วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 5)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


กำเหลงเห็นดังนั้นก็รีบขับม้าตามไป พอได้ยินเสียงโห่ร้องหนุนมาข้างหลังเป็นอันมาก ครั้นเหลียวมาก็เห็นเทียเภาคุมทหารตามมา กำเหลงเป็นคนโลภจึงคิดแต่ในใจว่า แม้จะละไว้ช้าเทียเภากับทหารทั้งปวงก็จะตามจับหองจอได้ความชอบก็จะอยู่กับเขา จำเราจะรีบทำการเสียก่อน แล้วกำเหลงก็ขับม้าตามขึ้นไปใกล้จะทัน จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงไปถูกหองจอตกม้าตาย แล้วตัดเอาศีรษะกับมาให้ซุนกวน ซุนกวนก็มีความยินดี จึงให้เอาศีรษะหองจอใส่ถังผนึกไว้แล้วว่า ถ้าเรากลับไปถึงเมืองจะได้เอาศีรษะหองจอนี้เซ่นศพบิดาเราให้หายความแค้นจึงตั้งกำเหลงให้เป็นนายทหาร แล้วปรึกษากับเตียวเจียวว่า เราจะคิดทำการต่อไปจำจะต้องแบ่งทหารให้อยู่รักษาเมืองกังแฮบ้างหรือประการใด

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 4)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นกำเหลงมาอยู่ ณ เมืองเอียนก๋วน เห็นได้ทีแล้วจึงมาว่ากล่าวจะขอมาอยู่ทำราชการด้วยท่าน บัดนี้กำเหลงก็มาด้วย แต่เกรงอยู่ว่าท่านจะมีใจพยาบาทเมื่อครั้งท่านยกไปจะจับหองจอ แลกำเหลงช่วยแก้ไขเอาเกาทัณฑ์ยิงเล่งโฉถึงแก่ความตาย กำเหลงจึงพาหองจอหนีรอดไป ข้าพเจ้าจึงตอบว่า อันน้ำใจท่านมิได้พยาบาท แลประการหนึ่งในท่ามกลางสงคราม ต่างคนต่างอาสานายทำศึกจะเอาชัยชนะ แลเนื้อความทั้งนี้ข้าพเจ้าได้รับคำกำเหลงมาแล้ว ท่านจงมีใจเอ็นดูข้าพเจ้าอย่าให้เสียวาจา ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่า การทั้งปวงซึ่งท่านได้รับคำกำเหลงมานั้นอย่าได้วิตกเลย แม้เราได้กำเหลงมาไว้ด้วยแล้ว อันหองจอนั้นอุปมาเหมือนอยู่ในเงื้อมมือเรา แล้วก็ให้ลิบองออกไปพากำเหลงเข้ามา กำเหลงคำนับซุนกวน ซุนกวนจึงว่าแก่กำเหลงว่า ซึ่งท่านสมัครมาอยู่ด้วยเรานี้ก็สมความปรารถนาที่เราคิดไว้ การสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งได้ผิดพลั้งกันมาแต่ก่อนนั้นเรามิได้พยาบาทท่าน ท่านจงตั้งใจทำราชการโดยสุจริตเถิด เราจะเลี้ยงให้ถึงขนาด ท่านจงเร่งคิดอ่านกำจัดหองจอเสียให้ได้ กำเหลงจึงตอบว่าครั้งนี้โจโฉก็ตั้งตัวเป็นใหญ่หลวง ฝ่ายเล่าเปียวนั้นเป็นคนโลเล แล้วความคิดก็น้อย บัดนี้ตัวก็แก่ชราแล้ว ท่านจงเร่งยกไปรบเอาเมืองเกงจิ๋วเสียให้ได้ก่อน แม้ละไว้ช้าเห็นโจโฉจะยกกองทัพมาตีเอาเมืองเกงจิ๋วได้ การทั้งปวงซึ่งท่านจะคิดทำนั้นก็จะลำบากแก่ทหาร ถ้าท่านเห็นด้วย เมื่อจะยกไปตีเมืองเกงจิ๋วนั้น จงตีเมืองกังแฮซึ่งเป็นต้นทางเสียก่อน ด้วยหองจอเจ้าเมืองกังแฮนั้นสติปัญญาน้อยทั้งประกอบไปด้วยโลภนักทำร้ายแก่ไพร่บ้านพลเมืองให้ได้ความเดือดร้อน ราษฎรทั้งปวงชังหองจออยู่แล้ว น้ำใจนั้นก็ประมาท มิได้ซ่องสุมทหารจัดแจงเรือรบเรือไล่ แลอาวุธไว้ป้องกันรักษาเมือง ถ้าเห็นด้วยข้าพเจ้าแลท่านจะยกไปครั้งนี้ก็จะได้เมืองกังแฮโดยง่าย แม้ได้เมืองกังแฮแล้วจึงยกไปตีเมืองเกงจิ๋ว ก็จะได้ทหารใหญ่น้อยเป็นอันมาก แล้วจึงค่อยยกไปตีเอาเมืองเสฉวน เมื่อได้เมืองเสฉวนแล้ว ท่านจะคิดการใหญ่หลวงให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ก็เห็นจะสมความปราถนา

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 3)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ถึงเดือนสิบสองข้างขึ้น นางงอฮูหยินผู้เป็นมารดาซุนกวนเป็นโรคป่วยหนักลง จึงให้หาจิวยี่กับเตียวเจียวเข้ามาแล้วสั่งว่า แต่ก่อนเราเป็นชาวเมืองต๋องง่อบิดามารดาตายเป็นกำพร้า เลี้ยงกันอยู่แต่พี่น้องสามคน แลมาได้ซุนเกี๋ยนเป็นสามีจนเกิดบุตรถึงสี่คน แลเมื่อเราจะตั้ง้องซุนเซ็กผู้บุตรหัวปีนั้นเราฝันเห็นว่าดวงพระจันทร์อยู่ในครรภ์ แลเมื่อซุนกวนจะเข้าท้องนั้นฝันเห็นว่า ดวงพระอาทิตย์เข้าอยู่ในท้อง หมอทำนายว่าบุตรท่านทั้งสองนี้นานไปจะได้เป็นใหญ่ แลซุนเซ็กก็อายุน้อยถึงแก่ความตายเสียก่อน เมื่อจะใกล้ตายก็มอบเมืองกังตั๋งไว้แก่ซุนกวนผู้น้องให้เป็นเจ้าเมือง บัดนี้ตัวเราป่วยหนัก เห็นจะไม่คงชีวิตอยู่ จะลาท่านทั้งสองแล้ว แม้ว่าเราหาบุญไม่ ท่านจงได้เอ็นดูช่วยอนุเคราะห์สั่งสอนซุนกวนสืบไปโดยความชอบ อย่าทิ้งเสียเลย แล้วนางงอฮูหยินจึงสั่งแก่ซุนกวนว่า แม้สืบไปเมื่อหน้า เจ้าจะทำการสิ่งใดจงปรึกษาหารือด้วยจิวยี่แลเตียวเจียวซึ่งเป็นผู้ใหญ่ ให้รู้จักผิดแลชอบ อย่าถือทิฐิมานะ จงคารวะนับถือท่านทั้งสองนี้เป็นอาจารย์ผู้ใหญ่อย่าได้ทำการแต่อำเภอใจ อนึ่งนางงอก๊กไถ้น้องเราผ้เป็นแม่น้าของเจ้านั้น ถ้าแม่ตายแล้วก็อย่าได้ละเมินเสีย จงตั้งใจอุปถัมภ์บำรุงปฏิบัติรักษาดุจตัวของแม่ อนึ่งน้องหญิงซึ่งร่วมบิดาของเจ้านั้น จงตั้งใจเลี้ยงรักษาไว้ให้โดยปรกติด้วย แม้จะให้มีสามีเจ้าจงพิเคราะห์ดู ผู้ใดมีสติปัญญาจึงยกให้เป็นภรรยา ครั้นสั่งสอนซุนกวนแล้ว นางงอฮูหยินก็สิ้นใจ ซุนกวนจึงแต่งการศพตามธรรมเนียมแล้วให้ก่อกุฎิฝังไว้

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 2)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ซุนเซียงได้ฟังดังนั้นก็ไม่เชื่อ ถึงเวลาเช้าก็ออกไปเลี้ยงขุนนาง ณ ศาลากลาง ครั้นขุนนางคำนับกินโต๊ะแล้วต่างคนต่างไป ซุนเซียงก็กลับเข้ามา พอถึงประตูจะเข้าไปข้างใน เปียนหองคนสนิทซึ่งเดินมาข้างหลังเห็นซุนเซียงประมาทมิได้ระวังตัว ก็ชักดาซึ่งซ่อนมานั้นฟันซุนเซียงล้มลงตายอยู่กับประตู อิหลำกับไต้อ้วนก็กลับจับเปียนหองว่าเป็นขบถทำร้ายแก่ซุนเซียง ให้เอาไปฆ่าเสีย แล้วก็เก็บเอาข้าวของทรัพย์สมบัติของซุนเซียงรวมไว้ แล้วอิหลำให้หาตัวนางชีฮูหยินมาว่าบัดนี้เปียนหองคิดมิชอบเป็นขบถฆ่าสามีท่านเสีย ข้าพเจ้าก็ได้แก้แค้นแทนท่านให้เอาเปียนหองไปฆ่าเสียแล้ว ตัวท่านเป็นผู้หญิงควรจะปฏิบัติตามเรา แม้มิยอมเป็นภรรยาเรา เราก็จะฆ่าเสีย นางชีฮูหยินจึงทำกลอุบายตอบว่า ตัวข้าพเจ้าเป็นหญิงหาสามีมิได้ เป็นที่คนทั้งปวงดูหมิ่น ซึ่งท่านเมตตาจะเลี้ยงข้าพเจ้าเป็นภรรยานั้นก็ควรอยู่แล้ว แต่ทว่าผัวข้าพเจ้าตายใหม่ๆ ใจยังไม่ปรกติ ขอท่านได้งดก่อน ข้าพเจ้าจะแต่งโต๊ะเซ่นวักสามีตามประเพณีแล้วจึงจะปฏิบัติตามท่านอิหลำได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนักก็กลับไปยังที่อยู่

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 1)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


อยู่มาวันหนึ่งขงเบ้งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า บัดนี้โจโฉขุดสระใหญ่ไว้สระหนึ่ง ชื่อว่าเหียนหมูตี้อยู่ในเมืองกิจิ๋ว ซ้อมหัดทหารทั้งปวงให้ชำนิชำนาญในการเรือ เห็นจะยกไปตีเมืองกังตั๋งเป็นมั่นคงอยู่แล้ว ขอให้ท่านแต่งคนไปสืบดูราชการเมืองกังตั๋งว่าจะรู้จัดแจงบ้านเมืองพรักพร้อมอยู่แล้วหรือหาไม่ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วยจึงแต่งคนให้ไปสืบ ณ เมืองกังตั๋ง

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เดอะ บีเทิลส์ ตำนานแอปเปิลตัวจริง

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          ไม่มีใครในโลกนี้ไม่รู้จัก เดอะ ลีเทิลส์ (The Beatles) หรือ  4 เต่าทอง เจ้าของเพลงฮิตอมตะตลอดกาลมากมายจากเมืองลิเวอร์พูล ไม่มีใครไม่เคยฟังเพลงของพวกเขา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า พวกเขายังเป็นผู้ให้กำเนิดบริษัท แอปเปิล เจ้าของไอโฟนและไอแพดที่โด่งดังในยุคนี้อีกด้วย
          หลังจากมีคนพบศพของไบรอัน เอ็ปสไตน์ ผู้จัดการของวงเดอะ บีเทิลส์ ที่แฟลตของเขาเอง เนื่องจากการเสพยาเกินขนาด ทุกคนในวงต่างก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องจัดการเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมดด้วยตัวเอง พอลแมกคาร์ทนีย์ เป็นผู้รับหน้าที่นี้ไป เขาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แอปเปิลขึ้น โดยมีสมาชิกเอะ บีเทิลส์ทั้ง 4 คนเป็นหุ้นส่วน แต่เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของวงทำให้บริษัทแอปเปิลต้องแตกไลน์ ขยายสาขาไปมากมายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ก็เกิดบริษัทลูกในนาม แอปเปิล บูติก, แอปเปิล ฟิล์ม, แอปเปิล พับบลิชชิ่ง, แอปเปิล เรกคอร์ดส์, แอปเปิล อิเล็กทรอนิกส์, แอปเปิล คอมพิวเตอร์ และแอปเปิล รีเทล
          แต่ก็เป็นไปตามคาด ศิลปินกับธุรกิจมักไปด้วยกันไม่ค่อยได้ หลังเดอะ บีเทิลส์วงแตก แอปเปิลก็ประสบปัญหาขาดทุนสะสม พอล แมกคาร์ทนีย์ลาออกจากการเป็นผู้จัดการ อัลเลน คลน์ก็เข้ามาทำหน้าที่แทน ช่วงเวลานั้นเองที่ 2 เด็กหนุ่มอัจฉริยะจากแคลิฟอร์เนียเข้ามามีบทบาทในแอปเปิลคอมพิวเตอร์ นั่นก็คือ สตีฟ จ๊อบส์ และสตีฟ วอชเนียก พวกเขาทั้งคู่ให้กำเนิดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ชื่อ แอปเปิล 2 กลายเป็นต้นกำเนิดแห่งตำนานผลิตภัณฑ์แอปเปิล อย่างไอโฟนในปัจจุบัน

ใส่หมวก จูบภรรยา นำไทยสู่มหาอำนาจ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          ยุคหนึ่ง รัฐบาลไทยต้องการให้ประเทศชาติพัฒนาทัดเทียมมหาอำนาจ จึงรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยใช้ชีวิตเยี่ยงฝรั่ง ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

- ห้ามนุ่งโจงกระเบน ผู้ชายต้องใส่กางเกง ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรง
- ออกจากบ้านทุกครั้ง  ทุกคนต้องใส่รองเท้าและสวมหมวก
- ห้ามเคี้ยวหมาก (มีการฟันต้นหมากทิ้งทั่วประเทศ)
- ชื่อของทุกคนต้องบ่งบอกเพศได้ เป็นที่มาว่าทำไมชื่อสมชาย จึงเป็นที่นิยมนัก
- ตัดความซับซ้อนของภาษาไทยออกไป สรรพนามทั้งหลายให้เหลือแค่ "ฉัน" กับ "ท่าน" เท่านั้น ท้ายประโยคก็ให้พูดว่า "จ๊ะ" แทน "ครับ" และ "ค่ะ" เพื่อความเป็นอารยะ เช่น ถ้าหนังเรื่องต้มยำกุง ถูกถ่ายทำในยุคนั้น จา พนม ก็ต้องพูดว่า "ช้างฉันอยู่ไหนจ๊ะ"
- ให้จูบภรรยาทุกครั้งก่อนไปทำงาน
- ควรกินก๋วยเตี๋ยว และให้ข้าราชการไทยขายก๋วนเตี๋ยว เพราะก๋วยเตี๋ยวนั้นมีรสอร่อย

เทพนิยายต้นฉบับ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          เชื่อหรือไม่ว่าต้นฉบับเทพนิยายเด็กน้อยที่เราเคยอ่านไม่ได้จบลงสวยงามมีความสุขอย่างที่เราคิด ต่อไปนี้คือเรื่องเล่าย่อๆ พอหวาดเสียวจากต้นฉบับเทพนิยายของจริง

          เจ้าหญิงนิทรา - เรื่องของเจ้าหญิงที่ถูกเข็มปั่นด้ายปักเข้าที่นิ้วจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา (ไม่รู้ปักเอาท่าไหน) วันหนึ่งมีเจ้าชายผ่านมาเห็นเข้า จึงทำการ xxxx เจ้าหญิงจนตั้งท้องและคลอดเด็กแฝดออกมาคู่หนึ่ง เด็กคู่นี้หิวนม จึงตรงเข้าไปดูดนิ้วเจ้าหญิง ทำให้เข็มที่ปักนิ้วหลุด แล้วเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมา

          หนูน้อยหมวกแดง - หนูน้อยคนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังป่วย แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็พบคุณยายกลายเป็นอาหารของหมาป่าไปแล้ว แต่หมาป่าก็ไม่ได้แกล้งปลอมตัวเป็นคุณยายหรอกนะ มันกระโดเข้างับหนูน้อยหมวกแดงเลือดสาด เคี้ยวหมับๆ เป็นของหวานตบท้าย เรื่องจบลงแค่นี้ ไม่มีนายพรานมาช่วยหรอก...

ระเบิดปรมาณู เกือบไม่ใช่นางาซากิ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          เช้าวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ชาวเมืองโคคุระรู้สึกได้ถึงลางร้ายที่กำลังมาเยือน เงาเมฆดำทะมึนปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง เมื่อ 3 วันก่อน เมืองฮิโรชิมาเพิ่งถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองจากระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก แต่ทว่าญี่ปุ่นยังไม่ประกาศยอมแพ้สงคราม เป้าหมายต่อไปของระเบิดปิศาจลูกที่ 2 ย่อมหนีไม่พ้นเมืองโคคุระ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาวุธสงครามของกองทัพญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ที่มาของแกงการู

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          สมัยที่กัปตันเจมส์ คุก และนักธรรมชาติวิทยา เซอร์ โจเซฟ แบงกส์ เดินทางไปสำรวจกินแดนออสเตรเลียที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ (ในทรรศนะของชาวตะวันตก) พวกเขาเหลือบไปเห็นสัตว์ประหลาดที่มีกระเป๋าหน้าท้อง กระโดดโหยงเหยงไปมา ด้วยความประหลาดใจ จึงสะกิดถามชาวพื้นเมืองด้วยความใคร่รู้ว่า มันคือตัวอะไร ชาวอะบอริจินพื้นเมืองก็หันมาตอบทันใดว่า "แกงการู" นับแต่นั้นมา แกงการู (หรือที่คนไทยเรียกว่าจิงโจ้) ก็กลายเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตกและชาวโลก
          แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว คำว่า "แกงการู" เป็นภาษาของชาวอะบอริจิน แปลว่า "พูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ" ชาวอะบอริจินฟังภาษาอังกฤษไม่ออกนั่นเอง

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 9)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ขงเบ้งจึงตอบว่า อันแผ่นดินเกิดจลาจลตราบเท่าทุกวันนี้ก็เพราะตั๋งโต๊ะนั้นเป็นต้น ฝ่ายโจโฉเล่า ที่ซ่องสุมทหารทั้งปวงแล้วยกไปกำจัดอ้วนเสี้ยวได้นั้นใช่ว่าจะสำเร็จด้วยกำลังทหารมากก็หาไม่ ทหารโจโฉน้อยกว่าทหารอ้วนเสี้ยวอีก แลอาจสามารถทำการใหญ่หลวงสำเร็จได้ทั้งนี้ก็เพราะปัญญาแลความคิดของตัวถึงมาตรว่าโจโฉเป็นคนชั่ว มิได้มีความกตัญญูต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ คิดอ่านทำการหยาบช้าถึงเพียงนี้แล้วก็ดี ก็ยากที่จะกำจัดโจโฉได้โดยง่าย

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 8)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านอุตส่าห์พยายามมาหาขงเบ้งก็มิพบ จะอยู่ช้าไปไยเล่า เวลาก็เย็นลงจวนฝนจะตกพายุพัดหนาวหนัก จงรีบกลับไปเถิด เล่าปี่จึงว่ากับเตียวหุยว่า เรามายังมิทันเจรจาได้สักสองคำเลย ท่านมาด่วนรบให้รีบกลับไปจะประโยชน์สิ่งใด แล้วจึงถามจูกัดกิ๋นว่า เราได้ยินเขาเลื่องลือว่าพี่ท่านมีสติปัญญา ร่ำเรียนวิชารู้หลักแหลมเป็นอันมาก ตัวท่านเป็นน้องยังแจ้งว่าทุกวันนี้ยังเรียนสิ่งใดอยู่ จูกัดกิ๋นจึงว่า พี่ข้าพเจ้ามีสติปัญญาก็จริงอยู่ แต่ซึ่งจะร่ำเรียนวิชาสิ่งใดนั้น ข้าพเจ้าหาล่วงรู้ไม่

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 7)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่า กวนอู เตียวหุยก็ขึ้นม้าพากันไป ณ เมืองซินเอี๋ย อยู่สี่ห้าวันเล่าปี่จึงแต่งให้คนใช้ไปซับซาบดูขงเบ้ง ครั้นคนใช้กลับาบอกว่าขงเบ้งกลับมาที่อยู่แล้ว เล่าปี่จึงจัดแจงสิ่งของจะไปหาขงเบ้ง เตียวหุยจึงว่าท่านจะมาหลงนับถือว่าขงเบ้งเป็นคนมีสติปัญญา จะอุตส่าห์ทรมานกายไปหาให้ลำบากนั้นหาต้องการไม่ จะนับถืออะไรกับขงเบ้งเป็นคนบ้านนอก ข้าพเจ้าจะให้แต่ทหารไปเอามาก็จะได้ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ขงเบ้งเป็นคนมีสติปัญญา เหตุใดท่านมาประมาทหยาบช้าดังนี้ ว่าแล้วก็ขึ้นม้าออกไปกับคนใช้ กวนอู เตียวหุยเห็นดังนั้นก็ขึ้นม้าตามออกไปทางประมาณสามสิบเส้น พอน้ำค้างตกลงหนาวเป็นกำลัง เตียวหุยจึงว่าเทศกาลนี้เป็นฤดูหนาว อันยามหนาวเช่นนี้แม้จะคิดอ่านทำการสงครามเอาบ้านเมืองนั้นก็ยังต้องงดไว้ ควรแล้วหรือมานับถือขงเบ้งซึ่งเป็นชาวบ้านนอกนี้หาเป็นประโยชน์ไม่ ขอท่านกลับไปเมืองก่อนเถิด

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 6)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ลงจากม้าเดินเข้าไปถึงประตูบ้าน เล่าปี่จึงพิเคราะห์ดูภูมิฐานบ้านเรือนเห็นสะอาดสะอ้านชอบมาพากล แม้เทศกาลร้อนก็มิได้ร้อน เพราะลมพัดมาได้ เมื่อถึงฤดูฝนก็เป็นที่ร่มปิดหยาดฝนมิได้ถูกต้อง หน้าฤดูหนาวก็มิได้เย็นด้วยละอองน้ำค้าง สมควรเป็นที่อยู่ผู้มีสติปัญญาจริง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งมีความยินดีเป็นอันมาก แล้วก็เดินเข้าไปถึงประตูเรือนเด็กน้อยคนใช้จึงถามว่า ท่านชื่อใดมาแต่ไหน เล่าปี่จึงบอกว่าเราชื่อ ห้วนจงกุ๋นยี่เซงเตงเฮาเล่าปี่ เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาคำนับอาจารย์ของท่าน เด็กนั้นจึงบอกว่า ท่านบอกชื่อมากนักเราจำมิได้ เล่าปี่จึงว่า ถ้าจำชื่อเรามิได้ จงเข้าไปบอกแก่อาจารย์ว่าแต่เล่าปี่มาหาเถิด เด็กนั้นจึงว่า บัดนี้อาจารย์ข้าพเจ้าไม่อยู่ จะไปตำบลใดมิได้แจ้ง เล่าปี่จึงว่าเมื่อไรจะกลับมาเล่า เด็กนั้นจึงบอกว่า อันอาจารย์ข้าพเจ้าไปนี้จะกำหนดว่ามาช้าแลเร็วนั้นไม่ได้ บางทีสามวันบ้าง ห้าวันบ้างสิบวันบ้างจึงจะกลับมา

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 5)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ครั้นส่งชีซีไปแล้ว กลับเข้ามาถึงเมืองก็จัดแจงสิ่งของซึ่งจะไปหาขงเบ้ง พอนายประตูเข้ามาบอกว่า บัดนี้อาจารย์ผู้หนึ่งเป็นคนผู้ใหญ่รูปร่างงาม แต่งตัวเป็นคนสุภาพมาหาท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่าขงเบ้งมาก็ดีใจ จึงขมีขมันออกมารับ ก็เห็นสุมาเต๊กโช เล่าปี่มีความยินดีหาที่สุดมิได้ จึงเชิญเข้าไปนั่งแล้วคำนับว่า แต่ข้าพเจ้ามาจากท่านวันนั้น ก็มีใจรำลึกถึงอยู่คิดจะไปเยือน ท่านมาบัดนี้มีกิจธุระสิ่งใดหรือ สุมาเต๊กโชจึงบอกว่า เรามาบัดนี้จะมีธุระก็หาไม่ ด้วยรู้ว่าชีซีมาทำราชการอยู่ด้วยท่าน มีใจรำลึกถึงก็มาเยือน เล่าปี่จึงบอกเนื้อความซึ่งชีซีจากไปนั้นให้สุมาเต๊กโชฟังทุกประการ

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 4)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ได้ฟังถ้อยคำชีซีบอกต้องกันกับคำสุมาเต๊กโช ก็มีความยินดีสว่างในอารมณ์ ดุจหนึ่งบุคคลหลับตาอยู่แลลืมขึ้น ก็พาทหารทั้งปวงกลับมาเมืองซินเอี๋ย ฝ่ายชีซีลาเล่าปี่ไปแล้ว คิดถึงคุณเล่าปี่ซึ่งเอ็นดูกรุณาแล้วคิดวิตกว่าเล่าปี่จะไปเชิญขงเบ้ง ขงเบ้งจะไม่มาทำราชการด้วย จึงควบม้าแวะไปเขาโงลังกั๋งเข้าไปคำนับขงเบ้ง ขงเบ้งจึงถามว่าท่านมาด้วยธุระสิ่งใด ชีซีจึงบอกความหลังให้ฟังทุกประการ แล้วว่าเมื่อข้าพเจ้าลาเล่าปี่มานั้นได้บอกไว้ว่าท่านเป็นคนมีสติปัญญาอยู่ในที่นี่ เล่าปี่มีความยินดีนัก แม้เล่าปี่จะมาเชิญท่าน ท่านอย่าได้บิดพลิ้ว จงไปช่วยเล่าปี่คิดอ่านปราบปรามแผ่นดินให้ราบคาบเป็นสุขด้วย อย่าให้เสียทีซึ่งได้เรียนความรู้นั้นไว้เลย ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่าแก่ชีซีว่า ท่านจะไปจากเล่าปี่นั้นไม่มีสิ่งใดจะให้แก่เล่าปี่หรือ จึงจะมาเอาเราไปเป็นเครื่องเซ่น ขงเบ้งว่าเท่านั้นกล้วก็กอดมือกลับเข้าไปในเรือน ชีซีเห็นขงเบ้งขัดเคืองคิดละอายใจก็ขึ้นม้ารีบไปยังเมืองฮูโต๋

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 3)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นเวลารุ่งเช้าเลาปี่ก็ให้ไปเชิญชีซีมากินโต๊ะ ขณะเมื่อชีซีหยิบจากสาขึ้นจะดื่มนั้นจึงว่ากับเล่าปี่ว่า ข้าพเจ้ารู้ว่าโจโฉจับมารดาไปทำโทษจองจำไว้ฉะนี้หัวใจข้าพเจ้ารอ้นดุจเพลิงสุมอยู่ในอก ถึงมาตรว่าท่านจะเอาของอันมีโอชารสมาให้กินก็มิลงคอเลย เล่าปี่ถึงตอบว่า อันท่านทุกข์ถึงมารดาก็เป็นประเพณีอยู่แล้ว แต่ทุกข์ของเราซึ่งท่านจะจากไปบัดนี้ก็ร้อนอยู่ในอกเหมือนกัน ถึงจะเอาตับหงส์แลตับมังกรอันมีรสดุจหนึ่งว่าเป็นทิพย์นั้นมากิน ก็หารู้จักว่าเป็นรสอันใดไม่

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 2)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


อยู่มาวันหนึ่งเทียหยกจึงไปเยียนมารดาชีซีแล้วบอกว่า บุตรท่านกับข้าพเจ้าก็เป็นมิตรรักใคร่กันมาแต่ก่อน ท่านเป็นมารดาของชีซีก็เหมือนเป็นมารดาของข้าพเจ้า มารดาชีซีได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่าจริงมีความยินดีนัก ตั้งแต่วันนั้นมาเทียหยกก็ได้เอาของไปให้เนืองๆ แล้วเขียนหนังสือไปคำนับทุกครั้ง มารดาชีซีก็เขียนหนังสือรับคำนับตามประเพณีตอบไปทุกที ครั้นเทียหยกได้หนังสือดังนั้นก็หัดเขียนให้ชำนาญเหมือนลายมือมารดาชีซีแล้ว จึงเขียนหนังสือฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า เราผู้เป็นมารดาบอกมาถึงชีซีผู้บุตรให้รู้ ด้วยชีของผู้น้องเจ้านั้นถึงแก่ความตายแล้ว ตัวแม่เป็นคนชราหาผู้ใดจะเลี้ยงรักษาพยาบาลมิได้ โจโฉจับเอาแม่มาทำโทษแล้วจะให้เอาไปฆ่าเสีย เพราะเหตุเจ้ามาอยู่ด้วยเล่าปี่คิดจะทำร้ายโจโฉ หากเทียหยกเมตตาแม่เห็นว่าเป็นคนชรา ช่วยว่ากล่าวให้งดไว้จึงมิตาย แม้ว่าเจ้ามีความกตัญญูเอ็นดูแม่มาหาโจโฉแล้ว ชีวิตแม่ก็จะไม่มีอันตราย แม้เจ้าไม่อาลัยถึงแม่ มิได้มาตามหนังสือนี้เมื่อใด แม่ก็จะตายเพราะอาญาโจโฉเป็นมั่นคง เมื่อเทียหยกแต่งหนังสือแล้ว ก็ใช้ให้คนสนิทถือไปให้ชีซี ณ เมืองซินเอี๋ย บอกว่ามารดาจ้างถือหนังสือมาถึงท่าน

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายโจหยินกับลิเตียนไปถึงเมืองฮูโต๋ จึงเข้าไปหาโจโฉแจ้งเนื้อความทั้งปวง แล้วก็ร้องไห้วิงวอนขอโทษ โจโฉจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย อันธรรมดาว่าสงครามจะหมายชนะฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ ย่อมแพ้บ้างชนะบ้าง แต่เราคิดสงสัยว่าเล่าปี่ทำการได้ถึงเพียงนี้เห็นเกินนัก ชะรอยจะมีผู้ใดคิดอ่านให้ โจหยินจึงว่าข้าพเจ้าแจ้งเนื้อความว่า ที่ปรึกษาคิดการทั้งปวงให้เล่าปี่นั้นชื่อว่าตันฮก โจโฉจึงถามว่าตันฮกคนนี้จะเป็นผู้ใด เหตุไฉนแต่ก่อนชื่อเสียงจึงไม่ปรากฎ เทียหยกได้ยินก็หัวเราะแล้วจึงว่า ตันฮกคนนี้เดิมชื่อชีซีอยู่เมืองเองจิ๋ว เมื่อหนุ่มนั้นเป็นคนมีเพื่อนมากเที่ยวเรียนวิชา ครั้นอยู่มาไปฆ่าเขาตายแล้วแกล้งทำอาการเป็นบ้า ครั้นเขาจับได้เอาตัวไปโบยตีไต่ถาม ก็มิได้บอกชื่อเสียงแลเหตุผลทั้งปวงโดยจริงแกล้งนิ่งเสีย ผู้พิจารณาจึงเอาตัวมัดใส่เกวียนไปเที่ยวตระเวนตีฆ้องร้องป่าวว่าผู้ใดยังรู้จักชื่อคนนี้บ้าง บรรดาชาวบ้านร้านตลาดทั้งปวงซึ่งรู้จักกันนั้น ก็กลัวชีซีจะซัดเอามิอาจที่จะบอกได้ ครั้นตระเวนไปปะพวกเพื่อนชีซีเข้าชิงเอาตัวไปได้ ชีซีจึงหนีไปเรียนวิชาอยู่กับสุมาเต๊กโช เปลี่ยนชื่อว่าตันฮกตราบเท่าทุกวันนี้

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 4)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝายลิเตียนจึงว่าแก่โจหยินว่า ทหารเล่าปี่มีฝีมือแลกำลังเข้มแข็งนัก เห็นเราจะเอาชัยชนะไม่ได้ ขอให้ท่านกลับไปเมืองห้วนเสียก่อน จะได้คิดทำการสืบไป โจหยินได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงว่า เมื่อแรกเราจะยกาตัวทำบิดพลิ้ว เราก็เห็นใจอยู่ครั้งหนึ่งแล้ว มาบัดนี้เล่า เราให้ออกรบกับจูล่งก็แตกพ่ายเข้ามา ทำให้เสียทีแก่ข้าศึก ครั้นเราจะไม่เอาโทษบัดนี้ทหารทั้งปวงก็จะเอาเยี่ยงอย่าง จึงสั่งทหารจะให้เอาตัวลิเตียนไปฆ่าเสีย
นายทัพนายกองทั้งปวงช่วยกันขอโทษไว้ โจหยินก็ยกโทษให้ จึงให้ลิเตียนคุมทหารเป็นกองหลัง สำหรับป้องกันรักษาเสบียง ครั้นเวลาเช้าโจหยินจึงให้ตีม้าล่อฆ้องกลองดังอื้ออึง แล้วจัดแจงพลทหารตั้งเป็นกองพยุหะโดยขบวนทัพ ชื่อปักบุนคิมโชตี๋น แปลว่าประแจทองมีประตูแปดด้าน เสร็จแล้วก็ให้ทหารขี่ม้าเข้าไปร้องประกาศหน้าค่ายเล่าปี่ว่า นายเราตั้งกองทหารเป็นพยุหะดังนี้ ท่านยังรู้จักหรือว่ากลพยุหะอันใด

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 3)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ตันฮกหัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวทั้งนี้ใช่จะจริงอย่างนั้นหามิได้ ด้วยได้ยินกิตติศัพท์เขาลือไปว่า ท่านนี้มีน้ำใจเป็นสัตย์เป็นธรรมก็ยังมิแจ้งประจักษ์ก่อน ซึ่งว่าทั้งนี้เพื่อจะลองน้ำใจท่าน บัดนี้สมเหมือนหนึ่งคำเขาลืออยู่แล้ว เล่าปี่จึงว่า เขาเล่าลือไปนั้นก็ชอบอยู่ แต่ที่จริงตัวเราก็พอประมาณ จะเหมือนคำเขาว่าทีเดียวนั้นก็หามิได้ บัดนี้ท่านมาอยู่ด้วยเราแล้ว จงช่วยสั่งสอนทำนุบำรุงแต่ที่ชอบ แล้วเล่าปี่ก็ตั้งให้ตันฮกเป็นใหญ่ บังคับบัญชาทหารทั้งปวง

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 2)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


สุมาเต๊กโชได้ฟังดังนั้นจึงว่า ตัวท่านเป็นคนมีสติปัญญา ควรที่จะไปทำราชการอยู่ด้วยผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ทุกวันนี้ผู้มีสติปัญญากว้างขวางก็มีอยู่เหมือนจะปรากฏแก่จักษุท่าน เหตุใดจึงไม่พิเคราะห์ดู ว่าเล่าเปียวเป็นผู้สมควรที่ท่านจะไปอยู่ด้วยหรือไม่ ชีซีก็รับว่าท่านว่าทั้งนี้ชอบแล้ว ขณะเมื่อชีซีเข้ามาบอกเนื้อความกับสุมาเต๊กโชนั้น เล่าปี่อยู่ข้างในรู้ก็ลุกออกมานั่งแอบฟังได้ยินอยู่สิ้น จึงคิดว่าซึ่งสุมาเต๊กโชบอกว่าคนมีสติปัญญามีอยู่มิสู้ใกล้สู้ไกลนั้นชะรอยจะเป็นคนนี้มั่นคง สำคัญใจฉะนี้แล้วก็มีความยินดีนัก รั้นจะออกมาสนทนาไต่ถามในเวลากลางคืนนั้นก็เกรงใจสุมาเต๊กโชอยู่

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ขี่ม้าหนีมาทางฟากตะวันตก มิได้รู้แห่งทางก็คิดเสียใจ ว่าตัวกูเอ๋ยได้ความลำบากถึงเพียงนี้ แต่มีความสงสัยว่าแม่น้ำตันเขนั้นกว้างถึงเก้าวาสิบวา เหตุใดม้าโจนทีเดียวจึงไปถึงน้ำตื้นได้ ชะรอยเทพดาจะช่วยเรามิให้มีอันตรายได้ ครั้นมาถึงแดนเมืองลำเจี๋ยง พอเวลาเย็นเห็นเด็กคนหนึ่งขี่กระบือเป่าขลุ่ยมาตรงหน้า เล่าปี่ทอดใจใหญ่แล้วว่า เรานี้ประกอบไปด้วยความทุกข์ เด็กเลี้ยงกระบือนั้นมีความสุขยิ่งกว่าเราอีก เล่าปี่ก็หยุดม้าฟังเด็กนั้นเป่าขลุ่ยหวังจะให้คลายความทุกข์ เด็กเลี้ยงกระบือนั้นก็ไม่เป่าขลุ่ย หยุดดูรูปร่างเล่าปี่ เห็นสูงใหญ่ หูยาวถึงบ่าประหลาดกว่าคนทั้งปวง แล้วถามว่าท่านนี้หรือชื่อเล่าปี่ ซึ่งช่วยปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองครั้งเตียวก๊ก

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 5)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นได้เวลาชัวมอจึงให้เชิญเล่าปี่ออกขุนนาง แลขุนนางทั้งปวงก็คำนับเล่าปี่ตามอย่างธรรมเนียม เล่าปี่รับคำนับแล้วสั่งสอนขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวง ให้บังคับบัญชาตามลำดับกันลงไปโดยประเพณีการบ้านเมือง ขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวงคำนับแล้วก็ชวนกันกิตโต๊ะอยู่ จูล่งนั้นถือกระบี่ยืนรักษาเล่าปี่อยู่ข้างหลังแลบุนเพ่งกับอองอุ้ยจึงเข้ามาว่ากับจูล่งให้ออกไปกินโต๊ะภายนอกกับพวกทหารขุนนาง จูล่งบิดพลิ้วอยู่มิได้ออกไป เล่าปี่ได้ยินดังนั้นจึงว่าแก่จูล่งให้ออกไปกินโต๊ะกับเขาเถิด จูล่งขัดเล่าปี่มิได้ก็พาทหารออกไปกินเลี้ยงอยู่ภายนอก ชัวมอเห็นได้ทีดังนั้นจึงออกมาพาทหารห้าร้อยซึ่งซุ่มอยู่นั้น ลอบเรี่ยรายกันเข้าไปคอยดู ถ้าเล่าปี่เสพย์สุราจะใกล้เมาแล้วก็จะชวนกันจับฆ่าเสีย

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 4)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


เล่าเปียวแจ้งในโคลงสี่บทนั้นก็โกรธชักกระบี่ออกแกว่าง ว่ากูจะฆ่าเล่าปี่อันเป็นคนทรยศเสียให้ได้ แล้วเดินออกไปนอกตึกหวังจะสั่งทหารก็พอคิดได้ว่า อันเล่าปี่มาอยู่ด้วยเราช้านาน ยังไม่ปรากฏว่าเล่าปี่จะทำโคลง เกลือกผู้ใดจะมีใจเจ็บแค้นเล่าปี่อยู่จึงแกล้งมาทำโคลงดังนี้ไว้ หวังจะให้เรามีความสงสัยเล่าปี่แล้วเล่าเปียวก็กลับเข้าไป เอาปลายกระบี่แซกอักษรโคลงนั้นเสีย แล้วก็กลับเข้ามาที่อยู่ ชัวมอจึงว่าแก่เล่าเปียวว่าทหารพร้อมอยู่แล้ว ขอให้ท่านเร่งยกไปจับเล่าปี่มาฆ่าเสียจึงจะไม่มีภัยมาถึงท่าน เล่าเปียวจึงตอบว่า เล่าปี่จะไปไหนพ้นเรา ค่อยคิดอ่านอย่าให้มีความครหานินทาแก่เราได้ ชัวมอเห็นเล่าเปียวลังเลอยู่ยังไม่เชื่อลงถนัดดังนั้น ก็ลอบเข้าไปบอกนางชัวฮูหยินตามการซึ่งได้ทำทั้งปวงแล้วว่ายังอีกสามวันจะถึงกำหนดเข้าปีใหม่ หัวเมืองทั้งปวงจะมาประชุมพร้อมกัน ณ เมืองซงหยง ข้าพเจ้าจะคิดอ่านฆ่าเล่าปี่เสียให้ได้ นางชัวฮูหยินจึงว่าเจ้าเร่งทำการให้สำเร็จเถิด ชัวมอก็รับคำแล้วลาออกมา ครั้นเวลารุ่งเช้าชัวมอจึงเข้าไปว่าแก่เล่าเปียวว่า ยังอีกสามวันจะถึงกำหนดซึ่งหัวเมืองทั้งปวงจะมาประชุมกัน ณ เมืองซงหยง ท่านจงจัดแจงการจะได้ไปสั่งสอนขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวง เล่าเปียวจึงว่า เราป่วยอยู่เห็นจะไปไม่ได้ จะให้แต่เล่ากี๋ เล่าจ๋องผู้บุตรเราทั้งสองไปแทน ชัวมอจึงว่า บุตรท่านทั้งสองยังอ่อนแก่ความคิดนัก ซึ่งจะให้ไปรับคำนับขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวงนั้นไม่ควร การประเพณีเมืองจะเสียไป เล่าเปียวจึงว่ากระนั้นก็ให้เชิญเล่าปี่มารับคำนับแทนเราเถิด ชัวมอได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงคิดว่า ครั้งนี้เล่าปี่จะไม่พ้นมือเรา แล้วก็ลาออกไป จึงแต่งคนให้ไปบอกเล่าปี่ว่า บัดนี้เล่าเปียวป่วยอยู่ สั่งว่าอีกสองวันให้เชิญเล่าปี่มารับคำนับขับขุนนางแลหัวเมืองทั้งปวงแทนเล่าเปียว ณ เมืองซงหยง คนใช้ก็ลาชัวมอไปบอกเล่าปี่

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 3)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายนางชัวฮูหยินมีใจสงสัยอยู่ เมื่อขณะเล่าปี่กินโต๊ะอยู่กับเล่าเปียวนั้น นางชัวฮูหยินแอบฟังอยู่ที่ข้างใน ครั้นได้ยินเล่าเปียวกับเล่าปี่พูดกันดังนั้น ก็มีความแค้นเล่าปี่เป็นอันมาก ฝ่ายเล่าปี่ครั้นว่ากับเล่าเปียวออกไปดังนั้นแล้วกลับได้คิด เกรงว่านางชัวฮูหยินจะมาแอบฟังอยู่ จึงแกล้งลุกขึ้นคำนับเล่าเปียวแล้วว่า ข้าพเจ้าจะลาออกไปข้างนอกบัดเดี๋ยวหนึ่ง เล่าปี่ทำเป็นร้องไห้แล้วกลับมา เล่าเปียวเห็นดังนั้นจึงถามเล่าปี่ว่าเหตุใดท่านจึงร้องไห้ เล่าปี่จึงแกล้งบอกว่าข้าพเจ้าขี่ม้าครั้งใด ที่นั่งก็แตกเป็นโลหิตไหลออกทุกทีได้รักษาก็หายไป บัดนี้ข้าพเจ้าขี่ม้าชอกช้ำมาช้านานที่นั่งก็แตกเปื่อยออกไปอีก ข้าพเจ้าเห็นว่าอายุจะสั้นเสียแล้ว จะไม่ได้อยู่ทำนุบำรุงแผ่นดินสืบไป ข้าพเจ้าจึงร้องไห้เพราะเหตุฉะนี้ เล่าเปียวจึงว่าเมื่อครั้งเจ้าไปอยู่เมืองฮูโต๋นั้นเรารู้กิตติศัพท์มาว่า วันหนึ่งโจโฉกับเจ้าเสพย์สุรากับผลมะเฟืองด้วยกัน โจโฉนั้นถามว่าเจ้าบ้านผ่านเมืองใดมีสติปัญญาเข้มแข็ง เจ้าจึงบรรยายบอกแก่โจโฉว่ามีอยู่หลายเมือง โจโฉไม่เห็นด้วยแล้วว่า ในเมืองหลวงแลหัวเมืองทั้งปวงนั้น หามีผู้ใดที่จะมีสติปัญญาลึกซึ้งเสมอโจโฉกับเจ้าไม่ แลโจโฉนั้นมีความคิดใหญ่หลวง ทั้งทหารก็มีฝีมือเป็นอันมากยังไม่อาจยกตัวว่าดียิ่งกว่าเจ้า เหตุใดเจ้าจะมาคิดย่อท้อกลัวจะไม่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 2)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


เล่าเปียวแจ้งดังนั้นก็เชื่อคำเก๊งอวด ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงให้หาตัวเล่าปี่มากินโต๊ะแล้วว่า ซึ่งเจ้าให้ม้าเรานั้นขอบใจนัก แต่ตัวเราไม่ได้ไปทำสงคราม เจ้าจงเอาม้านี้ไว้ขี่สำหรับทำการศึกเถิด เล่าปี่มิได้รู้เหตุก็มีความยินดี จึงคำนับเล่าเปียวแล้วให้คนรับเอาม้านั้นไป เล่าเปียวจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า เสบียงอาหารในเมืองซินเอี๋ยก็บริบูรณ์ เจ้าจงยกครอบครัวแลทหารออกไปอยู่รักษาเมืองซินเอี๋ยนเถิดเล่าปี่ก็รับคำ ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงจัดแจงทหารแล้วพาครอบครัวไป เล่าปี่ขี่ม้าตัวนั้นออกจากเมืองเกงจิ๋ว พอพบอีเจี้ยซึ่งอยู่ด้วยเล่าเปียว เล่าปี่จึงลงจากม้าคำนับอีเจี้ย

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งอยู่ในเมืองเกงจิ๋วนั้น เล่าเปียวก็ทำนุบำรุงถึงขนาด ขณะนั้นพอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกแก่เล่าเปียวว่า เตียวบูกับตันสูนซึ่งท่านให้คุมทหารไปลาดตระเวนทางด่านเมืองกังแฮต่อแดนเมืองกังตั๋งนั้น บัดนี้เตียวบูกับตันสูนนั้น คุมทหารเที่ยวตีชิงเอาทรัพย์สิ่งสินของอาณาประชาราษฎร แล้วมีใจกำเริบตั้งแข็งอยู่ ณ เมืองกังแฮ เล่าเปียวแจ้งดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า เราจะคิดอ่านประการใด เล่าปี่จึงว่า ซึ่งเตียวบูกับตันสูนคิดร้ายต่อท่านนั้น ข้าพเจ้าจะขออาสาไปกำจัดเสียให้จงได้ เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นจึงเกณฑ์ทหารให้สามหมื่น เล่าปี่จึงพากวนอู เตียวหุย จูล่งคุมทหารยกไปถึงแดนเมืองกังแฮ แล้วก็ให้ตั้งค่ายมั่นไว้

วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

***********อาการของคนหมดใจ********


    จากเคยเคียงข้างเดินร่วมทาง
เปลี่ยนเป็นห่าง กลัวใครเขาจะเห็น
     จากเคยร่วมทานข้าว เมื่อยามเย็น
ก็เปลี่ยนเป็น ไม่ว่างงานเข้ามา
     จากที่เคยยิ้มหวานผ่านทางสาย(....)
เปลี่นเป็นหาย ไม่เคยได้ยินเสียง
     จากเคยพร่ำบอกอยากคู่เคียง
เปลี่ยนเป็นเพียงอนาคตไม่แน่นอน
     จากที่เคยเป็นเป็นที่หนึ่งยามไปไหน
เปลี่ยนเป็นใครไม่รู้ไม่เคยเห็น
     จากที่เคยรับส่งอยู่ทุกเช้าเย็น
ก็เปลี่ยนเป็นตัวเขาเข้ามาแทน

รักร้างข้างสระ

ชายพาดพิง อิงหลังแบบ แนบเก้าอี้
ปล่อยฤดี ไปกับลม ความสมหวัง
ถอนหายใจ ให้กับรัก ที่หักพัง
แล้วมานั่ง ชมสระ ชำระเวร

เหมือนฉายไฟ ใส่เพรช เกล็ดสะท้อน
ระยับย้อน แยงตา มาให้เห็น
เราเลิกกัน นั่นหละ คือประเด็น
แล้วจะเป็น เช่นไร ทำไงดี

อกฉันหัก ตามระเบียบ ไปเรียบร้อย
มานั่งคอย ลอยตา หน้าหมองศรี
น้ำตาคลอ ล้อเลียนใจ ในชีวี
เป็นคนที่ ไม่จำบ้าง หรืออย่างไร