วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่6

ตอนที่ ๖
ขณะเมื่ออ้วนเสี้ยวยกทหารมาอยู่เมืองโห้ลายนั้นขาดเสบียง ฝ่ายฮันฮกเจ้าเมืองกิจิ๋วนั้นรู้ข่าว ก็จัดแจงเสบียงให้ทหารคุมไปให้แก่อ้วนเสี้ยว แลห้องกีจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า คนทั้งปวงก็ปรากฏอยู่ว่าท่านเป็นเชื้อขุนนางมาแต่ก่อน แลท่านมาทำการทำนุบำรุงแผ่นดินครั้งนี้ ซึ่งจะมานั่งคอยกินให้ผู้อื่นส่งเสบียงนั้นเห็นไม่ควร ถ้าเขามิส่งก็จะขัดสนอยู่ แลในเมืองกิจิ๋วนั้นทรัพย์สิ่งสินก็มั่งคั่ง อาหารก็บริบูรณ์ ขอให้ยกทหารไปตีเอาเมืองกิจิ๋ว ถ้าได้แล้วท่านจงตั้งอยู่ในเมืองนั้น จะได้คิดราชการสืบไป อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า เราก็คิดอยู่แต่ยังหาทีที่จะทำมิได้ ห้องกีจึงว่าถ้าท่านคิดดังนั้นแล้ว ขอให้มีหนังลับไปถึงกองซุนจ้านให้ทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋วด้านหนึ่ง ท่านจงยกเข้าตีกระหนาบด้านหนึ่ง ถ้าได้เมืองแล้วแบ่งทรัพย์สินแลเมืองให้กองซุนจ้านกึ่งหนึ่ง แลฮันฮกนั้นเป็นคนหามีความคิดไม่ ถ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากองซุนจ้านจะยกมาตี เห็นจะมีหนังสือมาถึงท่านให้ยกทหารไปช่วย ถ้าสมคิดเห็นเราจะได้เมืองกิจิ๋วโดยง่าย อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วยจึงให้แต่งหนังสือลับไปให้กองซุนจ้านตามห้องกีว่า

ฝ่ายกองซุนจ้านรู้หนังสือนั้นก็มีความยินดี จึงบอกกำหนดซึ่งจะยกไปตีเมืองกิจิ๋วไปถึงอ้วนเสี้ยว แล้วจัดแจงเตรียมทหารไว้พร้อม อ้วนเสี้ยวแจ้งแล้วก็ให้แต่งหนังสือไปถึงฮันฮกว่า บัดนี้กองซุนจ้านมีหนังสือมาปรึกษาเรา ว่าจะยกไปตีเมืองกิจิ๋วจงได้ ฮันฮกแจ้งในหนังสืออ้วนเสี้ยวแล้ว จึงปรึกษากับซุนซิม ซินเป๋ง ว่ากองซุนจ้านจะยกมาตีเมืองเรานี้ จะคิดประการใด
ซุนซิมจึงว่า ซึ่งกองซุนจ้านจะตีเอาเมืองเรานั้น เห็นจะยกทหารมาเป็นอันมาก แล้วเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็จะมาด้วย กำลังทหารเรานั้นน้อยเห็นจะสู้ไม่ได้ แล้วอ้วนเสี้ยวนั้นประกอบไปด้วยสติปัญญา แล้วมีทหารเอกทหารเลวเป็นอันมาก ขอให้มีหนังสือไปเชิญอ้วนเสี้ยวมาอยู่รักษาเมืองจะได้ช่วยกันคิดอ่านป้องกัน เห็นอ้วนเสี้ยวจะมีความเมตตาแก่ท่าน ซึ่งกองซุนจ้านจะยกมากระทำย่ำยีเมือง เรานั้นก็เกรงอ้วนเสี้ยวอยู่ ฮันฮกเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือจะให้กวนกีถือไปเชิญอ้วนเสี้ยวตามคำซุนซิม แลเก๋งบูจึงว่าแก่ฮันฮกว่า อ้วนเสี้ยวนั้นเป็นคนสิ้นความคิดอยู่แล้ว ซึ่งได้ตั้งตัวเลี้ยงทหารอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะท่านให้ส่งเสบียง อุปมาเหมือนทารก ถ้ามารดามิให้นมกินแล้ว ทารกนั้นก็จะสิ้นแรงไป ซึ่งท่านจะให้อ้วนเสี้ยวมาช่วยรักษาเมือง เหมือนจับเอาเสือมาปล่อยไว้ในฝูงเนื้อ ฝูงเนื้อทั้งปวงก็จะมีอันตรายเป็นมั่นคง ขอท่านดำริดูจงควร ฮันฮกจึงตอบว่าตัวเราเมื่อแรกจะได้เป็นขุนนางก็เพราะแซ่อ้วนว่ากล่าวจึงได้มาเป็นเจ้าเมือง เราเห็นว่าสติปัญญาอ้วนเสี้ยวดีกว่าเรา อนึ่งโบราณว่าไว้ถ้าเห็นผู้ใดมีสติปัญญาก็ให้ผู้มีความคิดน้อยคำนับผู้มีปัญญา แลท่านมาทักเราให้ผิดโบราณดังนี้เราไม่เห็นด้วย แล้วก็สั่งให้กวนกีถือหนังสือไปเชิญอ้วนเสี้ยวมา เก๋งบูได้ยินดังนั้นก็ทอดใจใหญ่ แล้วว่าเมืองกิจิ๋วจะสูญเสียครั้งนี้เป็นมั่นคง เก๋งบูกับขุนนางสามสิบสองคนก็ลาออกจากราชการ แต่เก๋งบู ก้วนซุนนั้นไปยืนแอบประตูเมืองคอยอ้วนเสี้ยวอยู่
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นแจ้งในหนังสือฮันฮกนั้นแล้ว ก็จัดแจงทหารแล้วยกไปถึงเมืองกิจิ๋ว แลอ้วนเสี้ยวนั้นจะเข้าประตูเมือง เก๋งบู ก้วนซุนชักกระบี่ออกจะฟันอ้วนเสี้ยว งันเหลียง บุนทิวเห็นดังนั้น จึงถอดกระบี่วิ่งเข้ารับ แล้วฟันเก๋งบูกับก้วนซุนตาย อ้วนเสี้ยวก็ยกทหารเข้าไปในเมือง ฮันฮกจึงออกมารับแล้วพาเข้าไปที่อยู่ อ้วนเสี้ยวจึงตั้งฮันฮกเป็นบูจงกุ๋น แปลภาษาไทยว่า เป็นนายทหารเอกแล้วให้ถอดขุนนางในเมืองเสีย จึงให้เอาเตียนห้องหนึ่ง โจสิวหนึ่ง เคาสิวหนึ่ง ห้องกีหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารของอ้วนเสี้ยวนั้นมาเป็นขุนนาง ในขณะนั้นราชการในเมืองกิจิ๋วก็สิทธิ์ขาดอยู่ในอ้วนเสี้ยวสิ้น แลฮันฮกเห็นดังนั้นก็คิดสะดุ้งใจว่า ซึ่งอ้วนเสี้ยวมาทำทั้งนี้ก็เพราะเราคิดผิด ซึ่งจะอยู่ในเมืองนี้กับอ้วนเสี้ยวสืบไปเมื่อหน้าเห็นจะเกิดอันตรายเป็นมั่นคง ฮันฮกก็ทิ้งบุตรภรรยาเสีย หนีไปเมืองตันลิวแต่ตัวผู้เดียว
ฝ่ายกองซุนจ้านครั้นรู้ข่าวว่าอ้วนเสี้ยวได้เมืองกิจิ๋วแล้ว ก็ให้กองซุนอวดผู้น้องไปว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า จะปันเอาทรัพย์สิ่งสินแลเมืองกึ่งหนึ่ง ตามซึ่งให้หนังสือมาสัญญาไว้นั้น อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่าให้ไปเชิญกองซุนจ้านผู้พี่ท่านมาเถิด กองซุนอวดกลับไปถึงกลางทาง พอพบทัพสองข้างทางร้องว่า กูเป็นทหารมหาอุปราชแล้วเอาเกาทัณฑ์ยิงถูกกองซุนอวดตาย และทหารกองซุนอวดซึ่งมาด้วยกองซุนอวดนั้น ก็หนีเอาเนื้อความทั้งนั้นไปบอกกองซุนจ้าน กองซุนจ้านได้ฟังดังนั้นก็โกรธ แล้วว่าอ้วนเสี้ยวได้เมืองกิจิ๋วแล้วแต่งเป็นกลอุบายให้ทหามาซุ่มคอยฆ่ากองซุนอวดผู้น้องเราเสีย แล้วแกล้งประกาศว่าเป็นหารตั๋งโต๊ะ แลอ้วนเสี้ยวทำทั้งนี้กูมีความแค้นนัก ถ้ากูแก้แค้นอ้วนเสี้ยวไม่ได้ก็เหมือนหนึ่งมิใช่ชาติทหาร แล้วกองซุนจ้านจัดแจงทหารสิ้นทั้งเมืองพร้อม ก็ยกไปรบด้วยอ้วนเสี้ยว
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวรู้ข่าวดังนั้นก็ให้ตรวจตราทหารเสร็จ แล้วก็ยกออกจากเมืองไปตั้งรับอยู่ ณ ตำบลแม่น้ำพวนโห้ฟากตะวันตก แลแม่น้ำนั้นมีสะพานศิลาอยู่ กองซุนจ้านเห็นกองทัพอ้วนเสี้ยวยกมา จึงขี่ม้าขึ้นสะพานแล้วร้องว่าแก่อ้วนเสี้ยวได้ยินดังว่า ตัวมึงไม่รักษาสัตย์มาล่อลวงกู แล้วซ้ำฆ่ากองซุนอวดผู้น้องกูเสีย อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นจึงข่าม้าขึ้นสะพานแล้วจึงตอบว่า ฮันฮกเป็นคนโฉดหาความคิดไม่ได้ยกเมืองกิจิ๋วให้แก่เรา แลท่านจะมาชุบเมืองเอาส่วนนั้นไม่ควร กองซุนจ้านจึงตอบว่า หัวเมืองทั้งปวงปรึกษากันเห็นว่ามึงสัตย์ซื่อ จึงตั้งให้เป็นนายทัพผู้ใหญ่บัดนี้กูเห็นใจมึงดังสัตว์เดียรัจฉาน ซึ่งอยู่ในบ้านเมืองนั้นไม่ควร อ้วนเสี้ยวได้ยินก็โกรธ จึงถามทหารว่าใครจะอาสาออกไปจับกองซุนจ้านมาให้เราได้บ้าง บุนทิวก็รับอาสา รำทวนขับม้าข้ามสะพานไป กองซุนจ้านชักม้าถอยลงมายืนอยู่ที่แผ่นดิน ครั้นบุนทิวมาถึงก็เข้ารบกันได้เก้าเพลงสิบเพลง กองซุนจ้านกำลังน้อยก็ขับม้าหนีเข้าปนอยู่กับทหาร บุนทิวจึงขับม้าไล่เข้าไป แลทหารทั้งปวงแตกกระจายไป แลทหารเอกกองซุนจ้านสี่คนขับม้าประดากันเข้ารบด้วยบุนทิว บุนทิวเอาทวนแทงถูกทหารตกม้าตายคนหนึ่ง ทหารสามคนก็ขับม้าหนี บุนทิวขับม้าหนีฝ่าเข้าป่าไปเป็นหลายตำบล บุนทิวขับม้าตามแล้วร้องว่า เร่งลงจากม้าเราจะจับเอาเป็นไป ชีวิตท่านจะรอดอยู่ ถ้าจะขืนควบม้าหนีไป เราจะเอาทวนแทงให้ตกม้าตาย กองซุนจ้านได้ยินดังนั้นก็ขับม้าหนี เกาทัณฑ์แลอาวุธกับหมวกที่ใส่นั้นก็พลัดตกไปสิ้น ครั้นมาถึงเนินเขาแห่งหนึ่ง ม้านั้นก็สะดุดเอาก้อนศิลาล้มลง บุนทิวเงื้อทวนจะแทงกองซุนจ้าน ฝ่ายจูล่งเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนออกสกัดหน้าบุนทิวไว้ แลกองซุนจ้านนั้นก็หนีเข้าซ่อนอยู่ในเงื้อมเขาได้ จูล่งกับบุนทิวรบถึงหกสิบเพลงมิได้แพ้ชนะกัน พอเหล่าทหารกองซุนจ้านซึ่งแตกนั้น คุมกันไล่ตามมาทันเข้าล้อมบุนทิวไว้ บุนทิวเห็นจะเสียทีก็ขับม้าฝ่าออกมาได้ แล้วหนีกลับไป กองซุนจ้านจึงออกมาจากเงื้อมเขา เห็นทหารคนนั้นสูงประมาณหกศอก หน้าผากแลคิ้วใหญ่ตาโต จึงถามว่าท่านนี้ชื่อใด มาช่วยเรานี้ขอบใจนัก จูล่งย่อตัวลงคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าชื่อจูล่งแซ่เตียว อยู่ ณ เมืองเสียงสัน แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้าอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ข้าพเจ้าเห็นอ้วนเสี้ยวเป็นคนมีพยศ หยาบช้ามิได้รักษาสัตย์ ข้าพเจ้าจึงหนีมาพึ่งอยู่ด้วยท่าน พอมาพบที่กลางทางนี้ กองซุนจ้านได้ฟังดังนั้นมีความยินดีนัก จึงขึ้นขี่ม้าตัวหนึ่งแล้วพาจูล่งกับทหารทั้งปวงยกกับไป ณ ค่ายริมแม่น้ำ
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นเห็นดังนั้น ก็ให้งันเหลียง บุนทิวคุมทหารเกาทัณฑ์นายละพัน ให้แยกเป็นสองกองซุ่มอยู่ต้นสะพาน ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาณแล้วก็ให้ยิงระดมทั้งซ้ายขวา แลให้จ๊กยี่คุมทหารเกาทัณฑ์แปดร้อย กับทหารเลวหมื่นห้าพันเป็นกองหน้าออกรบล่อ อ้วนเสี้ยวนั้นคุมทหารประมาณห้าหมื่นเป็นกองหลวง ครั้นจัดแจงเสร็จก็ให้ทหารทั้งปวงสงบอยู่
ฝ่ายกองซุนจ้านให้ยำก๋งคุมทหารเป็นกองหน้า แล้วให้จัดทหารเป็นปีกซ้ายปีกขวา แลกองซุนจ้านนั้นยังไม่รู้จักน้ำใจจูล่ง จึงให้จูล่งคุมทหารเป็นกองหลังแล้วให้เอาธงเป็นตัวอักษรปักทองว่าชวยกี้ ภาษาไทยว่าธงสำหรับแม่ทัพ แล้วยกทหารขึ้นตั้งเป็นขบวนอยู่บนสะพานศิลานั้น จึงให้ทหารทั้งปวงตีฆ้องกลองม้าล่อแล้วโห่ร้องแต่เช้าจนเที่ยง ทหารในกองทัพอ้วนเสี้ยวนั้นยังสงบอยู่ ยำก๋งซึ่งเป็นกองหน้ากองซุนจ้านเห็นดังนั้น ก็ยกทหารรุกจะข้ามไป
ฝ่ายจ๊กยี่กองหน้าอ้วนเสี้ยวคุมทหารรบล่อถอยมาถึงต้นสะพาน เห็นได้ทีแล้วจึงจุดประทัดสัญญาณขึ้น แลทหารเกาทัณฑ์แปดร้อยนั้น ก็ยิงระดมเป็นสามารถ ยำก๋งเห็นจะต้านทานมิได้ แลทหารทั้งปวงก็รวนจะถอยออกมา จ๊กยี่เห็นดังนั้นจึงขับม้ารำง้าวเข้าไล่รบด้วยยำก๋งได้ห้าเพลง ก็เอาง้าวฟันถูกยำก๋งตกม้าตาย ปีกซ้ายปีกขวากองซุนจ้านยกทหารจะเข้าช่วยรุมแก้กัน งันเหลียง บุนทิวคุมทหารซ้ายขวาซึ่งซุ่มอยู่ต้นสะพานนั้น ก็ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์กราดไว้ ทหารกองซุนจ้านเข้าช่วยมิได้ จ๊กยี่คุมทหารทั้งไล่ฟันไปถึงหน้าม้ากองซุนจ้าน แล้วจึงเอากระบี่ฟันธงนั้นหักลง กองซุนจ้านเห็นจะทานมิได้ก็คุมทหารกลับหน้าลงจากสะพานหนีไป จ๊กยี่นั้นขับม้าคุมทหารไล่ฟันตะลุมบอน ทหารกองซุนจ้านแตกกระจัดกระจายไป
ขณะนั้นจูล่งซึ่งเป็นกองหลังเห็นดังนั้น จึงขับม้าเข้ารบด้วยจ๊กยี่ได้ห้าเพลงก็เอาทวนแทงจ๊กยี่ตกม้าตาย แล้วจูล่งขับม้าเข้าไล่แทงอยู่ในกลางทหารจ๊กยี่ จูล่งขับม้าไปข้างขวาก็ขวาแตก ไปข้างซ้ายก็ซ้ายแตก หาผู้ใดต้านทานมิได้ กองซุนจ้านเห็นดังนั้น ก็คุมทหารกลับเข้ามาช่วยจูล่งรบ ทหารจ๊กยี่ก็แตกไป
ขณะเมื่อจ๊กยี่ฟันธงสำหรับแม่ทัพหัก กองซุนจ้านแตกลงไปจากสะพานนั้นมีทหารคนหนึ่งมาบอกอ้วนเสี้ยวว่า ทัพกองซุนจ้านแตกแล้ว อ้วนเสี้ยวได้ยินดังนั้นมีความยินดีนัก จึงพาเตียนห้องกับทหารถือทวนประมาณสามร้อย ถือเกาทัณฑ์ห้าสิบ ออกมาแลดูนอกค่ายเห็นสมคำทหารมาบอก อ้วนเสี้ยวก็ตบมือหัวเราะแล้วว่ากองซุนจ้านนั้นเป็นคนหาชำนาญศึกไม่ แต่เราคิดทำเพียงนี้ก็รบแตก อ้วนเสี้ยวก็มีใจประมาท

ฝ่ายจูล่งกับกองซุนจ้านรีบยกทหารข้ามสะพานไป แต่จูล่งนั้นขับม้าเข้าไล่แทงทหารอ้วนเสี้ยวตายเป็นหลายคน กองซุนจ้านก็รีบยกทหารเข้าวกหลังอ้วนเสี้ยวไว้ แล้วยิงเกาทัณฑ์ระดมไป
เตียนห้องเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ครั้งนี้จะเสียทีแก่ศัตรูท่านจงเข้าแอบอยู่ริมตลิ่งหนีให้พ้นภัย อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่าเป็นชาติทหารจะกล้วตายไย แล้วร้องให้ทหารทั้งปวงเข้ารบพุ่งต้านทานไว้ เหล่าทหารทั้งปวงนั้น ก็พบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ แลงันเหลียงเห็นกองซุนจ้านกับจูล่งเข้ารบอยู่ ก็คุมทหารตีกระหนาบหลังเข้าด้านหนึ่ง ทหารอ้วนเสี้ยวที่แต่งให้รบล่อซึ่งแตกไปนั้นครั้นกลับมาเห็นก็คุมกันเข้าตีกระหนาบไว้อีกด้านหนึ่ง จูล่งรบอยู่ในทัพกระหนาบเห็นจะทานมิได้ ก็พากองซุนจ้านกับทหารรบฝ่าออกมาจะข้ามสะพานไป อ้วนเสี้ยวแลงันเหลียงก็คุมทหารไล่ไปถึงต้นสะพาน ได้ฆ่าฟันทหารกองซุนจ้านตกน้ำตายเป็นอันมาก อ้วนเสี้ยวกับงันเหลียงคุมทหารข้ามสะพานไล่กองซุนจ้าน จูล่งไปทางประมาณห้าสิบเส้น
ขณะนั้นเล่าปี่รู้ข่าว จึงพากวนอู เตียวหุยกับทหารทั้งปวงยกมาจะช่วยกองซุนจ้าน พอเห็นอ้วนเสียวไล่กองซุนจ้านมาถึงเนินเขา เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ขับม้ารบสกัดหน้าม้าอ้วนเสี้ยวไว้ ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเห็นเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยขวางหน้าม้าเข้ารบดังนั้นก็ตกใจหาสติมิได้ ง้าวซึ่งถืออยู่นั้นก็พลัดตกลงจากมือแล้วขับม้าถอยหลังข้ามไป ณ ค่าย
ฝ่ายกองซุนจ้านครั้นเห็นเล่าปี่กับกวนอู เตียวหุยมาช่วย ก็มีความยินดีจึงพากันกลับมาถึงค่าย แล้วกองซุนจ้านจึงบอกแก่เล่าปี่ว่า ครั้นหนึ่งบุนทิวทหารอ้วนเสี้ยวไล่เรามา หากว่าจูล่งออกช่วยเราจึงรอด ครั้งนี้อ้วนเสี้ยวไล่เรามาหากว่าท่านมาทันได้รบพุ่งป้องกันไว้เราจึงได้รอดชีวิตเพราะท่าน แล้วเรียกจูล่งมาให้รู้จักกับเล่าปี่ไว้ เล่าปี่เป็นรูปร่างจูล่งนั้นสมเป็นทหาร ก็มีความรักใคร่จูล่งเป็นอันมาก แล้วกองซุนจ้านกับอ้วนเสี้ยวก็ให้ทหารตั้งมั่นประชิดกันอยู่คนละฟากน้ำประมาณเดือนเศษ
ขณะนั้นมีคนหนึ่งเอาข่าวขึ้นไปบอกลิยู ณ เมืองเตียงฮัน ตามซึ่งอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านตั้งรบกันอยู่นั้นทุกประการ ลิยูจึงเอาเนื้อความนั้นแจ้งแก่ตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะรู้ดังนั้นจึงว่าแก่ลิยูว่า ซึ่งอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านต่างมีกำลังรบกันอยู่ดังนี้เราจะคิดประการใด ลิยูจึงว่า อ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านนั้นก็มีฝีมือรบพุ่งเข้มแข็งตั้งรบกันอยู่ตำบลแม่น้ำพวนโห้ ถ้าผู้ใดมีชัยชนะผู้นั้นก็จะกำเริบขึ้น นานไปก็จะเคืองใจท่าน ขอให้มีหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปห้ามเสียทั้งสองฝ่ายให้เป็นไมตรีกัน นานไปอ้วนเสี้ยวกับกองซุนจ้านก็จะอยู่ในบังคับบัญชาท่าน ตั๋งโต๊ะเห็นชอบด้วย จึงแต่งเป็นหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้สองฉบับตามคำลิยูว่า แล้วให้เตียวกีกับม้าหยิดถือไปให้แก่อ้วนเสี้ยว กองซุนจ้าน
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวครั้นรู้ข่าวจึงออกมาคำนับหนังสือรับสั่ง แล้วรับเข้าไปในค่ายครั้นดูแจ้งในหนังสือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ แล้วก็ทำตามรับสั่ง แลเตียวกีกับม้าหยิดก็พากันเอาหนังสือฉบับหนึ่งข้ามไปให้กองซุนจ้าน ณ ค่าย กองซุนจ้านเห็นหนังสือก็ฟังตามรับสั่ง แล้วกองซุนจ้านให้ทหารเอาข้อรับสั่งไปเจรจาแก่อ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวก็ยอม แล้วเตียวกีกับม้าหยิดเอาเนื้อความลับขึ้นไปแจ้ง ณ เมืองเตียงฮัน อ้วนเสี้ยวก็ยกทหารกลับเข้าเมือง
ฝ่ายกองซุนจ้านจัดแจงทหารแล้ว พาเล่าปี่ จูล่ง เลิกทัพกลับไปเมืองครั้นถึงเมืองเพงงวนก๋วน จึงให้เล่าปี่เข้าอยู่รักษาเมืองดังแต่ก่อน เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ลากองซุนจ้านจะเข้าไปในเมือง จูล่งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า แต่ก่อนข้าพเจ้าเห็นว่าอ้วนเสี้ยวเป็นคนหยาบช้า ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ด้วยกองซุนจ้าน บัดนี้ก็เห็นว่ากองซุนจ้านนี้หาความคิดมิได้ ข้าพเจ้าจึงมีความลำบากใจ ครั้นมาเห็นท่านค่อยมีสติปัญญา คิดว่าจะทำราชการด้วยก็ต่างคนต่างอยู่ มิรู้ที่จะทำประการใด เล่าปี่จึงตอบเอาใจจูล่งว่า ท่านกับเรารู้จักกันไว้ครั้งนี้ก็เป็นคนสนิทกัน จงค่อยอยู่กับกองซุนจ้านก่อนเถิด ถ้าชีวิตมิตายสืบไปภายหน้า ท่านจะได้ทำราชการด้วยเราเป็นมั่นคง จงจำคำนี้ไว้อย่าลืม แล้วเล่าปี่ยึดมือจูล่งเข้าแล้วก็มีใจเศร้าโศก จูล่งนั้นก็ร้องไห้รักเล่าปี่ แล้วเล่าปี่ลาจูล่งยกทหารเข้าไปเมืองเพงงวนก๋วน กองซุนจ้านก็พาจูล่งยกไปยังเมืองปักเป๋ง


Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น