครกลุ้มใจจัง
ทั้งไหล่หลังถูกหยิกหล่อนจิกตี

ตัณหาหวงห่วงแสนในแดนหล้า
ริษยาพาวิกฤติคืออิตถี
พึงหลีกได้ให้ห่างสร้างเสรี
พบคนดีที่สุดจึงจุดไฟ

เขาว่าได้เมียดีเหมือนมีแม่
เป็นจริงแท้แน่ชัดตวงวัดได้
คือสามารถตีตบต้องหลบภัย
ไม่มีใครทารุณเท่าคุณเมีย
----------------------------------------------------------------------------

อยากมีเมียไม่ยากฝากให้อ่าน
อันเงินงานการศึกษาอย่าให้เสีย
กำลังกายเตรียมก่อนห้ามอ่อนเพลีย
เดี๋ยวโดนเขี่ยตกเตียงไม่เลี้ยงดู

ต้องขยันหมั่นทำตามคำสั่ง
อย่ากลับหลังเวลาผิดตาหู
มีเมียสองต้องกลุ้มขืนอุ้มชู
คนเก่งขู่เกินแม่ได้แก่เมีย

The Poetry 4 u.
(บทกลอนกวนๆ)

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่5

ตอนที่ ๕
ฝ่ายทหารฮัวหยงที่เหลือตายนั้น ก็ชวนกันกลับไป ณ ด่านกิสุยก๋วน จึงบอกเนื้อความแก่ลิซก ลิซกก็บอกหนังสือไปถึงตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะแจ้งก็ตกใจจึงปรึกษาแก่ลิยู ลิโป้ว่า บัดนี้ฮัวหยงตายแล้วเราจะคิดประการใด ลิยูจึงว่าซึ่งฮัวหยงเป็นทหารเอกตายเสียฉะนี้ ดังท่านเสียทหารเลวสิบหมื่นก็ไม่เท่า แลในกองทัพซึ่งยกมาทำการครั้งนี้ ข้าพแจ้งว่าอ้วนเสี้ยวเป็นนายทัพใหญ่ แล้วอ้วนหงุยซึ่งเป็นอาอ้วนเสี้ยวนั้นเป็นขุนนางอยู่ในเมืองนี้ เกลือกว่าจะคบคิดกันเป็นไส้ศึก ขอให้จับอ้วนหงุยฆ่าเสีย ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงสั่งลิฉุย กุยกีให้คุมทหารห้าร้อย ไปจับอ้วนหงุยกับพรรคพวกหญิงชอยทั้งนั้นฆ่าเสียให้สิ้นแล้วให้ตัดเอาศีรษะไปเสียบไว้ ณ ด่านกิสุยก๋วน ให้อ้วนเสี้ยวผู้หลายเห็น แล้วให้ลิฉุย กุยกีคุมทหารห้าหมื่นตั้งมั่นรักษาด่านกิสุยก๋วนไว้ให้จงได้ ลิฉุย กุยกีก็คุมทหารไปตามตั๋งโต๊ะสั่ง

วันเสาร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่4

ตอนที่ ๔
ตอนสิบเจ็ดหัวเมืองมาทำศึกจะจับตัวตั๋งโต๊ะ
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นเจ้าเมืองปุดไฮนั้น ครั้นรู้กิตติศัพท์ว่าตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าฆ่านางโฮเฮากับหองจูเปียนเสีย จึงแต่งหนังสือลับไปถึงอ้องอุ้นซึ่งอยู่ในเมืองหลวง ในหนังสือนั้นว่าทุกวันนี้ตั๋งโต๊ะทำการหยาบช้าขบถต่อแผ่นดินดังนี้หามีผู้ใดคิดการล้างตั๋งโต๊ะเสียไม่ ซึ่งเราออกมาอยู่ครั้งนี้ ใช่จะนิ่งนอนใจอยู่หามิได้ อุตส่าห์เกลี้ยกล่อมผู้คนฝึกหัดให้ชำนาญในการสงครามอยู่มิได้ขาด เพราะมีกตัญญู เราจะอาสาแผ่นดินกำจัดตั๋งโต๊ะเสียให้จงได้ ถ้าท่านเห็นพร้อมด้วยเราแล้ว จงเร่งคิดการข้างในเถิด เราจะยกกองทัพไปทำการ ครั้นอ้องอุ้นได้ทราบในหนังสือนั้นแล้ว ก็คิดวิตกอยู่มิได้ขาด อยู่มาวันหนึ่งเวลาออกจากเฝ้าอ้องอุ้นจึงค่อยว่ากับขุนนางเก่าๆ ทั้งปวงว่า วันนี้เราทำการเชิญท่านไปกินโต๊ะเล่น ณ บ้านเรา ครั้นมาพร้อมกันจึงชวนกันกินโต๊ะเสพย์สุรา แล้วอ้องอุ้นก็ร้องไห้ขุนนางทั้งปวงเห็นก็ตกใจจึงถามว่า ท่านร้องไห้ด้วยเหตุสิ่งอันใด อ้องอุ้นจึงตอบว่า แต่ตั๋งโต๊ะเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงทำการหยาบช้า แล้วฆ่านางโฮเฮากับหองจูเปียนเสีย เรามีความร้อนใจนัก อุปมาดังนอนในกองเพลิง เราเล็งไปไม่เห็นผู้ใดจะช่วยคิดทำนุบำรุงให้แผ่นดินเป็นสุขได้เราจึงร้องไห้ ขุนนางทั้งปวงได้ฟังก็มีความสงสาร ต่างคนต่างร้องไห้

วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่3

ตอนที่ ๓

พระราชวังต้องห้าม
ฝ่ายตั๋งโต๊ะเป็นเจ้าเมืองซีหลง ได้คุมทหารยี่สิบหมื่น มีใจหยาบช้าคิดจะเอาราชสมบัติเนืองๆ ครั้นรู้หนังสือรับสั่งให้มาดังนั้น มีความยินดีนักเห็นจะสมคิดครั้งนี้ จึงให้เยียวหูลูกเขยอยู่รักษาเมือง แล้วจัดลิฉุยหนึ่ง กุยกีหนึ่ง เตียวเจหนึ่ง หวนเตียวหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารเอกกับทหารเลวสิบหมื่น สรรพด้วยเครื่องศัสตราวุธพร้อม แล้วยกไปเมืองลกเอี๋ยง ครั้นมาถึงกลางทางปลงทัพอยู่ลิยูเป็นที่ปรึกษาจึงว่าแก่ตั๋งโต๊ะว่า หนังสือซึ่งให้มาครั้งนี้เห็นจะมีผู้แอบรับสั่งให้มาถึงท่าน ซึ่งจะยกเข้าไปเห็นไม่ควร จำจะแต่งหนังสือเข้าไปให้กราบทูล ให้มีรับสั่งออกมาอีกครั้งหนึ่ง ท่านจึงยกเข้าไปในเมือง ถ้าจะคิดการสิ่งใดก็จะได้สะดวก ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วยก็แต่งหนังสือเข้าไปให้กราบทูล ในหนังสือนั้นว่า อาณาประชาราษฎรในเมืองหลวงแลหัวเมืองทั้งปวงได้ความเดือดร้อน เพราะขันทีสิบคนทำการหยาบช้าให้ผิดขนบธรรมเนียม บัดนี้ข้าพเจ้าจะขอยกกองทัพเข้าไปในเมืองหลวงแล้วจะจับตัวเตียวเหยียงกับขันทีเก้าคนฆ่าเสีย พระองค์แลอาณาประชาราษฎรจะได้อยู่เย็นเป็นสุขสืบไป

วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่2

พระเจ้าเลนเต้
ตอนที่ ๒
วันหนึ่งเล่าปี่จึงชวนกวนอู เตียวหุยไปเที่ยวชมบ้านเมืองจะให้หายรำคาญใจ พอพบเตียวกิ๋นซึ่งเป็นขุนนางอยู่ในพระเจ้าเลนเต้ขี่เกวียนมา เล่าปี่มีความยินดียกมือขึ้นคำนับแล้วบอกว่า ข้าพเจ้านี้มีความชอบได้ช่วยจูฮีทำการปราบโจรหาผู้ใดจะทูลเสนอความชอบให้ไม่ เตียวกิ๋นได้ฟังดังนั้นก็ตกใจจึงพาเล่าปี่เข้าไปเฝ้า แล้วทูลพระเจ้าเลนเต้ว่า เกิดโจรโพกผ้าเหลืองขึ้นทั้งนี้เพราะเหตุด้วยพระองค์เชื่อฟังขันทีสิบคน ขันทีสิบคนนั้นตัดสินเนื้อความอาณาประชาราษฎรกลับจริงเป็นเท็จ เท็จเป็นจริง ขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อย บ้านเมืองก็เกิดจลาจลอาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนมาคุ้มเท่าบัดนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าจะให้เอาขันทีสิบคนไปตัดศีรษะตระเวนประกาศแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้ทั่วทุกหัวเมืองซึ่งขึ้นแก่เมืองหลวง ใครมีสติปัญญาเป็นยุติธรรมมีความชอบก็ให้ตั้งเป็นขุนนางโดยยศถาศักดิ์ตามสมควร บ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป ขันทีสิบคนเฝ้าอยู่ได้ยินจึงกราบทูลพระเจ้าเลนเต้ว่า เตียวกิ๋นเป็นแต่ขุนนางผู้น้อยบังอาจมิได้กลัวพระราชอาญา เข้ามาทูลสั่งสอนพระองค์นั้นไม่ควร พระเจ้าเลนเต้จึงสั่งบู๋ซูให้ขับเตียวกิ๋นออกไปเสียจากที่เฝ้า ขันทีสิบคนจึงคิดกันว่าเตียวกิ๋นมากราบทูลกล่าวโทษเราทั้งนี้เป็นข้อใหญ่ ชะรอยมันไปทำการศึกรบโจรมีความชอบหาผู้ใดจะทูลความชอบให้ไม่ มันจึงโกรธอาจใจเข้ามาทูลเองดังนี้ ครั้นเราจะให้ทำโทษตอบบัดนี้ ความนินทาก็จะมีแก่เรา อย่าเลยเราจะนิ่งไว้ก่อนต่อนานไปจึงคิดอ่านฆ่าเสียก็จะไม่พ้นมือเรา พระเจ้าเลนเต้จึงทรงพระดำริว่า เล่าปี่ก็มีความชอบอยู่จึงสั่งให้เสนาบดีปูนบำเหน็จเล่าปี่ เสนาบดีปรึกษาให้เล่าปี่เป็นผู้รักษาเมืองอันห้อก้วน เล่าปี่จึงให้ทหารซึ่งมาด้วยนั้นกลับไปที่อยู่ จัดเอาแต่คนสนิทประมาณยี่สิบคนไว้ แล้วพากวนอู เตียวหุยกับคนยี่สิบคนนั้น ไปอยู่ ณ เมืองอันห้อก้วนได้ประมาณเดือนเศษ เล่าปี่เกลี่ยไกล่อาณาประชาราษฎรซึ่งวิวาทมีคดีแก่กันนั้น มากให้น้อยลง น้อยนั้นให้หายเสีย ราษฎรทั้งปวงได้ความสุข ยกมือไหว้สรรเสริญเล่าปี่เป็นอันมาก แล้วกวนอู เตียวหุยนั้นมีใจภักดีต่อเล่าปี่เป็นอันมาก เวลาเล่าปี่ออกว่าราชการ กวนอู เตียวหุยมิได้ขาดหน้า อุตส่าห์พิทักษ์รักษากัน ครั้นอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง มีหนังสือรับสั่งให้ต๊กิ้วถือมาถึงเล่าปี่ว่า ถ้าเป็นไพร่ได้เลื่อนที่เป็นขุนนางหัวเมืองขึ้นแล้ว จะเรียกเอาส่วย เล่าปี่รู้ข่าวก็ออกไปรับถึงนอกเมือง เล่าปี่คำนับหนังสือรับสั่งตามธรรมเนียมแล้วถามข้อราชการแก่ต๊กอิ้ว ต๊กอิ้วมิได้เกรงเล่าปี่ บอกข้อราชการแล้วเอาแส้ม้าชี้หน้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเห็นดังนั้นก็โกรธ แต่มิได้ว่าประการใด แล้วเล่าปี่เชิญต๊กอิ้วเข้าไปในเมือง จัดแจงที่ให้อยู่ตามธรรมเนียม แลต๊กอิ้วนั่งอยู่บนที่สูงเล่าปี่นั้นยืนอยู่ตามตำแหน่ง ต๊กอิ้วจึงถามเล่าปี่ว่า ตัวมีความชอบสิ่งใดจึงได้เป็นผู้รักษาเมือง เล่าปี่ตอบว่าข้าเป็นเชื้อพระเจ้าฮั่นโกโจอยู่ แต่ว่าบุญน้อยจึงได้เป็นผู้น้อยอยู่ ณ เมืองตุ้นก้วน ครั้งโจรโพกผ้าเหลืองเป็นขบถนั้น ข้าก็ได้อาสาแผ่นดินออกรบโจรถึงสามสิบสี่สามสิบห้าครั้ง มีความชอบหน่อยหนึ่ง จึงโปรดให้มารักษาเมืองนี้ ต๊กอิ้วได้ยินดังนั้นตวาดเพิดให้เล่าปี่แล้วว่า เอ็งนี้ทะนงศักดิ์อ้างอวดว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ ข้อว่าได้ไปรบโจรถึงสามสิบสี่สามสิบห้าครั้งนั้น เราพิเคราะห์ดูรูปร่างเช่นนี้ไม่เห็นสมทำการศึก อย่าพูดโกหกเราหาเชื่อตัวท่านไม่ซึ่งว่าเป็นผู้รักษาเมืองก็ดีแล้ว บัดนี้มีรับสั่งให้เราลงมาเรียกเอาส่วยแก่ขุนหมื่นที่เป็นขึ้นใหม่ เล่าปี่รับคำแล้วมิได้ตอบคำประการใดก็ลาไปที่อยู่ เล่าปี่จึงหาปลัดมาปรึกษว่า ต๊กอิ้วถือรับสั่งมาว่าดังนี้เราจะทำประการใด ปลัดจึงว่าต๊กอิ้วทำสง่าทั้งนี้ปราถนาจะเอาสินบนเป็นประโยชน์แก่ตัว เล่าปี่จึงว่าตั้แต่เรามาอยู่เนืองนี้จะได้ค่าธรรมเนียมแลเบียดเบียนด้ายเส้นหนึ่งเข็มเล่มหนึ่งแก่อาณาประชาราษฎรให้รับความเดือดร้อนหามิได้ จะเอาสิ่งใดมาให้สินบนแก่ต๊กอิ้วนั้นก็ขัดสนอยู่แล้วครั้นรุ่งขึ้นต๊กอ้วจึเอาตัวปลัดลอบมาขู่เข็ญโบยตี จะให้ปลัดนั้นว่าเล่าปี่ฉ้อราษฎรปลัดจะได้ว่าตามคำต๊กอิ้วหามิได้ เล่าปี่รู้ก็มาจะเข้าไปหาต๊กอิ้ว นายประตูห้ามมิให้เข้าไป เล่าปี่ก็กลับมาที่อยู่

วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่1

ตอนที่ 1
เดิมแผ่นดินเมืองจีนทั้งปวงนั้น เป็นสุขมาช้านานแล้วก็เป็นศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข มีพระมหากษัตริย์ทรงพระนามพระเจ้าจิวบูอ๋อง แลพระวงศ์ได้เสวยราชย์ต่อๆ ลงมาเป็นหลายพระองค์ ได้ความสุขมาถึงเจ็ดร้อยปี จึงมีผู้ตั้งแข็งเมืองถึงเจ็ดหัวเมือง ครั้งนั้นพระเจ้าจิ๋นอ๋องได้เสวยราชย์ในเมืองจิ๋นก๊ก ให้ไปตีเอาหัวเมืองทั้งเจ็ดนั้นเข้าอยู่อาณาจักรพระเจ้าจิ๋นอ๋องทั้งสิ้น ครั้นอยู่มาพระเจ้าจิ๋นอ๋องเสียแก่ฮั่นฌ้อ แล้วฮั่นโกโจกับฮั่นฌ้อรบกัน จึงได้ราชสมบัติแก่ฮั่นโกโจ ฮั่นโกโจแลพระราชวงศ์ได้เสวยราชสมบัติต่อๆ มาในแผ่นดินจีนนั้นถึงสิบสององค์ มีขุนนางคนหนึ่งชื่ออองมังเป็นขบถชิงเอาราชสมบัติได้ เป็นเจ้าแผ่นดินอยู่สิบแปดปี แล้วจึงมีหลานพระเจ้าฮั่นโกโจชื่อฮั่นกองบู๊ จับอองมังฆ่าเสียชิงเอาราชสมบัติ ได้เสวยราชย์สืบวงศ์มาสิบสององค์ พระองค์ได้เสวยราชย์ที่สุดนั้น ทรงพระนามว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ จึงแตกเป็นสามเมือง ภาษาจีนเรียกว่า “สามก๊ก”

มาลีถ้อยร้อยรัก...สวัสดี


อุบลบานใบบ่มโต้ลมหนาว
มะลิขาวพราวดินส่งกลิ่นหอม
พุทธชาดบาทบวงพวงพะยอม
มนัสน้อมอูนป่ากาสะลอง

กรรณิการ์ราตรีจำปีแก้ว
เหลืองนมแมวชวนชมผสมสอง
คำมอกหลวงพวงร้อยคู่สร้อยทอง
ผกากรองช้องนางกระดังงา

สารภียี่สุ่นพิกุลเกด
ดาวเรืองเดชเพชรชมพูคู่พุดป่า
หอมสายหยุดพุดตานบานชบา
งามจำปาการเวกเอกเหลืองจันทร์
รักบานไม่รู้โรยสิ้นโหยไห้
ชงโคไพรลำดวนสวนสวรรค์
รสสุคนธ์มณฑาลดาวัลย์
อรพันธุ์กันเกราคัดเค้างาม

มหาพรหมนมหนูตุ้มหูเพชร
นางแย้มเกล็ดกระโห้ด่างดอกข้าวหลาม
กุหลาบมอญซ่อนกลิ่นประทินนาม
แสดสยามคำฟูบรู๋โมฬี

สวัสดีปีใหม่ด้วยไม้หอม
มงคลพร้อมจอมจินต์กลิ่นและสี
คือพรชัยในมนัสสวัสดี
เพื่อนน้องพี่ปีใหม่ชื่นใจเอย

Tony

เปลวไฟที่ปักษ์ใต้

จะต้องเสียธงชาติอีกกี่ผืน
จะต้องนอนสะอื้นอีกกี่หน
จะต้องตายเป็นผีอีกกี่คน
ประชาชนจึงจะหายคลายหวาดกลัว

พระคุณเจ้าไม่กล้าบิณฑบาต
หวั่นจะถูกพิฆาตยิงหัว
ครูอาจารย์ใจพรั่นสั่นระรัว
ไม่รู้ตัวจะถึงคิดฆ่าเมื่อใด

ผัวและเมียพรากกันที่พันผูก
แม่กับลูกจากกันแสนหวั่นไหว
ญาติพี่น้องพร่ำหาแสนอาลัย
โอ้..ปักษ์ใต้ดินแดน..มิคสัญญี

เมื่อใดหนอ..เสียงปืนจะสูญสิ้น
เมื่อใดหนอ..แผ่นดินพบสุขศรี
เมื่อใดหนอ..จะรู้จักสามัคคี
ปรัศนีนี้ถามใจไทยทุกคน

เลิกฆ่าเลิกจองเวรกันเถิดครับ
หันมารับความดีมีเหตุผล
ก่อนที่ไฟจะลุกลามทั่วมณฑล
ประชาชนจุสุขอยู่อย่างไร
สามจังหวัดที่ฆ่ากันในวันนี้
ใครใครต่างรู้กันดีที่..ปักษ์ใต้
ขอวิงวอนทุกฝ่ายโปรดร่วมใจ
อย่าให้ไทยต้องหันมา..ฆ่ากันเลย

รวมพลังครั้งยิ่งใหญ่
หกสิบสอง ล้านดวงใจ ไทยทั้งชาติ
ขอประกาศ รวมพลัง ครั้งยิ่งใหญ่
เพื่อส่งนก สันติภาพ จากหัวใจ
ถึงพี่น้อง เราชาวใต้ ให้ร่มเย็น

สมเด็จพระ ราชินี มีดำรัส
มองเห็นชัด ความโหดร้าย ชี้ให้เห็น
สามจังหวัด ของภาคใต้ สุดลำเค็ญ
ถึงยุคเข็ญ เข้าเข่นฆ่า ประชาชน

จะทำมา หรือหากิน ก็ไม่ได้
จะมาไหน จะไปไหน ให้สับสน
แม้แต่เด็ก ไปโรงเรียน ยังกังวล
แล้วทุกคน จะอยู่สุข กันอย่างไร

ถึงเวลา หรือยังเรา เหล่าน้องพี่
รวมพลัง สามัคคี ให้ยิ่งใหญ่
เพื่อปกป้อง ผืนแผ่นดิน ถิ่นของไทย
ใครจะมา แบ่งแยกไป ได้เห็นดี

ประวัติศาสตร์ ของชาติไทย แต่เก่าก่อน
ย่อมสะท้อน ความลึกซึ้ง ถึงศักดิ์ศรี
ศัตรูใด คิดหาญกล้า มาราวี
เถ้าธุลี เพียงเม็ดทราย อย่าหมายหอง

รับใส่เกล้า ใส่กระหม่อม ปฏิบัติ
พระดำรัส ได้สดับ รับสนอง
เราชาวไทย น้อมวันทา ฝ่าละออง
เพื่อพี่น้อง ใต้สงบ พบร่มเย็น

เพียงแค่คุณพยายามหากำลังใจอย่างเข้ามาแทนความอ้างว้าง....ก็ไม่ต้องแคร์สิ่งใด
Thepoetry4u : tony