ตอนที่ ๙
ขณะเมื่อโจโฉตั้งเกลี้อกล่อมนั้นได้ที่ปรึกษาแลทหารเป็นอันมาก โจโฉมีความยินดีนัก จึงให้เองเตียวถือหนังสือคุมทหารไปรับโจโก๋ซึ่งเป็นบิดาซึ่งอยู่ ณ เมืองตันลิว ครั้นเองเตียวไปถึงจึงเอาหนังสือนั้นให้แก่โจโก๋ โจโก๋เห็นหนังสือสำคัญของโจโฉผู้บุตรมิได้มีความสงสัย จึงจัดแจงทรัพย์สิ่งของ แล้วชวนโจเต๊กกับพี่น้องครอบครัว แลพรรคพวกประมาณสองร้อยเศษ เกวียนบรรทุกสิ่งของนั้นร้อยหนึ่ง แล้วก็ยกไปเมืองกุนจิ๋ว ครั้นมาใกล้เมืองชีจิ๋ว
ขณะเมื่อโจโฉตั้งเกลี้อกล่อมนั้นได้ที่ปรึกษาแลทหารเป็นอันมาก โจโฉมีความยินดีนัก จึงให้เองเตียวถือหนังสือคุมทหารไปรับโจโก๋ซึ่งเป็นบิดาซึ่งอยู่ ณ เมืองตันลิว ครั้นเองเตียวไปถึงจึงเอาหนังสือนั้นให้แก่โจโก๋ โจโก๋เห็นหนังสือสำคัญของโจโฉผู้บุตรมิได้มีความสงสัย จึงจัดแจงทรัพย์สิ่งของ แล้วชวนโจเต๊กกับพี่น้องครอบครัว แลพรรคพวกประมาณสองร้อยเศษ เกวียนบรรทุกสิ่งของนั้นร้อยหนึ่ง แล้วก็ยกไปเมืองกุนจิ๋ว ครั้นมาใกล้เมืองชีจิ๋ว
ฝ่ายโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้น น้ำใจกว้างขวางอารีคิดอยู่ว่า จะไปเข้าด้วยโจโฉ ครั้นรู้ว่าโจโฉให้ไปรับโจโก๋ผู้บิดามาใกล้เมืองนี้แล้วก็มีความยินดี จึงออกไปคำนับแล้วให้เชิญเข้ามาในเมืองชีจิ๋ว แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงครอบครัวพรรคพวกโจโก๋ โจโก๋นั้นก็ยังอยู่ในเมืองชีจิ๋วสองวัน แล้วโตเกี๋ยมจึงให้เตียวคีคุมทหารห้าร้อยให้ไปส่งโจโก๋ ณ เมืองกุนจิ๋ว ครั้นมาถึงตำบลวัดแฮหุย พอเวลาจวนค่ำฝนตกห่าใหญ่ โจโก๋ให้หยุดอาศัยอยู่ แล้วให้เตียวคีซึ่งคุมทหารมาส่งนั้นล้อมวงอยู่ภายนอก ครั้นเวลาเที่ยงคืนเตียวคีจึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า แต่ก่อนนั้นเราเป็นโจรโพกผ้าเหลือง ครั้นมีผู้มาปราบปราม เราจึงหลบหลีกจำใจเข้าอยู่ด้วยกับโตเกี๋ยม โตเกี๋ยมก็มิได้ให้สิ่งใดเรา ซึ่งเราจะทำราชการด้วยสืบไปนั้นเห็นจะไม่ได้ดี บัดนี้โตเกี๋ยมให้เรามาส่งโจโก๋ โจโก๋นั้นมีทรัพย์สิ่งของบรรทุกเกวียนมาเป็นอันมาก เราจะลอบฆ่าโจโก๋เสียเราจะเก็บทรัพย์สิ่งของพากันหนีไปอยู่ซอกเขาทหารทั้งปวงเห็นชอบด้วย แลฝนนั้นยังมิสงบ เตียวคีก็คุมทหารจะเข้าไปฆ่าโจโก๋ โจโก๋ได้ยินทหารอื้ออึงเข้ามา จะพาภรรยาน้อยหนีไปก็มิทัน เตียวคีไล่รุกเข้าไปฆ่าโจโก๋กับพรรคพวกตายเสียเป็นหลายคน แล้วเตียวคีเก็บเอาทรัพย์สิ่งของ จึงเอาเพลิงเผาวัดเสียแล้วพากันหนีออกไปอยู่ในป่าซอกเขา
ฝ่ายเองเตียวเห็นโจโก๋ตายแล้วก็คิดกลัวโจโฉ จึงหนีไปหาอ้วนเสี้ยว ณ เมืองกิจิ๋ว แลทหารโจโฉซึ่งเองเตียวคุมมานั้น หนีได้ก็รีบมาบอกโจโฉตามเนื้อความซึ่งมีมาแต่หลัง แล้วว่าโจโก๋บิดาท่านตายนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าโตเกี๋ยมคิดเป็นกลอุบายให้เตียวคีมาส่งแล้วแกล้งลอบฆ่าบิดาท่านเสีย เก็บเอาทรัพย์สิ่งของไปให้โตเกี๋ยม โจโฉครั้นแจ้งดังนั้นก็ร้องไห้รักบิดาจนล้มลงจากเก้าอี้ ทหารทั้งปวงเข้าอุ้มโจโฉขึ้นบนเก้าอี้ โจโฉนั้นมีความโกรธจึงว่า ซึ่งโตเกี๋ยมทำกลอุบายมาฆ่าบิดาเราเสียนั้น เราจะยทหารไปเหยียบเมืองชีจิ๋วให้ราบเป็นแผ่นดินจึงจะหายความแค้น แล้วเกณฑ์ให้ซุนฮกหนึ่ง เทียหยกหนึ่ง กับคนสามหมื่นอยู่รักษาเมือง แล้วโจโฉจัดแจงทหารทั้งปวง ยกไปใกล้เมืองชีจิ๋วก็ให้ตั้งค่ายอยู่จึงให้แฮหัวตุ้นหนึ่ง อิกิ๋มหนึ่ง เตียนอุยหนึ่ง ยกทหารเป็นกองหน้า ถ้าตีได้เมืองชีจิ๋วแล้ว ให้ฆ่าหญิงชายชาวเมืองเสียให้สิ้น จึงจะหายความแค้นเรา
ฝ่ายเปียนเหยียงเจ้าเมืองกิวกั๋งนั้นชอบกันกับโตเกี๋ยม ครั้นรู้ว่าโจโฉยกมาจะรบเมืองชีจิ๋ว จึงเกณฑ์ทหารห้าพันยกมาจะช่วยโตเกี๋ยม ฝ่ายโจโฉรู้จึงให้แฮหัวตุ้นคุมทหารไปสกัดเปียนเหยียง แลแฮหัวตุ้นก็ยกไปฆ่าเปียนเหยียงแลทหารเสียสิ้น
ฝ่ายตันก๋งซึ่งหนีโจโฉครั้งก่อนนั้น ไปขอทำราชการอยู่ด้วยเจ้าเมืองตองกุ๋นแลตันก๋งนั้นเป้นมิตรกับโตเกี๋ยม ครั้นรู้ว่าโจโฉยกทหารมาจะตีเมืองชีจิ๋วแล้วโจโฉจึงสั่งว่าถ้าได้เมืองแล้ว จงฆ่าหญิงชายใหญ่น้อยชาวเมืองเสียให้สิ้น จึงขึ้นม้าแต่ผู้เดียวรีบไปทั้งกลางวันกลางคืน หวังจะห้ามโจโฉมิให้ทำร้ายโตเกี๋ยม ครั้นมาถึงหน้าค่ายจึงบอกแก่ทหารโจโฉว่า เราจะขอเข้าไปหาโจโฉ ทหารทั้งนั้นจึงเอาเนื้อความเข้าไปบอกแก่โจโฉ โจโฉได้ยินดังนั้นจึงคิดแต่ในใจว่า ซึ่งตันก๋งจะมาหาเรานี้ เห็นจะว่ากล่าวด้วยความโตเกี๋ยม ครั้นเราจะมิให้เข้ามา ก็คิดถึงคุณเมื่อครั้งเราหนีตั๋งโต๊ะ ตันก๋งจับได้แล้วมิได้ส่งขึ้นไป เราจึงรอดชีวิตอยู่จึงให้หาตัวตันก๋งเข้ามา โจโฉคำนับแล้วถามว่า ท่านมาหาเรานี้ด้วยเหตุสิ่งใด ตันก๋งจึงตอบว่า ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านยกทหารมาจะรบโตเกี๋ยม หวังจะแก้แค้นซึ่งบิดาท่านตาย แลโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นเป็นคนสัตย์ซื่ออารี จึงให้เตียวคีคุมทหารไปส่งบิดาท่าน ซึ่งเกิดเหตุขึ้นทั้งนี้เพราะเตียวคีเป็นคนโลภฆ่าบิดาท่านเสียเก็บเอาทรัพย์สิ่งของหนีไปอยู่ป่า โตเกี๋ยมนั้นจะได้คบคิดให้ทำหามิได้ ซึ่งท่านสั่งทหารว่า ถ้าได้เมืองชีจิ๋วแล้วจงฆ่าหญิงชายชาวเมืองเสียให้สิ้นนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าชาวเมืองทั้งปวงหาความผิดมิได้ จะให้ฆ่าเสียนั้นไม่ชอบ ซึ่งข้าพเจ้าว่าทั้นี้ขอท่านดำริดูจงควรเถิด
โจโฉได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงตอบว่าครั้งเราหนีตั๋งโต๊ะนั้น ท่านยอมไปด้วยเราแล้วทิ้งเราเสียหนีไปกลางทาง บัดนี้กลับมาหาเรา แลโตเกี๋ยมนั้นคิดเป็นกลอุบายให้ทหารไปส่งบิดาเรา แล้วทำร้ายบิดาเรากับพรรคพวกตายเป็นอันมาก เรายกมาหวังจะแก้แค้นโตเกี๋ยม แลท่านมีหน้ามาห้ามนั้นเราหาฟังไม่ ตันก๋งเห็นโจโฉโกรธมิรู้ที่จะตอบประการใด ก็ลาโจโฉออกมาจากค่าย จึงคิดแต่ในใจว่ากูมาห้ามโจโฉก็มิสมความคิด ครั้นจะไปหาโตเกี๋ยมก็มีความละอายใจเป็นอันมากจึงรีบไปหาเตียวเมา ณ เมืองตันลิว
ฝ่ายโจโฉก็ยกทหารเข้าไปใกล้เมืองชีจิ๋ว ทหารโจโฉก็ฆ่าฟันหญิงชายซึ่งอยู่นอกเมืองเสีย แล้วเก็บเอาทรัพย์สิ่งของมาไว้เป็นอันมาก
ฝ่ายโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วรู้ดังนั้น ก็มีความเศร้าหมองร้องไห้รักราษฎรทั้งปวงด้วยความเอ็นดู แล้วว่าแก่ที่ปรึกษาทั้งนั้นว่า ซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้เพราะกรรมของเรามาตามทัน ชาวเมืองพลายล้มตายเป็นอันมาก
โจป้าจึงว่าท่านหาความผิดมิได้ โจโฉยกมาทำอันตรายทั้งนี้จะนิ่งไว้ข้าศึกก็จะกำเริบ จำเราจะยกออกไปรบพุ่งต้านทานไว้จึงจะได้ โตเกี๋ยมเห็นชอบด้วยจึงจัดแจงทหารทั้งปวง ครั้นเวลาเช้าก็เปิดประตูเมืองยกทหารออกไป เห็นทหารโจโฉนั้นตั้งอยู่เป็นอันมาก ดังคลื่นในท้องมหาสมุทร
ฝ่ายโจโฉเห็นโตเกี๋ยมยกออกมา จึงขับม้าขึ้นมาแล้วให้ทหารทั้งปวงตั้งรับไว้เป็นหน้ากระดาน โตเกี๋ยมจึงขับม้าขึ้นไปหน้าทหาร ก็ย่อตัวลงคำนับแล้วว่ากับโจโฉว่า เดิมข้าพเจ้าคิดว่าจะไปทำราชการด้วยท่าน ครั้นรู้ว่าบิดาท่านมาถึงเมืองชีจิ๋ว ข้าพเจ้าได้รับเข้ามาเลี้ยงดูแล้ว แต่งให้เตียวคีคุมทหารไปส่งหวังจะทำความชอบไว้ต่อท่าน แลเตียวคีนั้นเอาใจออกหากข้าพเจ้า ฆ่าบิดากับพรรคพวกท่านเสีย แล้วข้าพเจ้าจะได้คิดอ่านเป็นกลอุบายให้เตียวคีทำร้ายนั้นหามิได้ ซึ่งท่านโกรธข้าพเจ้า ยกมาฆ่าชาวเมืองซึ่งหาความผิดมิได้นั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่ควร ขอท่านจงดำริดูจงชอบก่อน โจโฉได้ฟังดังนั้นก็โกรธ ด่าโตเกี๋ยมเป็นข้อหยาบช้าแล้วร้องตอบว่า มึงคิดกลอุบายแกล้งให้ทหารฆ่าบิดาแลพรรคพวกกูเสีย แลเอาความดีมาแก้ตัว จึงร้องประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะอาสาไปจับเอาตัว โตเกี๋ยมมาให้เราได้ แฮหัวตุ้นรับอาสาแล้วขับม้ารำทวนออกไปจะจับเอาตัวโตเกี๋ยมโจป้าเห็นดังนั้นก็ขับม้าเข้ารบด้วยแฮหัวตุ้นได้ห้าเพลง พอเกิดพายุฝนตกห่าใหญ่ต่างคนต่างยกทหารกลับไป โตเกี๋ยมนั้นกลับเข้ามาถึงเมือง จึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า เห็นเราจะสู้โจโฉมิได้ ซึ่งจะคิดรบพุ่งไปฉะนี้ทหารแลชาวเมืองก็จะพลอยตายเสียสิ้น ท่านทั้งปวงจงเอาตัวเรามัดออกไปส่งให้โจโฉ ทหารแลชาวเองจึงจะรอดชีวิต
ฝ่ายบิต๊กชาวเมืองตองไฮเป็นพ่อค้ามีทรัพย์สินเป็นอันมาก เมื่อครั้งพาพวกเพื่อนไปค้าเมืองลกเอี๋ยงนั้นขายของเสร็จแล้ว เข็นเกวียนจะกลับมา พบหญิงคนหนึ่งรูปงามอายุประมาณสิบหกปี ขอโดยสารบิต๊กจะมาเมืองตองไฮด้วย บิต๊กเอ็นดูว่าเป็นหญิงจึงลงเดินให้หญิงนั้นนั่งไปบนเกวียน หญิงนั้นจึงว่าข้าพเจ้าเป็นคนโดยสารจะนั่งไปบนเกวียน จะให้ท่านเดินไปนั้นไม่ควร เชิญท่านขึ้นมานั่งไปบนเกวียนเถิด บิต๊กก็ขึ้นเกวียนขับไป ในขณะเมื่อบิต๊กนั่งมานั้นชิดกับหญิงแลบิต๊กจะได้แลดูแลคิดผูกพันรักใคร่หญิงนั้นหามิได้ ครั้นถึงเมืองตองไฮ หญิงนั้นจึงว่าแก่บิต๊กว่า เรานี้มิใช่มนุษย์เป็นนางในเมืองบน เทพดาผู้ใหญ่ให้เราเอาเพลิงลงมาจุดเผาเรือนท่านเสีย ตัวเราเป็นหญิงแกล้งลองใจโดยสารท่านมา ท่านมิได้ทำอันตรายแก่เรานั้น ก็เห็นว่าท่านมีความสัตย์อยู่มั่นคง ครั้นเราจะไม่เอาเพลิงไปเผาเรือนท่าน ก็ขัดเทพดาผู้ใหญ่มิได้ ท่านจงเร่งไปขนทรัพย์สิ่งของที่เรือนท่านเสียให้พ้น ในเวลากลางคืนวันนี้จะเอาเพลิงเผาเรือนท่านเสียตามคำเทพดาครั้นบอกแล้วหญิงนั้นก็หายไป
บิต๊กได้ฟังดังนั้นเห็นประหลาดใจจึงรีบไปถึงเรือน แล้วขนทรัพย์สิ่งสินข้าวของเสียจากเรือนนั้น ครั้นเวลากลางคืนก็เกิดเพลิงไหม้เรือนบิต๊กขึ้น แล้วบิต๊กจึงเอาทรัพย์สิ่งของนั้นให้ทานยาจกทั้งปวงเสียสิ้น แลกิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ไปถึงโตเกี๋ยม โตเกี๋ยมจึงให้ไปรับเอาตัวบิต๊กมาไว้เป็นที่ปรึกษา ขณะเมื่อบิต๊กได้ฟังโตเกี๋ยมว่าดังนั้น จึงตอบว่าท่านเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วแลมีน้ำใจสัตย์ซื่อโอบอ้อมอารี ราษฎรชาวเมืองมีใจรักท่านเป็นอันมาก ซึ่งจะให้เอาตัวท่านส่งไปให้โจโฉนั้นไม่ควรราษฎรทั้งปวงก็จะหาที่พึ่งมิได้ ท่านจงเกณฑ์ทหารแลชาวเมืองขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินให้มั่นคง เห็นโจโฉจะหักเอาเมืองโดยง่ายยังมิได้ ขอให้แต่งหนังสือให้ข้าพเจ้าถือไป ขอกองทัพขงหยงเจ้าเมืองปักไฮมาช่วยรบโจโฉฉบับหนึ่ง ฉบับหนึ่งให้แต่งทหารถือไปขอกองทัพเต๊งไก่เจ้าเมืองเซียงจิ๋วมาช่วยทำการรบพุ่งโจโฉเป็นทัพกระหนาบ โจโฉก็จะแตกไป โตเกี๋ยมเห็นชอบด้วย จึงถามว่าผู้ใดจะอาสาถือหนังสือไปให้เต๊งไก่ได้ ตันเต๋งจึงว่าข้าพเจ้าจะขออาสาไป โตเกี๋ยมจึงให้แต่งหนังสือ ให้ตันเต๋งถือไปขอกองทัพเต๊งไก่เจ้าเมืองเซียงจิ๋ว แล้วแต่งอีกฉบับหนึ่งให้บิต๊กถือไปถึงขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ จงเห็นแก่ไมตรีเร่งยกกองทัพมาช่วยรบโจโฉ
ฝ่ายขงหยงเจ้าเมืองปักไฮนั้น มีใจกว้างขวางอารีมักคบเพื่อนฝูงเป็นอันมากราษฎรเมืองทั้งปวงมีใจรักใคร่ แลขงหยงนั้นหาทหารมากินโต๊ะพร้อมกันอยู่พอบิต๊กเอาหนังสือมาให้ ขงหยงแจ้งในหนังสือแล้วจึงว่าโตเกี๋ยมกับเราเป็นคนรักกัน แลโจโฉมิได้มีความผิดกับเรา ถ้าจะให้หนังสือไปห้ามโจโฉ ก็เห็นว่าจะฟังคำเราอยู่ ถ้าขัดแข็งประการใด เราจึงจะยกทัพไปช่วยโตเกี๋ยมรบโจโฉต่อภายหลัง บิต๊กจึงตอบว่าโจโฉนั้นโกรธว่า โตเกี๋ยมคิดกลอุบายฆ่าบิดาโจโฉเสีย ซึ่งท่านจะให้มีหนังสือไปห้ามนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าโจโฉจะมิฟัง ก็จะป่วยการเสียเปล่า ขงหยงจึงตอบว่า ท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่เราจะให้คนถือหนังสือกับกองทัพยกไปให้พร้อมกัน
ขณะนั้นพอม้าใช้มาบอกขงหยงว่า กวนไฮคุมโจรโพกผ้าเหลืองประมาณสี่หมื่นห้าหมื่น ยกตีเข้ามาใกล้เมืองแดนเมืองเรา ขงหยงได้ยินดังนั้นก็ตกใจ จึงเกณฑ์ทหารแล้วยกออกไปรบด้วยพวกโจร กวนไฮขับม้าขึ้นมาหน้าโจรทั้งปวงแล้วร้องว่าแก่ขงหยงว่า ซึ่งเรายกมาทั้งนี้ปรารถนาจะเอาเสบียง ถ้าท่านเอาเสบียงมาให้เราหมื่นถัง เราจะยกกลับไป แม้นท่านมิให้เราก็จะคุมพวกเพื่อนเข้าตีเอาเมืองปักไฮนี้ให้ได้ แล้วจะฆ่าบุตรภรรยาพี่น้องท่านเสีย
ขงหยงได้ยินดังนั้นจึงร้องตอบว่า ตัวเราเป็นขุนนางรักษาขอบขัณฑสีมาของพระมหากษัตริย์ แลมึงเป็นแต่โจร จะมาทำโอหังเรียกเอาเสบียงแก่กูนั้นกูมิได้ยอมให้ ซึ่งมึงจะยกเข้าหักเอาเมืองให้ได้นั้นหากลัวมึงไม่ กวนไฮได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำง้าวเข้ารบด้วยขงหยง จงโปทหารขงหยงก็ขับม้าเข้ารบด้วยกวนไฮได้ห้าเพลง กวนไฮเอาง้าวฟันจงโปตกม้ายตาย ขงหยงเห็นจะต้านทานมิได้ ก็พาทหารถอยหนีเข้าเมือง กวนไฮจึงยกพวกโจรเข้าล้อมเมืองปักไฮไว้ บิต๊กซึ่งโตเกี๋ยมให้หนังสือมานั้น ก็เป็นทุกข์อยู่ในเมืองปักไฮนั้นด้วย
ครั้นเวลารุ่งเช้าขงหยงจึงขึ้นดูบนเชิงเทิน เห็นพวกโจรล้อมเมืองไว้ จึงเกณฑ์ทหารขึ้นรักษาหน้าที่อยู่เป็นมั่นคง แล้วขงหยงเห็นทหารคนหนึ่งขี่ม้ารบฝ่าพวกโจรเข้ามาถึงประตูเมือง ร้องให้เปิดรับ ขงหยงมิได้เปิดประตูด้วยไม่รู้จัก ขณะนั้นพวกโจรทั้งปวงตามเข้ามา ทหารคนนั้นชักม้ากลับหน้าไปฆ่าพวกโจรตายเป็นอันมาก ขงหยงเห็นดังนั้นก็มีความยินดีจึงให้เปิดประตูรับทหารคนนั้นเข้ามา ขงหยงจึงถามว่าท่านนี้ชื่อใดมาแต่ไหน จึงรบฝ่าพวกโจรเข้ามานั้นด้วยเหตุประการใด
ไทสูจู้โจนลงจากม้าเอาทวนวางไว้คำนับขงหยง แล้วตอบว่าข้าพเจ้าชื่อไทสูจู้อยู่เมืองอุยก๋วน แลมารดาข้าพเจ้านั้นสรรเสริญถึงคุณท่านว่าได้ให้เสื้อผ้าข้าวปลาอาหารแก่มารดาข้าพเจ้ามาแต่ก่อน บัดนี้มารดาข้าพเจ้าแจ้งว่าโจรมาล้อมเมืองจึงให้ข้าพเจ้ามาช่วยรบ หวังจะแทนคุณท่าน ข้าพเจ้าจึงรบฝ่าพวกโจรเข้ามา ได้ฆ่าฟันโจรเสียเป็นอันมาก ขงหยงได้ยินดังนั้นก็ระลึกได้ แล้วตอบว่าเมื่อท่านยังน้อยอยู่นั้น เราเห็นว่าท่านจะมีสติปัญญา ควรจะเป็นทหารได้คนหนึ่ง เราจึงเอาของไปให้ทำไมตรีไว้แก่มารดาท่าน ซึ่งท่านมาช่วยเราครั้งนี้ เรามีความยินดีนัก แล้วขงหยงก็เอากราะกับเสื้อให้แก่ไทสูจู้เป็นบำเหน็จ ไทสูจู้ก็รับเอาเกราะกับเสื้อด้วยความยินดี จึงคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าจะขอทหารพันหนึ่งยกออกไปตีพวกโจรให้แตกไปจงได้ ขงหยงจึงห้ามว่าตัวท่านฝีมือกล้าหายก็จริงอยู่ แต่พวกโจรครั้งนี้เข้มแข็งนัก เห็นท่านจะต้านทานมิได้ ไทสูจู้จึงตอบว่าท่านมีคุณต่อมารดาข้าพเจ้าเป็นอันมาก ถึงมาตรว่าข้าพเจ้าจะตายในที่รบก็จะเอาชีวิตสนองคุณท่านซึ่งมีคุณแก่มารดาข้าพเจ้า แลท่านจะมาห้ามไว้นี้ไม่ควร เหมือนหนึ่งมิให้ข้าพเจ้าแทนคุณมารดา ข้าพเจ้าจะกลับไปนั้นมารดาก็จะว่ามิได้ทำตามคำโทษก็จะมีแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ขงหยงจึงตอบว่าซึ่งท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ จะใคร่ได้ท่านไว้เป็นที่ปรึกษา เราจึงห้ามเพราะทหารในเมืองเราก็น้อย แลเล่าปี่นั้นมีสติปัญญาได้กวนอู เตียวหุยไว้เป็นกำลัง ถ้าได้เล่าปี่มาช่วยรบเป็นทัพกระหนาบพวกโจรก็จะแตกไป แต่หาผู้ใดจะถือหนังสือฝ่าพวกโจรออกไปไม่ ไทสูจู้จึงตอบว่า ถ้าท่านมิให้ข้าพเจ้าออกไปรบ จงเร่งแต่งหนังสือเถิด ข้าพเจ้าจะอาสาถือไปให้เล่าปี่
ขงหยงจึงแต่งหนังสือเป็นใจความว่า ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ อวยพรมาถึงเล่าปี่เจ้าเมืองเพงงวนก๋วน ด้วยบัดนี้กวนไฮคุมพวกโจรประมาณสี่หมื่นห้าหมื่นล้อมเมืองไว้เป็นสามารถ จงมีความเมตตายกมาช่วยรบโจรเป็นทัพกระหนาบไมตรีจะมีต่อกันสืบไป ครั้นแต่งแล้วจึงให้ไทสูจู้ ไทสูจู้รับเอาหนังสือแล้วใส่เกราะถือทวนขับม้าออกจากประตูเมือง ไปถึงหน้าค่ายโจร กวนไฮเห็นดังนั้นจึงขับทหารโจรทั้งปวงออกไล่จับไทสูจู้ ไทสูจู้เอาทวนแทงถูกพวกโจรนั้นล้มตายเป็นอันมาก ไทสูจู้รบฝ่าออกไปได้ ครั้นถึงเมืองเพงงวนก๋วนก็เข้าไปคำนับเล่าปี่แล้วส่งหนังสือให้เล่าปี่ เล่าปี่แจ้งในหนังสือดังนั้นยังมิได้ว่าประการใด จึงพิศดูรูปร่างผู้ถือหนังสือเห็นเข้มแข็งสมควรเป็นทหาร แล้วถามว่าท่านนี้ชื่อใด ไทสูจู้จึงบอกว่าข้าพเจ้านี้ชื่อไทสูจู้ จะได้เป็นญาติพี่น้องแลทหารขงหยงนั้นหามิได้ ซึ่งข้าพเจ้าอาสามาครั้งนี้ เพราะขงหยงมีคุณแก่มารดาข้าพเจ้า เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงสรรเสริญไทสูจู้ว่ามีกตัญญูต่อมารดา จึงว่าซึ่งขงหยงนับถือให้มาขอกองทัพเรา เราก็จะยกไปช่วย แลเล่าปี่นั้นให้กวนอู เตียวหุยจัดทหารได้สามพัน แล้วก็พาไทสูจู้ยกไปเมืองปักไฮ
ฝ่ายกวนไฮนายโจรครั้นเห็นกองทัพยกมา ก็เห็นว่าจะยกมาช่วยขงหยงจึงคุมพวกโจรออกมาตั้งรับ แลเล่าปี่เห็นดังนั้นจึงชวนกวนอู เตียวหุยกับไทสูจู้ขับม้าขึ้นไปยืนอยู่หน้าทหารทั้งปวง กวนไฮเห็นทหารซึ่งยกมานั้นน้อยก็มีใจกำเริบจึงขับม้ารำทวนเข้าไปจะรบด้วยนายทัพ ไทสูจู้เห็นดังนั้นก็ขับม้าออกรบ พอเห็นกวนอูขับม้าออกไปก่อน ไทสูจู้ก็ชักม้ายั้งไว้ แลกวนอูนั้นขับม้าไปรบด้วยกวนไฮได้สามสิบเพลง กวนอูเอาง้าวฟันถูกกวนไฮตัวขาดออกสองท่อนตาย แลกวนอูไทสูจู้ก็ไล่ฆ่าฟันพวกโจร เล่าปี่ เตียวหุยก็คุมทหารยกหนุนขึ้นไป
ฝ่ายขงหยงได้ยินเสียงอื้ออึงก็ขึ้นดูบนเชิงเทิน เห็นกองทัพเล่าปี่ไล่ฆ่าฟันพวกโจรอุปมาดังเสือไล่ฝูงเนื้อ ขงหยงมีความยินดีจึงเกณฑ์ทหารรีบออกไปรบกระหนาบพวกโจรนั้นล้มตายเป็นอันมาก ซึ่งหนีไปได้นั้นก็กลับมาเข้าด้วยเล่าปี่ ขงหยงจึงเชิญให้เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ไทสูจู้เข้าไปในเมือง แล้วแต่งโต๊ะเลี้ยงดูตัวนายแลทหารทั้งปวง
ขณะเมื่อกินโต๊ะอยู่นั้น ขงหยงให้บิต๊กคำนับเล่าปี่ แล้วขงหยงเล่าเนื้อความซึ่งโตเกี๋ยมให้บิต๊กถือหนังสือมาขอกองทัพข้าพเจ้าไปรบโจโฉ พอกองทัพโจรมาล้อมเมืองไว้ บิต๊กจึงค้างอยู่ เล่าปี่จึงตอบว่า โตเกี๋ยมเป็นคนสัตย์ซื่ออารีแลจะคิดกลอุบายให้เตียวคีฆ่าโจโก๋เสียนั้นเราไม่เห็นด้วย ซึ่งเกิดเหตุทั้งนี้ก็เพราะกรรมของโตเกี๋ยมทำไว้แต่หลัง ขงหยงจึงว่าบัดนี้โจโฉหมายใจผูกแค้นโตเกี๋ยมซึ่งหาความผิดมิได้ เพราะโจโฉมีทหารเป็นอันมาก จึงยกมาทำการหยาบช้าฆ่าชาวเมืองชีจิ๋วเสียเป็นอันมาก ตัวท่านเป็นเชื้อพระเจ้าเหี้ยนเต้ ควรที่จะทำนุบำรุงให้ราษฎรทั้งปวงอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป ขอเชิญท่านยกไปกับข้าพเจ้าจะได้ช่วยโตเกี๋ยมรบโจโฉ
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้ก็ควรอยู่ แต่เราเกรงว่าทหารเรานี้มีน้อย ถ้าจะยกไปทำการเห็นจะเสียทีแก่โจโฉ ขงหยงจึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าจะยกไปช่วยโตเกี๋ยมนั้น ใช่จะเห็นแก่ลาภสักการแลชอบใจกันนั้นหามิได้ ข้าพเจ้าคิดว่าโตเกี๋ยมมีใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ทำนุบำรุงราษฎรชาวเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข แลตัวท่านเป็นเชื้อพระวงศ์รู้ว่าผู้มีกตัญญูต่อแผ่นดินเกิดเหตุทั้งนี้ท่านจะละเสียไม่ควร เล่าปี่จึงตอบว่าเราจะได้บิดพลิ้วมิไปนั้นหามิได้ ขอท่านยกไปก่อนเถิด เราจะไปยืมทหารกองซุนจ้านให้ได้สักห้าพัน แล้วจึงจะยกไปตามต่อภายหลัง
ขงหยงจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ซึ่งจะยกไปตามนั้นแล้วอย่าลวงเรา เล่าปี่จึงตอบว่าท่านได้ยินคำเล่าลืว่าเราล่อลวงผู้ใดบ้าง ถ้าเราไปยืมทหารได้ก็ดี มิได้ก็ดี เราจะยกไปตามท่านให้ได้ แล้วเล่าปี่ก็ลาขงหยงยกทหารไปหากองซุนจ้าน ณ เมืองปักเป๋ง ฝ่ายขงหยงจึงให้บิต๊กรีบไปบอกโตเกี๋ยมว่า เราจะยกไปช่ยเป็นมั่นคง บิต๊กรับคำขงหยงแล้วก็ลาไป
ขณะนั้นมีคนมาบอกไทสูจู้ว่า เล่าอิ้วให้หาไป ไทสูจู้จึงเข้าไปคำนับขงหยงแล้วว่า ซึ่งมารดาข้าพเจ้าใช้ให้มาแทนคุณท่านนั้น การก็สำเร็จแล้ว บัดนี้เล่าอิ้วเจ้าเมืองเอียวจิ๋วนั้น ใช้คนถือหนังสือมาหาข้าพเจ้าว่าจะปรึกษาราชการครั้นข้าพเจ้ามิไปก็จะเสียไมตรีซึ่งชอบกันมา ข้าพเจ้าจะขอลาท่านไป ขงหยงได้ยินดังนั้นก็มีความอาลัยจึงจัดเงินทองเสื้อผ้าให้แก่ไทสูจู้เป็นบำเหน็จ ไทสูจู้จึงว่าของทั้งนี้ท่านเอาไว้แจกทหารเถิด แล้วก็ลาขงหยงกลับไปหามารดา แล้วบอกเนื้อความให้มารดาฟังทุกประการ มารดาได้ฟังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าซึ่งเล่าอิ้วเจ้าเมืองเอียงจิ๋วให้มาหานั้นจงรีบไปเถิดเจ้า ไทสูจู้ก็ลามารดาไปหาเล่าอิ้ว ณ เมืองเอียงจิ๋ว
ฝ่ายเล่าปี่ครั้นมาถึงเมืองปักเป๋งจึงบอกแก่กองซุนจ้านว่า บัดนี้โจโฉยกมารบโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋ว ข้าพเจ้าจะขอยืมทารท่านสักห้าพันจะยกไปช่วยโตเกี๋ยมรบโจโฉ กองซุนจ้านได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า โจโฉนั้นหาความผิดสิ่งใดกับท่านมิได้ ท่านจะยกไปช่วยโตเกี๋ยมนั้นเราไม่เห็นด้วย เล่าปี่จึงตอบว่าข้าพเจ้าได้รับคำขงหยงมาแล้ว ครั้นจะมิยกไปขงหยงก็จะว่าเจรจาไม่จริง กองซุนจ้านจึงว่า ท่านได้รับคำเขามาแล้วเราก็จะให้ทหารม้าไปด้วยแต่สองพัน เล่าปี่จึงว่าข้าพเจ้าจะขอจูล่งไปด้วย กองซุนจ้านก็ยอมให้ เล่าปี่มีความยินดีนัก จึงเอาทหารของกองซุนจ้านสองพันนั้นให้จูล่งคุมเป็นกองหลัง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยนั้นคุมทหารสามพันเศษ ก็พากันยกไปเมืองซีจิ๋ว
ฝ่ายบิต๊กครั้นมาถึงเมืองชีจิ๋ว จึงเอาเนื้อความบอกแก่โตเกี๋ยมว่า ขงหยงนั้นได้ชักชวนเล่าปี่ให้มาช่วยท่าน แลขงหยงกับเล่าปี่ก็ยกตามมา
แลตันต๋งซึ่งไปขอกองทัพเต๊งไก๋นั้น ก็กลับมาบอกโตเกี๋ยมว่าเต๊งไก๋จะยกมาช่วย โตเกี๋ยมได้ยินดังนั้นก็ค่อยคลายใจ
ฝ่ายขงหยงเจ้าเมืองปักไฮ แลเต๊งไก๋เจ้าเมืองเซียงจิ๋วก็คุมทหารยกมาถึงเมืองชีจิ๋ว เห็นกองทัพโจโฉตั้งประชิดอยู่ ขงหยงกับเต๊งไก๋ก็ให้ตั้งค่ายอยู่ข้างหลังทัพโจโฉทั้งสองด้านหวังจะดูทีศึก โจโฉเห็นดังนั้นจึงคิดว่าบัดนี้มีกองทัพมาตั้งอยู่ข้างหลังเป็นสองด้าน ครั้นจะยกเข้าหักเอาเมืองชีจิ๋วก็ระวังหลังอยู่ เกรงจะเป็นศึกกระหนาบ จึงให้ทหราบทั้งปวงกลับหน้าออกมาตั้งรับไว้ทั้งสองด้าน
ฝ่ายเล่าปี่ครั้นยกทหารไปถึงเมืองชีจิ๋ว เห็นกองทัพขงหยง เต๊งไก๋ตั้งประชิดทัพโจโฉอยู่เป็นสองกอง เล่าปี่ก็เข้าไปหาขงหยง ขงหยงมีความยินดีจึงว่าแก่เล่าปี่ว่าโจโฉคุมทหารมาทำการครั้งนี้เป็นอันมาก แล้วโจโฉก็มีสติปัญญาคิดอ่านชำนาญในการสงคราม ซึ่งเราจะยกทหารเข้าหักเอาโดยเร็วนั้นเห็นจะเสียการ จำจะตั้งยั้งไว้ดูทีก่อน ถ้าเห็นได้ท่วงทีแล้วเราจึงจะยกเข้ารบด้วยโจโฉ
เล่าปี่ตอบว่าซึ่งท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่เราเกรงว่าจะตั้งอยู่ช้านั้นเสบียงในเมืองชีจิ๋วก็น้อย ชาวเมืองจะอดยาก เราจะให้กวนอูกับจูล่งคุมทหารสี่พันไปตั้งมั่นอยู่กับท่าน แต่เรากับเตียวหุยจะคุมทหารพันเศษ รบฝ่ากองทัพโจโฉเข้าไปในเมืองชีจิ๋ว จะได้ปรึกษาราชการกับโตเกี๋ยมแล้วจะประมาณดูเสบียงอาหารในเมืองซึ่งมีอยู่นั้นมากน้อยสักเท่าใด จึงจะคิดการต่อไป ขงหยงเห็นชอบด้วย เล่าปี่กับเตียวหุยก็คุมทหารเข้าไปถึงหน้าค่ายโจโฉ ฝ่ายทหารโจโฉเห็นดังนั้นก็ยกออกตั้งรับเป็นอันมาก ดังคลื่นในท้องมหาสมุทร
แลอิกิ๋มนั้นขี่ม้าขับขึ้นไปหน้าทหารทั้งปวง แล้วจึงร้องว่าแก่เล่าปี่ เตียวหุย ว่ามึงมานี่จะไปไหน แลทหารซึ่งคุมมาประมาณพันหนึ่งนี้ ยังจะครั่นฝีมือทหารเราหรือ เตียวหุยได้ยินดังนั้นก็โกรธ มิได้ตอบประการใดก็ขับม้ารำทวนเข้าไปรบด้วยอิกิ๋มได้สิบเพลง เล่าปี่ถือกระบี่ขับม้าเข้าไปช่วยเตียวหุยรบ แลอิกิ๋มนั้นกำลังน้อยเห็นจะสู้เตียวหุยมิได้ ก็ชักม้าหนีเตียวหุย เตียวหุยขับม้าไล่ฟันทหารโจโฉตายเป็นอันมาก เล่าปี่กับเตียวหุยก็พาทหารเข้าไปถึงประตูเมือง
ฝ่ายโตเกี๋ยมขึ้นดูบนเชิงเทิน แลเห็นทหารยกเข้ามาถึงประตูเมืองดูธงแดงสำคัญ ก็เห็นอักษรว่าเล่าปี่เจ้าเมืองเพงงวนก๋วน โตเกี๋ยมมีความยินดีนัก ก็ให้ทหารเปิดประตูรับเล่าปี่เข้าไปในเมือง จึงเชิญให้นั่งแล้วแต่งโต๊ะเลี้ยงเล่าปี่เตียวหุยกับทหารทั้งปวง เล่าปี่จึงบอกแก่โตเกี๋ยมว่าซึ่งเราเข้ามาบัดนี้ ได้รบพุ่งฆ่าฟันทหารโจโฉล้มตายเป็นอันมาก โตเกี๋ยมได้ยินดังนั้นก็มีความยินดี แล้วดูรูปร่างเล่าปี่เห็นสมเป็นเชื้อพระวงศ์ ทั้งพูดจาก็อารีเห็นน้ำใจจะกว้างขวาง โตเกี๋ยมจึงใช้ให้บิต๊กเข้าไปเอาตราสำหรับที่เจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นออกมาส่งให้เล่าปี่ เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ตกใจจึงถามว่า ซึ่งท่านเอาตราสำหรับที่มาให้เรานี้ด้วยเหตุสิ่งใด โตเกี๋ยมจึงตอบว่า ทุกวันนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ครองราชสมบัติ พระชันษานั้นยังเยาว์อยู่ ขุนนางที่มิได้มีใจสัตย์ซื่อนั้นมักทำจลาจลต่างๆ แผ่นดินได้ความเดือดร้อนเนืองๆ มา ข้าพเจ้าก็แก่ชราแล้ว จะคิดการบำรุงแผ่นดินต่อไปนั้นก็ขัดสน ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ แล้วก็มีสติปัญญาโอบอ้อมอารีควรที่จะทำนุบำรุงราษฎรให้เป็นสุข ข้าพเจ้าจึงเอาตราสำหรับที่มาให้ หวังจะเชิญให้ท่านเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว จะได้คิดการกำจัดศัตรูราชสมบัติต่อไป แล้วข้าพเจ้าจะแต่งหนังสือขึนไปให้กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้
เล่าปี่ได้ยินดังนั้นจึงคำนับโตเกี๋ยมแล้วว่า เรานี้เป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่สติปัญญาน้อย ทำราชการยังหาความชอบข้อใหญ่มิได้ เป็นแต่เจ้าเมืองจัตวาเราก็ยังคิดเกรงอยู่ว่าจะไม่ควรกับสติปัญญา ซึ่งเรายกมาทั้งนี้เพราะมีน้ำใจหวังจะช่วยท่านรบโจโฉ หรือท่านแคลงอยู่ว่า เราจะมาชิงเอาเมืองชีจิ๋ว ถ้าเราคิดดังนั้นก็ขออย่าให้เทพดารักษาชีวิตเราเลย
โตเกี๋ยมจึงตอบว่า ซึ่งข้าพเจ้าจะยกเมืองให้ท่านนี้ เป็นความสุจริต ใช่จะคิดสงสัยล่อลวงสิ่งใดหามิได้ แต่โตเกี๋ยมอ้อนวอนมอบเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่เป็นหลายครั้งเล่าปี่ก็มิได้รับ บิต๊กจึงว่าแก่โตเกี๋ยมว่า ทัพโจโฉมาตั้งประชิดเมืองอยู่เล่าปี่จะมาช่วยทำการศึก แลท่านจะมาว่ากล่าวมอบเมืองให้ช้าอยู่ดังนี้ไม่ควร ให้ท่านเร่งคิดกันทำการสงครามให้สำเร็จ แล้วจึงค่อยมอบเมืองให้เล่าปี่ต่อภายหลัง
เล่าปี่จึงว่าแต่โตเกี๋ยมว่า เราจะแต่งหนังสือไปห้ามโจโฉให้กลับไป ถ้าโจโฉมิฟัง จึงจะคิดอ่านยกกองทัพออกช่วยรบต่อภายหลัง โตเกี๋ยมเห็นชอบด้วย เล่าปี่จึงแต่งหนังสือให้ทหารถือออกไปถึงโจโฉเป็นหลายคน แล้วให้ลอบไปบอกขงหยงกับเต๊งไก๋ว่า ให้ตั้งมั่นไว้อย่าเพ่อยกออกรบพุ่งก่อน ทหารก็เอาหนังสือไปให้โจโฉ
ฝ่ายทหารโจโฉก็พาเอาตัวผู้ถือหนังสือเข้าไปหาโจโฉ แลทหารเล่าปี่จึงบอกว่า บัดนี้เล่าปี่ใช้ข้าพเจ้าเอาหนังสือมาให้ท่าน โจโฉรับเอามาอ่านดู ในหนังสือนั้นใจความว่า เล่าปี่ขออวยพรมายังโจโฉ ให้คิดถึงครั้งเมื่อไปทำการ ณ ด่านเฮาโลก๋วน แล้วต่างคนต่างจากกันไปมิได้พบเห็น ข้าพเจ้าก็มีใจคิดถึงท่านอยู่มิได้ขาด ซึ่งบิดาท่านตายนั้นเพราะเตียวคีทำร้าย แลโตเกี๋ยมนั้นจะได้ร่วมคิดหามิได้ ซึ่งท่านโกรธโตเกี๋ยมยกกองทัพมาทำให้ราษฎรทั้งปวงได้ความเดือดร้อนนั้นไม่ควร แลทุกวันนี้ลิฉุย กุยกีได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในเมืองเตียงฮันพระเจ้าเหี้ยนเต้แลขุนนางอาณาประชาราษฎรก็ได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ฝ่ายหัวเมืองทั้งปวงก็เกิดโจรโพกผ้าเหลืองทำร้ายแก่ราษฎรอยู่เนืองๆ ท่านจงคิดถึงแผ่นดินยกทัพไปปราบพวกโจรให้ราบ ราษฎรทั้งปวงจะได้อยู่เย็นเป็นสุขเพราะบุญแลปัญญาของท่าน ซึ่งท่านสงสัยว่าโตเกี๋ยมคิดเป็นกลอุบายให้ฆ่าบิดาท่านเสียนั้น ขอท่านจงดำริดูให้แน่ก่อน ถ้าเห็นว่าโตเกี๋ยมคิดร้ายต่อท่านจริงแล้ว จึงยกมาตีเอาเมืองชีจิ๋วเถิด ซึ่งข้าพเจ้าห้ามมาทั้งนี้ขอท่านจงเห็นแก่ข้าพเจ้าด้วย
ครั้นโจโฉแจ้งในหนังสือนั้นแล้วก็โกรธ จึงปรึกษากับกุยแกว่าเล่าปี่นี้ใจใหญ่ บังอาจให้มีหนังสือมาห้ามเรา เมื่อเคราะห์ดูก็เห็นว่าเล่าปี่จะคิดล่อลวงเราด้วยกลอุบาย ชอบให้ตัดศีรษะผู้ถือหนังสือเสีย แล้วให้เร่งยกเข้าตีเอาเมืองชีจิ๋วนี้จงได้ กุยแกจึงว่าเล่าปี่เป็นคนสัตย์ซื่อ ซึ่งจะให้ฆ่าผู้ถือหนังสือนั้นไม่ควรขอให้ตอบเข้าไปเอาใจเล่าปี่ไว้ ต่อภายหลังจึงยกเข้าตีเอาเมืองชีจิ๋วเห็นจะได้โดยง่าย โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เลี้ยงดูผู้ถือหนังสือ แล้วยังตรึกตรองคิดการที่จะแต่งหนังสือตอบเล่าปี่อยู่
ฝ่ายลิโป้เมื่อหนีลิฉุย กุยกีออกจากเมืองเตียงฮัน ไปถึงเมืองลำหยง จะเข้าไปอาศัยอ้วนสุดเจ้าเมืองลำหยง อ้วนสุดไม่เอาไว้ ลิโป้จึงเข้าไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ลิโป้ได้ทำความชอบไว้ต่ออ้วนเสี้ยวครั้งหนึ่ง แล้วลิโป้ทำหยาบช้าแก่ทหารสนิทของอ้วนเสี้ยว อ้วยเสี้ยวโกรธจะฆ่าเสีย ลิโป้จึงหนีไปอยู่กับเตียวเอี๋ยนเจ้าเมืองเซียงต๋ง
ขณะเมื่อบังสีเป็นขุนนางอยู่ในเมืองเตียงฮัน เป็คนชอบใจกันกับลิโป้จึงลอบเอาพรรคพวกครอบครัวลิโป้ส่งไปให้ลิโป้ ณ เมืองเซียงต๋ง ลิฉุย กุยกีรู้จึงให้ฆ่าบังสีเสีย แล้วแต่งหนังสือไปถึงเตียวเอี๋ยนให้จับลิโป้ฆ่าเสีย ลิโป้รู้จึงหนีไปอยู่กับเตียวเมาเจ้าเมืองตันหลิว
ฝ่ายตันก๋งซึ่งไปห้ามโจโฉ โจโฉมิฟัง ตันก๋งจึงไปหาเตียวเจี๋ยวผู้น้องเตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว เตียวเจี๋ยวจึงพาตันก๋งไปให้เตียวเมาผู้พี่ใช้อยู่ ตันก๋งจึงว่าแก่เตียวเมาว่า โจโฉได้เป็นใหญ่อยู่ฝ่ายหัวเมืองตะวันออกมีทหารเป็นอันมากบัดนี้ทิ้งเมืองกุนจิ๋วเสีย ยกไปตีเมืองชีจิ๋ว ข้าพเจ้าเห็นว่าเมืองกุนจิ๋วนั้น หาผู้ใดซึ่งมีฝีมือกล้าหาญอยู่รักษามิได้ ขอท่านให้ลิโป้ยกกองทัพไปตีเมืองกุนจิ๋วเห็นจะได้โดยสะดวก แลเมืองตันลิวเป็นฝ่ายตะวันออกก็จะพ้นอำนาจโจโฉ จึงจะคิดการใหญ่ไปภายหน้าก็เห็นจะไม่ขัดสน เตียวเมาได้ยินดังนั้นจึงจัดทหารให้ลิโป้เป็นนายทัพ เอาตันก๋งไปด้วย ลิโป้ก็ยกทหารรีบไปตีเอาเมืองกุนจิ๋วได้แล้วก็ยกตีหัวเมืองรายทางไปถึงเมืองปักเอี้ยง ยังแต่เมืองเอียงเสียหนึ่ง เมืองตองไฮหนึ่ง เมืองฮวนกวนหนึ่ง แลสามเมืองนี้เทียหยกกับซุนฮกรักษาไว้ได้แต่โจหยินทหารโจโฉซึ่งอยู่ ณ เมืองกุนจิ๋วนั้นแตกหนีจะไปหาโจโฉ ฝ่ายม้าใช้นั้นรีบไปถึงทัพโจโจซึ่งอยู่ ณ เมืองกุนจิ๋วนั้นแตกหนีจะไปหาโจโฉ ฝ่ายม้าใช้นั้นรีบไปถึงทัพโจโฉก่อน ก็เอาเนื้อความทั้งปวงบอกให้แจ้งทุกประการ โจโฉครั้นแจ้งดังนั้นก็ตกใจปรึกษากับทหารทั้งปวงว่า ลิโป้ยกมาตีเมืองกุนจิ๋วนั้นเห็นว่าครอบครัวเรากระจัดกระจาย จำเราจะยกทัพกลับไปต่อรบด้วยลิโป้
กุยแกจึงว่าซึ่งท่านจะยกไปก็ควรอยู่ ซึ่งเล่าปี่ได้มีหนังสือมาห้ามท่าน ท่านจงมีหนังสือตอบเล่าปี่ไปให้เป็นไมตรีไว้ ว่าเล่าปี่ห้ามนั้นท่านเห็นแก่เล่าปี่แล้วจึงยกกลับไปเมืองกุนจิ๋ว โจโฉเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือตามคำกุยแกว่าแล้วส่งให้ทหารเล่าปี่ โจโฉก็ยกทัพกลับไป ณ เมืองกุนจิ๋ว
ฝ่ายผู้ถือหนังสือนั้น ครั้นเข้าไปถึงเมืองชีจิ๋ว ก็เอาหนังสือนั้นให้แก่เล่าปี่ต่อหน้าโตเกี๋ยม เล่าปี่กับโตเกี๋ยมเห็นหนังสือดังนั้นก็มีความยินดี โตเกี๋ยมจึงให้ออกไปเชิญขงหยงหนึ่ง เต๊งไก๋หนึ่ง กวนอูหนึ่ง จูล่งหนึ่ง เข้ามาแล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยง แล้วโตเกี๋ยมจึงเชิญเล่าปี่ขึ้นนั่งบนที่สมควร โตเกี๋ยมจึงคำนับเล่าปี่ แล้วว่าข้าพเจ้าแก่ชราแล้ว ครั้นจะมอบเมืองให้บุตรสองคนก็หาสติปัญญามิได้ ข้าพเจ้าจะขอให้ท่านเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว ข้าพเจ้าจะอยู่นอกราชการช่วยทำนุบำรุงสืบไป เล่าปี่ได้ฟังโตเกี๋ยมว่าดังนั้น จึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า เดิมขงหยงให้เรามาช่วยโตเกี๋ยมเราเห็นกับไมตรีเราจึงมา บัดนี้โตเกี๋ยมจะมอบเมืองชีจิ๋วให้แก่เรา แลราษฎรทั้งปวงซึ่งไม่แจ้งก็จะครหานินทาเรา ว่าเป็นคนโลภเห็นแก่ทรัพย์สิ่งสิน
บิต๊กจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ทุกวันนี้เกิดจลาจลต่างๆ เมืองเตียงฮันจวนจะสูญอยู่แล้ว ซึ่งใครมีสติปัญญาจงเร่งคิดตั้งตัวครั้งนี้เถิด แลโตเกี๋ยมยกเมืองให้ท่านเป็นไฉนท่านจึงบิดพลิ้วอยู่ แลเมืองชีจิ๋วนี้เมืองขึ้นก็มีเป็นอันมาก ถ้าจะประมาณผู้ซึ่งมีทรัพย์สิ่งสินนั้นก็ได้ถึงร้อยหมื่นเศษ จงรับเอาเถิดจะได้คิดการสืบไป เล่าปี่จึงว่าท่านอย่าว่าเลยเราไม่รับ
ตันเต๋งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า โตเกี๋ยมนั้นเป็นคนชราโรคก็มี ท่านจงเอ็นดูแก่ราษฎรทั้งปวง รับเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วเถิด เล่าปี่จึงตอบว่า อ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋วนั้น เป็นเชื้อขุนนางมาถึงสี่ชั่วคนแล้ว แล้วก็มีเมืองขึ้นเป็นอันมาก เป็นไฉนท่านมิมอบเมืองให้
ขงหยงจึงตอบว่า อ้วนเสี้ยวนั้นอุปมาดังศพอยู่ในหลุมนับวันก็จะเปื่อยโทรมไป ทั้งสติปัญญาก็ไม่มี จะนับถือให้เป็นผู้ใหญ่สืบไปนั้นไม่ได้ แลบุญมาถึงแล้วท่านจะมิรับไว้ภายหน้าไปท่านก็จะได้คิด เล่าปี่ก็มิยอม โตเกี๋ยมได้ยินดังนั้นก็ร้องไห้ว่า ท่านมิรับเป็นเจ้าเมืองนี้เหมือนหนึ่งท่านหาเมตตาข้าพเจ้าไม่ เมื่อข้าพเจ้าจะตายนั้นเห็นจะไม่ปกติมีกังวลอยู่
กวนอู เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า โตเกี๋ยมมอบเมืองให้ท่านโดยสุจริตจนทุกข์ร้อนถึงเพียงนี้ เป็นไฉนท่านจึงมิรับ เล่าปี่ก็มิได้รับ โตเกี๋ยมจึงว่าท่านมิยอมเป็นเจ้าเมืองนี้แล้ว จงเอ็นดูข้าพเจ้าไปอยู่รักษาเมืองเสียพ่าย เมืองนั้นก็ขึ้นแก่เมืองชีจิ๋ว ถ้าข้าพเจ้ามีทุกข์ร้อนสิ่งใดจะได้อาศัยท่าน แลคนทั้งปวงนั้นก็ช่วยกันว่ากล่าวอ้อนวอนให้เล่าปี่รับไปอยู่เมืองเสียวพ่ายตามคำโตเกี๋ยมว่าเถิดเล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็รับเอา โตเกี๋ยมมีความยินดีนักจึงเอาเงินทองเสื้อผ้ามาแจกทหารเล่าปี่ ขงหยง เต๊งไก๋เป็นอันมาก
ในขณะนั้นจูล่งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านมาช่วยการโตเกี๋ยมก็เสร็จแล้วข้าพเจ้าจะขอลาไปหากองซุนจ้าน เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็ยุดมือจูล่งไว้ แล้วก็ร้องไห้สั่งความกันเป็นอันมาก แล้วจูล่งก็ลาเล่าปี่ยกทหารสองพันกลับไปยังเมืองปักเป๋ง
แลขงหยง เต๊งไก่ก็ลาเล่าปี่ โตเกี๋ยมกลับไปเมือง โตเกี๋ยมจึงแต่งหนังสือแล้วให้หารไปส่งเล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่าย ราษฎรทั้งปวงก็มีใจรักเล่าปี่เป็นอันมาก
ฝ่ายโจโฉมาถึงกลางทางพบโจหยิน โจหยินจึงบอกว่า ลิโป้ซึ่งเป็นนายทัพยกมานั้นรูปร่างโตใหญ่มีกำลังกล้าหาญ ได้ตันก๋งมาเป็นที่ปรึกษา ครั้นตีได้เมืองกุนจิ๋วแล้วยกล่วงตีเมืองรายทางได้ถึงเมืองปักเอี้ยง แลเทียหยก ซุนฮกนั้นรักษาเมืองไว้ได้สามเมือง โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ลิโป้นั้นมีฝีมือกล้าหาญก็จริงแต่หาความคิดมิได้ ท่านอย่าเป็นทุกข์เลย จึงให้ยกทหารรีบไปถึงเมืองเต๊งกวนแล้วให้หยุดตั้งค่ายมั่นไว้
ฝ่ายลิโป้ครั้นรู้กิตติศัพท์ว่า โจโฉยกมาตั้งค่ายอยู่ ณ เมืองเต๊งกวนจึงให้ลิฮองกับซิหลันคุมทหารหมื่นหนึ่งไปอยู่รักษาเมืองกุนจิ๋ว
ตันก๋งได้ยินดังนั้นจึงถามว่า เมืองกุนจิ๋วนั้นเป็นสำคัญ ท่านจะให้ลิฮองซิหลันไปอยู่รักษานั้นตัวท่านจะไปข้างไหน ลิโป้จึงตอบว่า เราจะยกไปตั้งรับทัพโจโฉที่เมืองปักเอี้ยง จะได้ป้องกันเมืองไว้ให้กว้างขวาง ตันก๋งจึงว่าท่านจะไว้ใจให้ลิฮองซิหลันอยู่รักษาเมืองกุนจิ๋วนั้น ข้าพเจ้าเห็นจะเสียแก่โจโฉฝ่ายเดียว แลเขาไทสันนั้นอยู่ข้างทิศใต้เมืองกุนจิ๋วทางใกล้กันประมาณแปดร้อยเส้น มีที่จำเพาะเดินตามซอกเขาแต่เป็นทางลัดเร็ว เห็นโจโฉจะรีบยกมาทางนั้น ขอให้ท่านแต่งทหารหมื่นหนึ่ง ไปซุ่มอยู่สองข้างทางซอกเขา ถ้ากองทัพหน้าโจโฉยกมาก็ให้สงบไว้ ต่อโจโฉมาถึงจึงให้รบกระหนาบ กองหน้าจะกลับไปช่วยทัพหลวงมิทันที เห็นจะจับโจโฉได้โดยง่าย
ลิโป้ได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า ซึ่งเราจะตั้งรับโจโฉอยู่ ณ เมืองปักเอี้ยงนั้นความคิดของเราเห็นว่า จะแก้ไขรบพุ่งได้เป็นหลายฝ่าย ซึ่งจะแต่งทหารไปซุ่มอยู่นั้นเห็นจะป่วยการเปล่า แล้วลิโป้จึงให้ลิฮองกับซิหลันคุมทหารไปรักษาเมืองกุนจิ๋ว ลิโป้จึงจัดแจงทหารตั้งรับอยู่ ณ เมืองปักเอี้ยง
ฝ่ายโจโฉรู้ข่าวดังนั้นก็ยกทหารรีบมาถึงเขาไทสัน กุยแกจึงห้ามโจโฉว่า ที่เขาไทสันนี้มีทางจำเพาะเดิน เกลือกลิโป้จะแต่งทหารมาซุ่มอยู่ ขอให้ท่านหยุดทัพไว้ก่อน แล้วแต่งม้าใช้ให้ไปสอดแนมดูจึงจะได้คิดการสืบไป โจโฉได้ยินดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ลิโป้นั้นเป็นคนหาความคิดมิได้ ซึ่งจะได้ให้ทหารมาซุ่มอยู่นั้นเห็นเหลือความคิดลิโป้ บัดนี้ลิโป้ให้ลิฮองกับซิหลันคุมทหารไปรักษาเมืองกุนจิ๋ว ตัวนั้นตั้งรับอยู่ ณ เมืองปักเอี้ยง แล้วโจโฉให้โจหยินคุมทหารเป็นอันมากยกไปล้อมเมืองกุนจิ๋วไว้ โจโฉก็ยกทหารไปจากเขาไทสัน
ฝ่ายตันก๋งรู้ดังนั้นจึงว่าแก่ลิโป้ว่าโจโฉรีบยกมาด้วยกำลังโกรธ เห็นทหารทั้งปวงจะอิดโรย ขอท่านเร่งยกหารออกรบเห็นจะมีชัยชนะแก่โจโฉเป็นมั่นคง ถ้าละไว้ช้าทหารจะมีกำลังขึ้นจะเอาชัยชนะยาก ลิโป้จึงตอบว่าเดิมเราตั้งตัวมาก็แต่ตัวผู้เดียวกับม้า คิดทำการเที่ยวรบพุ่งมาจนได้ทหารมากขึ้นถึงเพียงนี้แล้ว เราจะคิดย่อท้อโจโฉนั้นหามิได้ ให้โจโฉตั้งค่ายมั่นลงแล้ว เราจะหักเอาให้ได้
ฝ่ายโจโฉครั้นยกมาถึง ณ เมืองปักเอี้ยงก็ให้ตั้งค่ายมั่นลงไว้ ครั้นเวลารุ่งเช้าจึงยกทหารออกไปตั้งอยู่นอกค่าย โจโฉจึงขับม้าขึ้นไปยืนอยู่หน้าทหาร เห็นลิโป้กับทหารเอกแปดนายยืนอยู่สองฝ่ายซ้ายขวา ชื่อเตียวเลี้ยวหนึ่ง จงป้าหนึ่ง หลันเป้งหนึ่ง โกซุ่นหนึ่ง เซ้งเหลียมหนึ่ง งุยซกหนึ่ง ซงเหียนเหนึ่ง โฮเสงหนึ่ง กับทหารเลวเป็นอันมาก โห่ร้องอื้ออึงมา โจโฉจึงเอาแส้ม้าชี้หน้าลิโป้แล้วว่าตัวกับเราจะได้มีความผิดกันสิ่งใดหามิได้ เป็นไฉนนตัวจึงยกทหารมาตีเอาเมืองของเรา
ลิโป้จึงตอบว่าเมืองเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เหมือนหนึ่งของคนทั้งปวงซึ่งอยู่ในแผ่นดิน ถ้าผู้ใดมีบุญแลเข้มแข็งก็จะครอบครองเมืองได้เหมือนกัน เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองทั้งนี้เป็นของท่าน หามีความละอายไม่ แล้วลิโป้จึงให้จงป้าออกไปจับเอาตัวโจโฉ โจโฉจึงให้งักจิ้นขับม้าออกรบด้วยจงป้า จงป้ากับงักจิ้นรบกันได้สามสิบเพลง แฮหัวตุ้นจึงขับม้าออกไปช่วยงักจิ้น เตียวเสี้ยวเห็นดังนั้นก็ออกมารบด้วยแฮหัวตุ้น แลทหารสี่นายรบกันเป็นสามารถก็มิได้แพ้ชนะกัน ลิโป้เห็นดังนั้นก็โกรธจึงขับม้ารำทวนออกไปรบกับแฮหัวตุ้น งักจิ้นแลแฮหัวตุ้น งักจิ้นสู้ลิโป้มิได้ก็ขับม้าหนี ลิโป้นั้นขับม้าไล่ฟันเข้าไป ทหารโจโฉก็แตกพ่ายไป ลิโป้ก็ขับม้ากลับมา โจโฉเสียทีแก่ลิโป้ก็คุมทหารกลับเข้าค่ายแล้วปรึกษากับทหารทั้งปวงว่า ลิโป้มีกำลังกล้าหาญ ผู้ใดจะคิดรบพุ่งด้วยลิโป้ได้ อิกิ๋มจึงว่าข้าพเจ้าขึ้นไปดูบนเขา เห็นค่ายลิโป้ฝ่ายทิศตะวันตกนั้นผู้คนเบาบาง แลลิโป้รบชนะเข้าไปครั้งนี้เห็นจะมีใจกำเริบ ทหารก็จะประมาทมิได้รักษาค่าย เวลากลางคืนวันนี้ขอให้ยกทหารเข้าปล้นเอาค่ายลิโป้เห็นจะได้โดยง่ายโจโฉเห็นชอบด้วย จึงเกณฑ์โจหองหนึ่ง ลิเตียนหนึ่ง ลิยอยหนึ่ง อิกิ๋มหนึ่ง เตียนอุยหนึ่ง กับทหารเลวประมาณสองหมื่นเตรียมไว้ ฝ่ายลิโป้เมื่อกลับมาถึงค่าย จึงให้เลี้ยงดูแล้วปูนบำเหน็จทหารทั้งปวงตามสมควร
ตันก๋งจึงว่า ซึ่งโจโฉแตกไปเห็นจะมีความคิดกลับมาทำการ ข้าพเจ้าเห็นว่าค่ายตะวันตกนั้นผู้คนเบาบาง ขอให้เกณฑ์ทหารเติมไปรักษาไว้ให้มั่นคง ลิโป้จึงตอบว่า โจโฉแตกไปเพราะเสียทีแก่เรา เห็นจะไม่คิดกลับมาทำการปล้นค่าย ตันก๋งจึงว่าท่านอย่าไว้ใจ อันโจโฉนั้นมีสติปัญญาชำนาญในการสงคราม ข้าพเจ้าเห็นว่าจะยกกลับมาปล้นค่ายเป็นมั่นคง ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงให้โกซุ่นหนึ่ง งุยซกหนึ่ง โฮเสงหนึ่ง คุมทหารเป็นอันมาก ไปรักษาค่ายฝ่ายตะวันตกไว้ให้มั่นคง
ครั้นเวลากลางคืนประมาณสองยามเศษ โจโฉจึงคุมทหารซึ่งจัดไว้นั้นยกอ้อมทางไปข้างทิศใต้ ครั้นถึงค่ายซึ่งตั้งอยู่นั้น ก็ให้เข้าล้อมรอบไว้ แล้วโห่เข้าปล้นหักเอาค่ายนั้นได้ ทหารซึ่งอยู่ในนั้นก็แตกตื่นหนีออกไปได้ งุยซกหนึ่ง โฮเสงหนึ่ง แลโกซุ่นหนึ่ง ซึ่งลิโป้ให้คุมทหารไปอยู่รักษาค่ายนั้น ครั้นมาใกล้ค่ายเวลาสามยามเศษ เห็นทหารโจโฉปล้นเอาค่ายได้ ก็คิดกลัวลิโป้ จึงคุมทหารออกรบจะเอาค่ายคืน โจโฉเห็นดังนั้นจึงคุมทหารออกรบนอกค่าย เสียงทหารทั้งสองฝ่ายโห่ร้องอื้ออึงจนเวลารุ่งขึ้น
ฝ่ายลิโป้รู้จึงคุมทหารรีบมาค่ายทิศใต้ ม้าใช้เห็นจึงบอกแก่โจโฉว่า ทัพลิโป้ยกทหารมาใกล้จะถึงอยู่แล้ว โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงยกทหารบ่ายหน้าจะหนีกลับไป โกซุ่น งุยซก โฮเสง เห็นโจโฉยกบ่ายหนีก็คุมทหารรบตามหลังมา พอพบทัพลิโป้ที่ปากทาง จึงให้อิกิ๋มกับงักจิ้นเข้ารบด้วยลิโป้เป็นสามารถ อิกิ๋ม งักจิ้นกำลังน้อยเห็นจะสู้ลิโป้มิได้ ก็ชักม้ากลับมาพาโจโฉหนีไปข้างทิศเหนือ ลิโป้กับทหารทั้งปวงไล่ฆ่าฟันทหารโจโฉล้มตายเป็นอันมาก แลโจโฉกับอิกิ๋ม งักจิ้นคุมทหารหนีมาถึงเขาแห่งหนึ่ง พอพบเตียวเลี้ยงกับจงป้าคุมทหารเป็นสองกองตั้งรบกระหนาบไว้ โจโฉจึงให้โจหองกับลิยอยเข้ารบด้วยเตียวเลี้ยว จงป้าเป็นสามารถ โจหอง ลิยอยสู้มิได้ก็ชักม้ากลับมา พาโจโฉกับทหารหนีวกหลังไปทางทิศใต้ พอพบหลันเป้ง โฮเสง เซ้งเหลียม ซงเหียน สี่คนคุมทหารเป็นสองกอง ตั้งรบกระหนาบไว้
ฝ่ายทหารโจโฉก็ชวนกันเข้ารบพุ่งหักหาญป้องกันอยู่ แลโจโฉนั้นจวนตัวนักก็ขับม้ากับทหารห้าคน รบฝ่าหนีไปถึงเนินเขา ได้ยินเสียงประทัดแล้วเห็นทหารยิงเกาทัณฑ์ลงมาดังห่าฝน โจโฉชักม้าจะกลับมา ทหารทั้งปวงเข้าล้อมรอบสกัดไว้ โจโฉตกใจจึงร้องว่า ผู้ใดมีกำลังจงช่วยชีวิตเราครั้งนี้
เตียนอุยได้ยินโจโฉร้องดังนั้น จึงว่าข้าพเจ้ากำลังตามมาท่านอย่าทุกข์เลยแล้วเตียนอุยก็ลงจากม้า จึงเอาทวนสองเล่มหนีบรักแร้ไว้ แล้วชักเอาหอกซัดถือไว้ประมาณสิบห้าเล่ม จึงสั่งทหารห้าคนซึ่งมาด้วยกันว่า ถ้าเห็นพวกศัตรูตามมาใกล้ประมาณห้าวาก็ให้บอกเราด้วย แล้วก็นำหน้าม้าโจโฉฝ่าเกาทัณฑ์เข้าไปแลทหารลิโป้ตามรบมาประมาณยี่สิบคน พวกโจโฉจึงร้องบอกแก่เตียนอุยว่า ศัตรูตามมาใกล้ได้ห้าวาแล้ว เตียนอุยได้ยินก็หยุดอยู่ แล้วเอาหอกซัดพุ่งไปเล่มไรก็ถูกทหารตกม้าตายเล่มนั้น จนสิ้นหอกซัดที่มือ ทหารซึ่งตามมาเหลือกลับไปแต่สี่คนห้าคน แล้วเตียนอุยก็ขึ้นม้าพาโจโฉรีบหนีจะกลับไปค่าย
ครั้นมาถึงกลางทางพอเวลาเย็น ได้ยินทหารโห่ร้องตามมาเป็นอันมาก โจโฉจึงเหลียวหลังไป เห็นลิโป้ขับม้ามาหน้าทหารทั้งปวง โจโฉก็ตกใจ แลทหารซึ่งตามมาห้าคนนั้นหิวโหยหากำลังมิได้ ม้านั้นก็สิ้นแรง ต่างคนก็ต่างหนีเอาตัวรอด แต่เตียนอุยนั้นตามโจโฉไป พอเห็นแฮหัวตุ้นคุมทหารลัดทางออกมาข้างหลังโจโฉ แฮหัวตุ้นเข้ารบสกัดหน้าลิโป้ไว้จนเวลาพลบค่ำ พอฝนตกห่าใหญ่ลิโป้ก็ยกทหารกลับไป
ฝ่ายโจโฉก็พาแฮหัวตุ้นกับเตียนอุยกลับมา ณ ค่าย แล้วเอาเงินทองปูนบำเหน็จให้แก่เตียนอุยเป็นอันมาก
ครั้นเวลารุ่งเช้าตันก๋งจึงว่าแก่ลิโป้ว่า เจ้าเมืองปักเอี้ยงนั้นหนีไป แลในเมืองนั้นมีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อเตียนซี มีใจสัตย์ซื่อเป็นที่นับถือแก่ชาวเมืองทั้งปวง ถ้าเตียนซีจะว่าประการใดชาวเมืองก็ทำตาม ขอให้หาเตียนซีออกมาว่ากล่าวให้มีหนังสือไปถึงโจโฉว่า ท่านมีชัยแก่โจโฉแล้ว บัดนี้ให้โกซุ่นอยู่รักษาเมืองปักเอี้ยงท่านยกทหารไปตีเอาเมืองลิหยง ให้โจโฉยกทหารเข้าปล้นเอาเมืองปักเอี้ยง เตียนซีจะคุมชาวเมืองรบกระหนาบ เราจึงลอบยกทหารเข้าไปอยู่ในเมืองปักเอี้ยงแล้วจะเอาฟืนมากองตรงประตูทั้งสี่ด้าน ถ้าโจโฉเข้ามาแล้วเราจึงจุดเพลิงเผาเมืองแลกองฟืนทั้งสี่ประตูขึ้น ถึงโจโฉจะมีความคิดแก้ไขประการใดก็เห็นจะไม่พ้นมือเรา ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงให้หาเตียนซีออกมา แล้วพูดจาปลอบโยนเอาใจตามตันก๋งว่า เตียนซีก็ยอมทำตาม ลิโป้กับเตียนซีก็พากันกลับเข้าไปในเมือง แล้วแต่งหนังสือให้คนสนิทถือไปให้โจโฉ ณ ค่าย
โจโฉรับเอาหนังสือมาอ่านดู ในหนังสือนั้นว่า ข้าพเจ้าเตียนซีคำนับมาถึงโจโฉ ซึ่งลิโป้เป็นคนหยาบช้ายกทหารมาตีเมืองปักเอี้ยงทำอันตรายแก่ราษฎรชาวเมืองให้ได้ความเดือดร้อนนั้น บัดนี้ลิโป้มีความกำเริบยกทหารไปตีเมืองลิหยงโกซุ่น โฮเสงอยู่รักษาเมือง ขอให้ท่านยกทหารเข้าไปปล้น ข้าพเจ้าจะปักธงขาวไว้เป็นสำคัญ แล้วจะคุมชาวเมืองตีกระหนาบ เห็นจะได้เมืองคืนโดยง่าย ครั้นแจ้งในหนังสือดังนั้น โจโฉมีความยินดีหาสงสัยมิได้ จึงเอาเสื้อผ้าให้แก่ผู้ถือหนังสือมาเป็นบำเหน็จ แล้วให้ไปบอกแก่เตียนซีว่าเราจะทำตาม โจโฉจึงว่าเราเสียทหารครั้งนี้ก็จนความคิดอยู่แล้ว แลเตียนซีให้หนังสือมาว่าแก่เราดังนี้ อุปมาเหมือนจักษุมืดมีผู้มาช่วยนำทางให้ แล้วก็ให้จัดแจงทหารเตรียมไว้
เล่าหัวจึงว่าลิโป้นั้นหาความคิดมิได้ก็จริง แต่ได้เป็นแม่ทัพใหญ่มีที่ปรึกษาเป็นอันมาก ทั้งตันก๋งก็มีสติปัญญา ซึ่งท่านจะเชื่อเตียนซีจะยกทหารไปทำการนั้นก็ตามเถิด แต่ให้มีดำริยกเป็นสามกองให้ตั้งกระหนาบไว้นอกเมืองสองกอง กองหนึ่งให้ยกเข้าไปทำการ ฟังดูดีแลร้ายในเมืองก่อน ถ้าเห็นไม่จริงต่อท่านจึงให้ถอยทหารกองนั้นออกมา โจโฉเห็นชอบด้วย จึงจัดทหารออกเป็นสามกอง แล้วยกไปถึงเมืองปักเอี้ยง เห็นธงขาวปักอยู่ฝ่ายประตูตะวันตกเป็นสำคัญตามคำเตียนซีว่า
ครั้นเวลาเที่ยวคืนโฮเสงคุมทหารเป็นกองหน้า โกซุ่นเป็นกองหลังเปิดประตูด้านตะวันออก ออกมารบด้วยโจโฉ โจโฉจึงให้เตียนอุยออกมารบด้วยโฮเสงเป็นสามารถ โฮเสงแตกไป ทัพโกซุ่นก็พากันถอยกลับเข้าเมือง เตียนอุยขับม้าไล่ตามไปถึงเชิงกำแพง พอคนใช้เตียนซีถือหนังสืออกมาข้างประตูทิศตะวันตก เอาหนังสือส่งให้โจโฉ โจโฉอ่านดูเป็นใจความว่าเวลากลางคืนวันนี้ ข้าพเจ้าเตียนซีจะเปิดประตูทิศตะวันตกออกรับ ถ้าได้ยินเสียงม้าล่อแล้วก็ให้เร่งยกทหารตีเข้าไปเถิด
โจโฉมีความยินดี จึงสั่งให้แฮหัวตุ้นคุมทหารป้องกันฝ่ายซ้าย ให้โจหองคุมทหารเป็นฝ่ายขวา โจโฉกับแฮหัวเอี๋ยน ลิเตียน งักจิ้น เตียนอุยคุมทหารเป็นกองกลาง ครั้นเวลากลางคืนเป็นเดือนมืด ได้ยินเสียงม้าล่อเห็นประตูฝ่ายตะวันตกเปิด โจโฉจะให้ยกทหารเข้าไป ลิเตียนจึงห้ามโจโฉว่า ตัวท่านเป็นแม่ทัพจะด่วนยกเข้าไปนั้นไม่ควร ข้าพเจ้าจะขออาสาเข้าไปก่อน ถ้าเห็นสุจริตต่อท่านแล้วจึงค่อยยกเข้าไป โจโฉจึงตอบว่าซึ่งเรามิได้ไปด้วยนั้นเห็นว่าทหารทั้งปวงจะมิพร้อมใจกันทำการ แล้วโจโฉก็ขี่ม้ารีบขับไปหน้าทหารทั้งปวงถึงกลางเมืองมิได้เห็นผู้คนเดินไปมา โจโฉก็คิดสะดุ้งใจเห็นจะเป็นกลอุบาย จึงร้องสั่งทหารทั้งปวงให้รีบกลับออกจากเมือง พอได้ยินเสียงประทัดแลม้าล่อทหารโห่อื้ออึงเป็นอันมาก เห็นแสงเพลิงโพลงขึ้นทั้งสี่ทิศ ติดลามไหม้เรือนราษฎรทั้งเมือง
ฝ่ายจงป้าขับม้าไล่ทหารโจโฉมาข้างทิศตะวันออก เตียวเลี้ยวนั้นขับม้าไล่ทหารโจโฉกระหนาบมาข้างทิศตะวันตก โจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงขับม้าหนีไปจะออกประตูทิศเหนือ พบหลันเป้ง โฮเสงขับม้าคุมทหารต้านหน้าไว้ โจโฉก็กลับม้าหนีไปจะออกประตูทิศใต้ พบโกซุ่น โฮเสงรบสกัดไว้ เตียนอุยตามโจโฉไปเห็นดังนั้น ก็ขับม้ารบฟันฝ่าทหารโกซุ่น โฮเสงออกไปนองเมืองได้ ครั้นเหลียงหลังมาไม่เห็นโจโฉ เตียนอุยก็ตกใจ จึงรื้อกลับเข้าไปถึงประตูเมือง พอพบลิเตียนจึงถามว่าท่านพบโจโฉบ้างหรือไม่ ลิเตียนบอกว่าเราก็เที่ยวหาไม่รู้ว่าไปแห่งใด เตียนอุยจึงว่าท่านรีบกลับออกไปซ่องสุมทหารของเราซึ่งหนีออกไปได้นั้นอย่าให้แตกตื่นไป เราจะกลับเข้าไปเที่ยวหาโจโฉ แล้วเตียนอุยรื้อรบฝ่าทหารลิโป้เข้าไปเที่ยวหาโจโฉในเมือง ครั้นไม่พบก็ฝ่าทหารออกมาถึงคูเมืองพบงักจิ้น งักจิ้นถามเตียนอุยว่าพบโจโฉหรือไม่ เตียนอุยบอกว่าเราเที่ยวหาถึงสองกลับสามกลับก็มิได้พบ งักจิ้นจึงชวนเตียนอุยกลับเข้าไปถึงประตูเมือง ทหารลิโป้ซึ่งอยู่บนเชิงเทินจึงเอาเพลิงพะเนียงจุดชนวนโยนลงมา งักจิ้นตกใจขับม้าถอยออกมา แต่เตียนอุยนั้นขับม้าฝ่าเพลิงพะเนียงเข้าไปได้ เที่ยวหาโจโฉอยู่ในเมือง
ฝ่ายโจโฉเมื่อพลัดกับเตียนอุยนั้นขับม้าฝ่าเพลิงหนีไปทางประตูทิศเหนือพอพบลิโป้ถือทวนขับม้ามา โจโฉกลัวจึงเอามือขวาขึ้นบังหน้าไว้ มือซ้ายขับม้าฝ่าเลี่ยงเข้าไปถึงหน้าลิโป้ ลิโป้ไม่ทันสังเกตคิดว่าทหารของตัว ก็เอาทวนเคาะศีรษะลงแล้วจึงถามว่าเห็นโจโฉไปข้างไหน โจโฉได้ยินดังนั้นจึงเบือนหน้าเสียแล้วเอามือชี้บอกว่า โจโฉขี่ม้าเหลืองหนีไปข้างโน้น ลิโป้มิได้สงสัยคิดว่าจริงก็ขับม้ากลับไปข้างหลัง โจโฉก็รีบขับม้าจะหนีออกไปทางประตูตะวันออก พอพบเตียนอุย เตียนอุยมีใจยินดีจึงพาโจโฉรบฝ่าทหารออกไปถึงประตูเมือง เห็นกองฟืนซึ่งเพลิงไหม้นั้นขวางทางอยู่ แลประตูหอรบก็ไหม้ด้วย เตียนอุยจึงเอาทวนเขี่ยเพลิงซึ่งไหม้กองฟืนให้พ้นทาง เตียนอุยก็นำออกไปถึงประตูเมือง แต่โจโฉนั้นออกมาพอถึงตรงประตูพอเพลิงไหม้ขื่อหอรบพลัดลงมา ถูกท้ายม้าซึ่งโจโฉขี่ล้มลงกับกองเพลิงตาย แต่โจโฉนั้นดิ้นออกจากกองเพลิงได้แต่เสื้อแลผมกับหนวดนั้นไหม้ โจโฉฉีกเสื้อทิ้งเสียแล้วเอามือซ้ายขวาลูบดับเพลิงซึ่งไหม้หนวดแลผมนั้นดับแล้ว ก็ออกจากประตูเมืองได้ เตียนอุยเหลียวหลังมาเห็นดังนั้นก็โจนลงจากหลังม้า พอแฮหัวเอี๋ยนมาทันก็ช่วยกันเข้าประคองโจโฉให้ขึ้นม้าแฮหัวเอี๋ยน
ฝ่ายทหารลิโป้ตามออกมาเป็นอันมาก เตียนอุยกับแฮหัวเอี๋ยนก็รบป้องกันไปถึงค่าย พอรุ่งขึ้นแลเห็นทหารใหญ่น้อยแตกหนีมาได้ ก็ชวนกันมาเยียนโจโฉ โจโฉหัวเราะแล้วว่า ครั้งนี้เราเสียรู้จึงเสียทหารเป็นอันมาก ตัวเรายังไม่ตายก็จะคิดแก้แค้นลิโป้ให้จงได้ กุยแกจึงว่าถ้าท่านจะคิดแก้แค้นลิโป้ก็เร่งคิดให้ทันที โจโฉจึงว่าซึ่งท่านเตือนเราทั้งนี้ก็สมควร แลเขาม้าเล้งนั้นเป็นทางจำเพาะเดิน เราจะยกทหารไปซุ่มอยู่ข้างซอกเขา แล้วจะให้ทหารทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้นนุ่งขาวห่มขาว ทำเป็นร้องไห้รักเราว่าเพลิงไหม้ลำบากมาถึงค่ายจึงตาย กิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ถึงลิโป้ ลิโป้ก็จะกำเริบยกทหารมาตีค่ายเราทางเขาม้าเล้ง เราจะนิ่งสงบไว้ เห็นทัพหน้าล่วงขึ้นมาถึงปากทาง เราจึงจะยกทหารออกตีตัดกองทัพลิโป้ ก็เห็นจะจับตัวลิโป้ได้โดยสะดวก กุยแกจึงว่าซึ่งท่านคิดทั้งนี้ดีหาผู้เสมอมิได้ โจโฉจึงสั่งแก่ทหารทั้งปวงให้นุ่งขาวห่มขาวแล้วทำร้องไห้รักเราว่าเพลิงไหม้ลำบากมา ถึงค่ายอยู่เวลาค่ำจึงตาย ให้กิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ไปถึงทหารลิโป้จงได้ ทหารทั้งปวงก็ทำตามโจโฉจึงจัดแจงทหารแล้วยกไปตั้งวซุ่มอยู่ ณ เขาม้าเล้ง
ฝ่ายทหารลิโป้รู้กิตติศัพท์ว่าโจโฉตายจึงเอาเนื้อความบอกแก่ลิโป้ ลิโป้ได้ฟังดังนั้นหมายใจว่าจริง จึงว่าครั้งนี้จะสมความคิดเราแล้ว เราจะยกไปตีทหารโจโฉไว้เป็นกำลัง แล้วก็จัดแจงทหารทั้งปวงยกไปถึงเขาม้าเล้ง ทหารกองหน้านั้นยกล่วงออกไปถึงปากทางจะใกล้ถึงค่ายโจโฉ แลโจโฉนั้นเห็นได้ที จึงให้จุดประทัดสัญญาณขึ้น จึงยกทหารเข้าตีตัดกลางทัพลิโป้แล้วให้ทหารล้อมไว้ลิโป้นั้นรบพุ่งต้านทานเป็นสามารถเสียทหารเป็นอันมาก จึงพาทหารที่เหลือนั้นรบฝ่ากลับหลังมาเมืองปักเอี้ยง แล้วเกณฑ์ทหารทั้งปวงขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้มั่นคง ฝ่ายโจโฉก็ยกทหารกลับไปค่าย
ขณะนั้นฝ่ายหัวเมืองตะวันออกบังเกิดหนอนเป็นอันมาก บ่อนข้าวในนาแลยุ้งฉางเสียทั่วทั้งแผ่นดิน ข้าวเป็นราคาถังละห้าเหรียญ บรรดาคนทั้งนั้นอดอยากล้มตาย บ้างก็ฆ่าฟันกันเอาเนื้อมากิน แลทหารในกองทัพโจโฉนั้นก็อดข้าวปลาอาหาร โจโฉจึงยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเอียนเสีย ลิโป้เห็นดังนั้นก็เกณฑ์ทหารออกไปรักษาด่านเขตเมืองปักเอี้ยงไว้ทุกตำบล
Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)
ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ
3kingdoms หรือว่า สามก๊ก
ตอบลบอ่านกันแบบออนไลน์ได้แล้ววันนี้
ที่ thepoetry4u.blogspot.com
thepoetry4u.blogspot.com
ตอบลบสามก๊ก
ตอบลบอ่านก๊ก 3 จบใครว่าคบไม่ได้.... เรื่องนี้มันอยู่ที่สันดานคนมากกว่า ถ้าคนสันดานหมา ไม่อ่านสามก๊กจนครบ 3 จบก็ครบไม่ได้ว่ะ....
ตอบลบ