ตอนที่ ๑๐
ฝ่ายโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นอายุหกสิบสามปีป่วยหนักอยู่ จึงหาบิต๊กกับตันเต๋งมาปรึกว่าตัวเราชราแล้วก็ป่วยหนักอยู่ ถ้ามีศึกมาเห็นจะขัดสน บิต๊กจึงว่า ซึ่งท่านคิดทั้งนี้ก็ควรอยู่ ข้าพเจ้าแจ้งว่าทัพโจโฉซึ่งเลิกไปนั้นเพราะเหตุว่าเป็นหลังด้วยทัพลิโป้ยกมาตีเมืองกุนจิ๋ว แลโจโฉกับลิโป้ตั้งรบกันอยู่ พอเกิดข้าวแพง โจโฉเลิกทัพไปตั้งอยู่ ณ เมืองเอียนเสีย ถ้าเข้าปีใหม่ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ขึ้นเห็นโจโฉจะยกมาทำศึก แม้มีชัยชนะลิโป้แล้วก็จะยกมารงเมืองเราเป็นมั่นคง ขอท่านให้เชิญเล่าปี่มาว่ากล่าวอ่อนน้อมมอบเมืองให้ ครั้งนี้เห็นเล่าปี่จะรับครองเมือง ราษฎรทั้งปวงก็จะมีความยินดีด้วย โตเกี๋ยมเห็นชอบด้วยจึงให้คนใช้ไปเชิญเล่าปี่ซึ่งอยู่ ณ เมืองเสียพ่ายมา เล่าปี่แจ้งดังนั้นก็พากวนอู เตียวหุยมาหาโตเกี๋ยม โตเกี๋ยมจึงให้เชิญเล่าปี่เข้าไปถึงที่ข้างใน แล้วว่าทุกวันนี้ตัวเราก็ชราทั้งโรคก็บังเกิดป่วยหนัก มิรู้ว่าความตายจะมาถึงวันใด แต่วิตกอยู่ว่าเมืองชีจิ๋วหาผู้ใดจะว่าราชการเมืองมิได้ จึงให้เชิญท่านมาหวังจะมอบให้ท่านจงมีใจเมตตาเรารับตราสำหรับที่ไว้ทำนุบำรุงราษฎรชาวเมืองสืบไป ให้เราสิ้นวิตก
ฝ่ายโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นอายุหกสิบสามปีป่วยหนักอยู่ จึงหาบิต๊กกับตันเต๋งมาปรึกว่าตัวเราชราแล้วก็ป่วยหนักอยู่ ถ้ามีศึกมาเห็นจะขัดสน บิต๊กจึงว่า ซึ่งท่านคิดทั้งนี้ก็ควรอยู่ ข้าพเจ้าแจ้งว่าทัพโจโฉซึ่งเลิกไปนั้นเพราะเหตุว่าเป็นหลังด้วยทัพลิโป้ยกมาตีเมืองกุนจิ๋ว แลโจโฉกับลิโป้ตั้งรบกันอยู่ พอเกิดข้าวแพง โจโฉเลิกทัพไปตั้งอยู่ ณ เมืองเอียนเสีย ถ้าเข้าปีใหม่ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ขึ้นเห็นโจโฉจะยกมาทำศึก แม้มีชัยชนะลิโป้แล้วก็จะยกมารงเมืองเราเป็นมั่นคง ขอท่านให้เชิญเล่าปี่มาว่ากล่าวอ่อนน้อมมอบเมืองให้ ครั้งนี้เห็นเล่าปี่จะรับครองเมือง ราษฎรทั้งปวงก็จะมีความยินดีด้วย โตเกี๋ยมเห็นชอบด้วยจึงให้คนใช้ไปเชิญเล่าปี่ซึ่งอยู่ ณ เมืองเสียพ่ายมา เล่าปี่แจ้งดังนั้นก็พากวนอู เตียวหุยมาหาโตเกี๋ยม โตเกี๋ยมจึงให้เชิญเล่าปี่เข้าไปถึงที่ข้างใน แล้วว่าทุกวันนี้ตัวเราก็ชราทั้งโรคก็บังเกิดป่วยหนัก มิรู้ว่าความตายจะมาถึงวันใด แต่วิตกอยู่ว่าเมืองชีจิ๋วหาผู้ใดจะว่าราชการเมืองมิได้ จึงให้เชิญท่านมาหวังจะมอบให้ท่านจงมีใจเมตตาเรารับตราสำหรับที่ไว้ทำนุบำรุงราษฎรชาวเมืองสืบไป ให้เราสิ้นวิตก
เล่าปี่จึงตอบว่า ท่านมีบุตรอยู่ถึงสองคนซึ่งชื่อว่าโตสงผู้พี่ โตเอ๋งผู้น้องนั้น เป็นไฉนท่านจึงมิมอบเมืองให้ โตเกี๋ยมจึงว่าบุตรเราทั้งสองหาสติปัญญามิได้ ถ้าจะมอบเมืองให้ นานไปราษฎรทั้งปวงก็จะได้ความเดือดร้อน เราเห็นแต่ท่านมีใจกว้างขวางอารี จะครองเมืองได้ เราจึงเชิญมาว่ากล่าว ถ้าเราหาชีวิตไม่แล้ว ท่านอย่าให้บุตรเราทั้งสองครองเมืองเลย
เล่าปี่จึงตอบว่าตัวเรากำลังน้อย ซึ่งจะเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วนั้นเห็นจะขัดสน โตเกี๋ยมจึงว่าทหารในเมืองนี้ก็มีเป็นอันมาก แล้วเราจะให้ซุนเขียนชาวเมืองปักไฮซึ่งมีสติปัญญาไว้เป็นที่ปรึกษาด้วย แล้วโตเกี๋ยมจึงว่าแก่บิต๊กว่า ซึ่งเล่าปี่จะเป็นเจ้าเมืองสืบไปนั้น ท่านจงฝากตัวอยู่ทำราชการด้วยเล่าปี่เถิด เล่าปี่ยังมิได้รับคำโตเกี๋ยมประการใด โตเกี๋ยมนั้นโรคกำเริบหนักขึ้นมา เจรจาออกมิได้ เอาแต่นิ้วชี้เข้าที่ตัวแล้วโตเกี๋ยมก็สิ้นใจตาย แลทหารโตเกี๋ยมก็เอาตราสำหรับที่มามอบให้เล่าปี่ เล่าปี่ก็มิรับ ในขณะนั้นชาวเมืองทั้งปวงรู้ ก็พากันมาคำนับเล่าปี่แล้วว่า ซึ่งท่านไม่รับเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วก็เห็นว่าข้าพเจ้าทั้งปวงจะได้ความเดือดร้อนไปภายหน้า
กวนอู เตียวหุยเห็นดังนั้นก็มีใจเอ็นดูแก่ชาวเมือง จึงอ้อนวอนเล่าปี่ว่า ให้ท่านรับตราเป็นเจ้าเมืองเถิด เล่าปี่ได้ฟังกวนอู เตียวหุยว่า มีความเอ็นดูก็รับตราเป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว แล้วตั้งให้ซุนเขียน บิต๊กเป็นที่ปรึกษาซ้ายขวา จึงให้กวนอู เตียวหุยไป ณ เมืองเสียวพ่าย รับเอาทหารเข้ามา ณ เมืองชีจิ๋วนั้นเสีย เล่าปี่กับทหารแลชาวเมืองทั้งปวงนั้นให้นุ่งขาวห่มขาว แล้วแต่งการศพโตเกี๋ยมตามธรรมเนียม แล้วเอาศพไปฝังไว้ตำบลอุยโห เล่าปี่จึงเอาหนังสือซึ่งโตเกี๋ยมแต่งไว้นั้นบอกขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ ในใจความนั้นว่า โตเกี๋ยมแก่ชราแล้ว จึงยกให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋ว พระเจ้าเหี้ยนเต้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ก็มิได้ตรัสประการใด
ฝ่ายโจโฉอยู่ ณ เมืองเอียนเสียรู้ข่าวไปว่า โตเกี๋ยมเจ้าชีจิ๋วนั้นตายแล้วเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมือง โจโฉก็โกรธว่าซึ่งความแค้นของเรายังมิได้แก้แค้นโตเกี๋ยมบัดนี้โตเกี๋ยมตายเสีย แลเล่าปี่นั้นมิได้ทำการศึกเสียทหารแลลูกเกาทัณฑ์แต่ดอกหนึ่ง มาได้เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วโดยง่าย เราจำจะยกไปรบจับเล่าปี่ฆ่าเสีย แล้วจะขุดเอาศพโตเกี๋ยมขึ้นสับให้ละเอียดจึงจะหายความแค้น แล้วให้จัดแจงทหารจะยกไปเมืองชีจิ๋ว ซุนฮกจึงห้ามโจโฉว่า ซึ่งท่านจะยกไปตีเมืองชีจิ๋วนั้น ข้าพเจ้ายังไม่เห็นด้วย ธรรมดาผู้คิดการใหญ่ซึ่งตั้งตัวขึ้นได้นั้นยากนัก ร้อยคนจึงคิดการตลอดได้คนหนึ่ง เหมือนครั้งพระเจ้าฮั่นโกโจ แลพระวงศ์ได้เสวยราชย์ต่อกันมาถึงสอบสองพระองค์ อองมังคิดเป็นขบถ ได้ราชสมบัตถึงสิบแปดปี ฮั่นกองบู๊ผู้เป็นหลานพระมหากษัตริย์ซึ่งเสียสมบัติแก่อองมังนั้นคิดฆ่าอองมังเสีย จึงได้ราชสมบัติต่อกันมาอีกสิบสองพระองค์ จนถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้ แลทุกวันนี้ท่านจะคิดทำการใหญ่จงหาที่มั่นไว้ ให้เหมือนพระมหากษัตริย์แต่ก่อน จึงค่อยคิดการสืบไป ซึ่งท่านจะยกไปเอาเมืองชีจิ๋วโดยง่าย ฝ่ายเมืองเอียนเสียซึ่งให้ทหารไปอยู่รักษานั้น ลิโป้รู้ก็จะยกมาตีชิงเอาเมือง ท่านยกไปข้างโน้นก็จะไม่สมความคิด จะกลับมาข้างนี้ก็จะเสียที ทหารก็จะน้อยลง กว่าจะหาที่ตั้งตัวขึ้นได้ก็ช้านานไป ซึ่งท่านจะทิ้งที่กว้างจะไปหาที่แคบนั้น ขอท่านดำริดูแต่ควร
โจโฉจึงตอบว่า ฝ่ายแดนหัวเมืองตะวันออกก็ขัดสนด้วยอาหาร ซึ่งจะให้ค่อยคิดอ่านการนั้น เราเห็นว่าทหารทั้งปวงจะอดอาหารล้มตายเสียเปล่า
ซุนฮกจึงตอบว่าบัดนี้ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่า โฮงีกับอุยเซียวคุมพวกโจรโพกผ้าเหลืองอยู่ ณ เมืองเอ๊งจิ๋ว เที่ยวทำอันตรายแก่ราษฎร ถ้าท่านจะยกไปตีโจรนั้นแตกก็จะได้เสบียงมาเลี้ยงทหาร ราษฎรทั้งปวงก็จะมีความยินดีจะเข้าเกลี้ยกล่อมบ้าง ถ้าทราบไปถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็จะมีความชอบแก่ท่าน โจโฉเห็นชอบด้วยให้แฮหัวตุ้นกับโจหยินอยู่รักษาเมือง แล้วจัดแจงทหารยกไป ณ เมืองเฮ๊งจิ๋ว
ฝ่ายโฮงี อุยเซียวรู้ดังนั้น ก็คุมพวกโจรไปตั้งรับอยู่ตำบลเขาเองสัน โจโฉจึงออกไปดูพวกกองทัพโจรเห็นที่ตั้งผิดกระบวนศึก จึงให้เตียนอุยออกรบด้วยพวกโจร โฮงีจึงให้ทหารรองออกรบด้วยเตียนอุยได้สามเพลง เตียนอุยเอาทวนแทงทหารโจรนั้นตกม้าตาย โจโฉจึงขับทหารไล่ฆ่าฟันพวกโจรข้ามเข้านั้นไปแล้วตั้งค่ายลงไว้ ครั้นเวลารุ่งอุยเซียวจึงยกทหารออกมาถึงหน้าค่ายโจโฉ
โฮปันทหารโจรนั้นมีกำลังถือกระบองเหล็ก จึงวิ่งออกมาหน้าทหารแล้วร้องประกาศว่า ผู้ใดจะสู้กันก็ให้เร่งออกมา โจหองได้ยินดังนั้นก็รำง้าวเข้าไปสู้ด้วยโฮปันได้ห้าสิบเพลง โจหองก็ทำทีถอยหนี โฮปันก็แกว่งกระบองเหล็กเข้าไปจะตีโจหอง โจหองหลบได้ทีจึงเอาง้าวฟันถูกโฮปันตัวขาดออกสองท่อนตาย
ลิเตียนเห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนไล่ฆ่าฟันพวกโจรเข้าไปจับตัวอุยเซียวได้โจโฉก็คุมทหารตามเข้าไปถึงค่ายโจร พวกโจรนั้นแตกตื่นล้มตายบ้าง ทหารโจโฉก็เก็บเอาทรัพย์สิ่งของไว้เป็นอันมาก
โฮงีนั้นก็พาพวกเพื่อนประมาณสองร้อยเศษ หนีออกจากค่ายไปถึงเชิงเขาแห่งหนึ่ง แลเห็นเคาทูขี่ม้าถือง้าวยืนขวางทางอยู่ โฮงีควบม้าเข้ารบเคาทูได้เพลงหนึ่ง เคาทูจับตัวโฮงีได้ แลพวกโจรประมาณสองร้อยเศษนั้นก็เข้ามาหาเคาทูยอมเป็นทหาร เคาทูก็พาโฮงีแลพวกโจรนั้นเข้าไปอยู่ในถ้ำที่เคยอาศัยอยู่นั้น โจโฉเห็นโฮงีหนีไปดังนั้น ก็ให้เตียนอุยตามไปจับตัว
เตียนอุยคุมทหารขับม้าไปถึงเชิงเขา เห็นเคาทูคุมพวกออกยืนสกัดอยู่ จึงถามว่าท่านเป็นโจรโพกผ้าเหลืองหรือ เคาทูตอบว่าเรามิใช่พวกโจร พวกโจรโพกผ้าเหลืองนั้นเราจับมาไว้ในถ้ำ เตียนอุยจึงว่า ท่านเร่งส่งพวกโจรมาให้เรา เคาทูจึงว่า ท่านเอาศีรษะรับเอาง้าวซึ่งเราถือนี้ได้เราจึงจะส่งพวกโจรให้ เตียนอุยได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำทวนเข้ารบด้วยเคาทูแต่เช้าคุ้งเที่ยงมิได้แพ้ชนะกัน ต่างคนต่างหยุดหายเหนื่อยแล้ว จึงลุกขึ้นชวนเตียนอุยรบอีก แลเตียนอุยกับเคาทูรบกันแต่เที่ยงจนเย็นม้านั้นสิ้นกำลัง เคาทูเหนื่อยก็กลับเข้าไปในถ้ำ เตียนอุยจึงให้ทหารเอาเนื้อความนั้นไปบอกแก่โจโฉ โจโฉรู้ดังนั้นก็ยกทหารมาในเวลากลางคืน
ครั้งรุ่งขึ้นเวลาเช้า เคาทูก็คุมพรรคพวกออกจากถ้ำ โจโฉเห็นรูปร่างเคาทูใหญ่โตสูงประมาณหกศอก สมเป็นทหาร โจโฉคิดจะใคร่ได้ไว้เป็นทหาร จึงสั่งเตียนอุยว่าท่านออกไปรบแล้วทำถอยเข้ามา เตียนอุยก็ออกไปรบด้วยเคาทูได้สามสิบเพลงแล้วทำถอยหนีเข้ามา เคาทูขับม้าไล่ตาม โจโฉเห็นดังนั้นก็ให้ทหารทั้งปวงยิงเกาทัณฑ์ระดมไป เคาทูเห็นจะต้านทานมิได้ก็ขับม้าพาพรรคพวกกลับเข้าไปในถ้ำ
ครั้นเวลากลางคืนโจโฉให้ขุดหลุม เอาบ่วงใส่ปากหลุม แล้วเอาหญ้าเกลี่ยไว้มิให้สังเกต ครั้นรุ่งขึ้นเช้าโจโฉจึงให้เตียนอุยคุมทหารร้อยหนึ่ง เข้าไปร้องท้าทายที่ปากถ้ำ ถ้าเห็นเคาทูออกมาก็ให้รบล่อมาทางหลุมซึ่งขุดไว้ เตียนอุยก็คุมทหารร้อยหนึ่งไปทำตามโจโฉสั่ง เคาทูได้ยินดังนั้นก็คุมพวกออกมา เห็นเตียนอุยจึงร้องว่า อ้ายทหารขี้หนีจะมารบกับกูอีกหรือ แล้วก็ขับม้าเข้ารบด้วยเตียนอุยได้สิบเพลง เตียนอุยทำชักม้าหนีไปข้างหลุมซึ่งขุดไว้ เคาทูมิได้รู้กลอุบายก็ขับม้าไล่เตียนอุยไป ม้านั้นก็ถลำหลุมลงเคาทูตกลงในหลุม บ่วงนั้นติดเท้าอยู่กับพวกคนหนึ่ง ทหารโจโฉชักไว้แล้วเข้ากลุ้มรุมกันจับตัวเคาทูมัดไปให้โจโฉ โจโฉเห็นดังนั้นก็ทำเป็นตกใจ จึงลุกลงไปแก้มัดเคาทูออกเสีย ให้เอาเสื้ออย่างดีมาให้เคาทูใส่ แล้วจูงมือมาให้นั่งจึงถามว่า ท่านนี้ชื่อใดอยู่บ้านเมืองไหน เหตุใดจึงมาอยู่ในถ้ำ
เคาทูจึงตอบว่าข้าพเจ้าชื่อเคาทู ชาวเมืองเจียวก๊ก ครั้งเมื่อเกิดโจรโพกผ้าเหลืองนั้น ข้าพเจ้าคุมครอบครัวสมัครพรรคพวกประมาณห้าร้อยหนีมาซุ่มซ่อนอยู่ในถ้ำนี้ แล้วให้พรรคพวกเก็บเอาก้อนศิลามากองไว้ปากถ้ำเป็นอันมากสำหรับจะได้ต่อสู้พวกโจร ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพวกโจรยกมาตีข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเอาก้อนศิลาทิ้งไปก้อนใด ถูกโจรตายทุกก้อน แลพวกโจรนั้นก็ล้มตายเป็นอันมาก โจรซึ่งเหลือตายนั้นก็ยกหนีไป
ครั้นอยู่มาข้าพเจ้ากับพวกเพื่อนขาดเสบียง มีโจรพวกหนึ่งยกมาเห็นโคข้าพเจ้า จึงเอาเสบียงนั้นมาแลกเอาโคคู่หนึ่งไป ข้าพเจ้าก็ยอมให้ ครั้นโจรพาเอาโคไปทางไกลประมาณห้าสิบเส้น โคนั้นตื่นหนีเข้าในป่า ข้าพเจ้าจึงตามไปแล้วเอามือซ้ายขวาลากหางโคทั้งคู่กลับมาถึงถ้ำ พวกโจรทั้งนั้นเห็นข้าพเจ้ามีกำลังก็มิอาจตามมา
โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงตอบว่า เราได้ยินกิตติศัพท์เล่าลืออยู่ ซึ่งเรามาพบท่านทั้งนี้ก็เป็นบุญของเรา เราจะเลี้ยงท่านไว้เป็นทหาร ท่านจะยอมทำราชการด้วยเราหรือประการใด เคาทูจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้คุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้าจะอยู่ทำราชการด้วยท่านสืบไป แล้วเคาทูจึงให้พวกคนหนึ่งนั้น เข้าไปพาเอาครอบครัวพรรคพวกกับโฮงีแลโจรสองร้อยเศษนั้นออกมาให้โจโฉ โจโฉเห็นดังนั้นก็มีความยินดี จึงตั้งให้เคาทูเป็นโตอุ้ย แปลเป็นภาษาไทยว่านายทหารเอก แล้วให้เงินทางเสื้อผ้าแก่พรรคพวกเคาทูเป็นอันมาก จึงให้ทหารเอาตัวโฮงี อุยเซียวไปฆ่าเสีย ตัดเอาศีรษะเสียบไว้มิให้ผู้ใดดูเยี่ยง แล้วโจโฉก็ยกทหารกลับมา ณ เมืองเอียนเสีย
แฮหัวตุ้น โจหยินได้ยินดังนั้น ก็ออกมารับโจโฉเข้าไปในเมือง แล้วบอกแก่โจโฉว่า ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่าลิฮอง ซิหลัน ซึ่งลิโป้ให้อยู่รักษาเมืองกุนจิ๋ว ทหารนั้นอดข้าวปลาอาหาร คุมพวกออกเที่ยวตีชิงอาณาประชาราษฎรแลทหารในเมืองนั้นเบาบาง ขอท่านยกกองทัพไปตีเอาเมืองกุนจิ๋วก็จะได้โดยง่ายโจโฉเห็นชอบด้วยก็ยกทหารไปจะตีเอาเมืองกุนจิ๋ว
ฝ่ายลิฮอง ซิหลันรู้ดังนั้น ก็คุมทหารซึ่งมีอยู่นั้นออกจะรบด้วยโจโฉ เคาทูเห็นดังนั้นจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งนายทหารทั้งสองยกออกมานี้ ข้าพเจ้าจะขออาสาไปตัดเอาศีรษะมาให้แก่ท่าน โจโฉได้ฟังก็มีความยินดีจึงว่า ท่านจะอาสาไปก็ตามเถิด เคาทูก็ขับม้ารำทวนออกไปรบด้วยลิฮองได้สามเพลง เคาทูก็เอาทวนแทงลิฮองตกม้าตาย ซิหลันเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัว พาทหารหนีกลับจะเข้าไปในเมือง พอพบลิเตียนสกัดหน้าไว้ริมคูเมือง ซิหลันก็ขับม้าจะบ่ายหนีเข้าป่าพอลิยอยเห็นก็ขับม้าขึ้นเกาทัณฑ์ยิงถูกซิหลันตกม้าตาย ทหารทั้งปวงก็แตกตื่นไป
ขณะนั้นโจโฉก็ได้เมืองกุนจิ๋วคืน แล้วโจโฉให้เคาทูกับเตียนอุยคุมทหารเป็นกองหน้า ให้แฮตัวตุ้นกับแฮหัวเอี๋ยนคุมทหารเป็นกองขวา ให้ลิเตียนกับงักจิ้นเป็นกองซ้าย โจโฉนั้นคุมทหารเป็นกองหลวง แลอิกิ๋มกับลิยอยเป็นกองหลัง ยกไปจะตีเอาเมืองปักเอี้ยง
ฝ่ายลิโป้รู้ดังนั้นจะยอกทหารออกมารบโจโฉ ตันก๋งจึงห้ามลิโป้ว่า ซึ่งท่านจะรีบยกออกไปนั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบ ขอให้งดอยู่กว่าทหารทั้งปวงซึ่งไปหาข้าวปลาอาหารกลับมาพร้อมกันแล้วจึงยกออกไปรบด้วยโจโฉ ลิโป้จึงตอบว่าเกิดมาเป็นชาติทหารแล้วจะคิดกลัวการสงครามไย ลิโป้มิได้ฟังคำตันก๋ง ก็ยกทหารออกไปจากเมือง ลิโป้จึงขับม้ารำทวนไปถึงทัพหน้าโจโฉ แล้วร้องประกาศว่า ผู้ใดมีกำลังกล้าหาญจะสู้ด้วยเราก็เร่งออกมา
ฝ่ายเคาทูได้ยินดังนั้นก็โกรธ ขับม้ารำทวนออกรบด้วยลิโป้ได้ยี่สิบเพลงมิได้แพ้ชนะกัน โจโฉเห็นดังนั้นจึงว่า เคาทูผู้เดียวจะเอาชัยชนะลิโป้นั้นขัดสนจึงให้เตียนอุยออกช่วยเคาทูรบลิโป้ แลแฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น ลิเตียนซึ่งเป็นกองซ้ายขวาก็ขับม้าออกไปรบกระหนาบลิโป้ไว้ ลิโป้รบพุ่งป้องกันอยู่กลางทหารทั้งหกนาย ลิโป้เห็นจะต้านทานมิได้ก็ขับม้าหนีไปจะเข้าเมือง
ฝ่ายเตียนซีอยู่บนเชิงเทิน เห็นลิโป้หนีกลับมา จึงเร่งให้พรรคพวกออกไปชักสะพานคูเมืองเสีย หวังมิให้ลิโป้แลทหารทั้งปวงเข้ามาได้ ลิโป้ครั้นถึงคุเมืองเห็นดังนั้น ก็เรียกให้ชาวเมืองทอดสะพานรับ เตียนซีจึงร้องตอบลิโป้ว่า เราเข้าด้วยโจโฉแล้ว ท่านอย่าเข้ามาในเมืองเราเลย ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงร้องด่าเตียนซีเป็นข้อหยาบช้า แล้วก็ขับม้าพาทหารหนีกลับไปยังเมืองตันลิว ตันก๋งเห็นดังนั้นก็พาครอบครัวของลิโป้ไปตามลิโป้
โจโฉจึงคุมทหารเข้าไปในเมืองปักเอี้ยงได้ แล้วหาตัวเตียนซีมาว่ากล่าวว่า ซึ่งเตียนซีมีหนังสือไปล่อลวงเราให้มาเสียทีแก่ลิโป้นั้น โทษใหญ่หลวงนัก แลครั้งนี้เตียนซีมีความชอบ มิได้ให้พรรคพวกทอดสะพานรับลิโป้นั้น โทษกับคุณกลบลบกันหาย
เล่าหัวจึงว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งลิโป้หนีไปครั้งนี้ ถ้าจะละไว้ช้าก็เห็นจะมีกำลังความคิดขึ้น อุปมาดังเสือปล่อยไปอยู่ป่า นานไปเห็นจะจับยาก โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เล่าหัวคุมทหารอยู่รักษาเมืองปักเอี้ยง โจโฉก็จัดแจงทหารใหญ่น้อยทั้งปวงแล้วยกไปเมืองตันลิว
ฝ่ายเตียวเลี้ยว จงป้า โฮเสง โกซุ่น ซึ่งเป็นทหารลิโป้นั้น พาพรรคพวกออกไปหาข้าวปลาอาหาร แลทหารทั้งนี้มิได้รู้ว่าลิโป้แตกหนีกลับไปเมืองตันลิวก็พากันเที่ยวตีชิงข้าวปลาอาหารของราษฎรชาวเมืองปักเอี้ยง ราษฎรทั้งปวงได้รับความเดือดร้อน
ฝ่ายลิโป้เมื่อหนีโจโฉมาถึงเมืองตันลิว ครั้นรู้ว่าโจโฉยกตามมาก็มิได้ออกรบพุ่ง จึงปรึกษากับเตียวเมาผู้เป็นเจ้าเมือง แล้วให้ทหารขึ้นรักษาหน้าที่เชิงเทินไว้ โจโฉนั้นให้ยกทหารเข้าตั้งประชิดเมืองตันลิวอยู่ถึงสิบวันก็มิได้เห็นลิโป้ออกมารบ ทหารโจโฉนั้นขาดข้าวปลาอาหาร พอเป็นเทศกาลข้าวโภชน์สาลีจะใกล้สุก โจโฉก็ให้เลิกทัพถอยมาตั้งอยู่ทางไกลประมาณสี่ร้อยเส้น จึงให้ทหารทั้งปวงไปเกี่ยวข้าวโภชน์สาลีมากิน มีผู้เอาเนี้อความไปบอกลิโป้ว่า ทหารโจโฉขาดเสบียงจึงถอยไปเกี่ยวข้าวโภชน์สาลี ลิโป้จึงคุมทหารออกไปจับคนเกี่ยวข้าว ทหารโจโฉเห็นดังนั้นก็พากันวิ่งหนีเข้าค่าย ลิโป้ขับม้าไล่ไปใกล้ค่ายโจโฉ เห็นข้างซ้ายทางนั้นเป็นป่าอยู่ ก็คิดเกรงว่าโจโฉจะซุ่มทหารไว้ ลิโป้จึงพาทหารกลับเข้าเมือง
โจโฉรู้ดังนั้นจึงปรึกษากับทหารทั้งปวงว่า ซึ่งลิโป้ออกมาไล่คนเกี่ยวข้าวแล้วกลับเข้าไป เห็ตจะคิดเกรงว่าเราซุ่มทหารไว้ บัดนี้เราจะให้เอาธงไปปักไว้ในป่าจงมาก ให้ทหารอยู่ในค่ายนั้นแต่ห้าสิบคน เรากับทหารทั้งปวงจะได้ไปซุ่มอยู่ริบตลิ่งค่าย ฝ่ายลิโป้เห็นดังนั้นก็จะเอาเพลิงมาจุดป่านั้นเสีย ถ้าลิโป้มาถึงชายป่า เห็นค่ายเราเงียบอยู่ก็จะยกเข้าตีเอาแล้วให้ทหารในค่ายตีม้าล่อแลกลองให้อื้ออึงขึ้น เราจะยกทหารซึ่งซุ่มไว้นั้นออกตีวกหลัง เห็นจะจับลิโป้ได้โดยสะดวกทหารทั้งปวงเห็นชอบด้วย เวลาค่ำโจโฉก็ให้ไปทำตามซึ่งคิดไว้นั้นทุกประการ
ครั้นเวลารุ่งเช้าลิโป้จึงปรึกษากับตันก๋งว่า วานนี้เราออกไปไล่ทหารโจโฉซึ่งเกี่ยวข้าว เราเห็นว่าโจโฉซุ่มทหารอยู่เป็นอันมากเราจึงกลับเข้ามา วันนี้เราจะยกกองทัพใหญ่ออกไปเผาป่าซึ่งซุ่มทหารไว้นั้น แล้วจะยกเข้าตีค่ายโจโฉให้ได้ ตันก๋งจึงห้าว่า โจโฉนั้นมีความคิดในกลศึกเป็นอันาก ซึ่งท่านจะยกออกไปทำการนั้นให้ดำริดูจงควรก่อน ลิโป้มิได้ฟังคำตันก๋ง ให้ตันก๋งอยู่รักษาเมืองกับเตียวเมา ลิโป้คุมทหารยกออกไปจากเมือง แลเห็นป่าข้างซ้ายทางนั้น ธงปักอยู่เป็นอันมาก ลิโป้คิดว่าโจโฉยกทหารมาซุ่มไว้ จึงคุมทหารรีบเข้าล้อมป่านั้นไว้แล้วลิโป้ให้จุดเพลิงเผาป่านั้นขึ้นทั้งสี่ด้าน ก็มิได้เห็นทหารโจโฉนั้นแต่สักคนหนึ่งในขณะนั้นลิโป้เห็นทหารในค่ายโจโฉเงียบอยู่ จึงยกทหารจะเข้าตีเอา ครั้นมาถึงกลางทางพอได้ยินเสียงกลองม้าล่ออื้ออึงขึ้น ลิโป้สะดุ้งใจก็หยุดอยู่ แล้วได้ยินเสียงทหารข้างหลังค่ายนั้นโห่ขึ้นแล้วยกทหารอ้อมมา ลิโป้เห็นดังนั้นก็ขับม้ารำทวนเข้ารบ พอเสียงประทัดจุดขึ้น แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน เคาทู เตียนอุย ลิเตียน งักจิ้น ทั้งหกนายก็คุมทหารขึ้นจากริมตลิ่ง ตีวกหลังทัพลิโป้เข้ามา ลิโป้รบป้องกันเป็นสามารถ เห็นจะต้านทานมิได้ก็ทิ้งทหารทั้งปวงเสีย จึงขับม้าหนีไปกับเซ้งเกี๋ยม งักจิ้นเห็นดังนั้นก็ขับม้าตามไปแล้วยิงเกาทัณฑ์ไปถูกเซ้งเกี๋ยมตกม้าตาย ฝ่ายทหารลิโป้นั้นล้มตายเป็นอันมาก ซึ่งเหลือนั้นก็หนีรีบกลับเข้าเมือง จึงเอาเนื้อความทั้งนั้นบอกแก่ตันก๋ง ตันก๋งรู้ก็ตกใจจึงคิดว่าทหารในเมืองตันลิวนี้เห็นจะต้านทานกองทัพโจโฉไม่ได้ ตันก๋งก็พาครอบครัวลิโป้หนีออกจากเมือง
ฝ่ายโจโฉจึงคุมทหารเข้ารบหักเอาเมืองตันลิวนั้นได้ ก็ให้ทหารทั้งปวงเอาเพลิงจุดเผาเมืองขึ้น เตียวเจี๋ยวนั้นหนึไปไม่ทันตายในเพลิง แต่เตียวเมาเจ้าเมืองนั้นหนีไปหาอ้วนสุด ณ เมืองลำหยง แลราษฎรชาวเมืองตันลิวนั้น ก็เข้าเกลี้ยกล่อมโจโฉสิ้น แลโจโฉนั้นก็กลับเป็นใหญ่อยู่ในหัวเมืองตะวันออก จึงให้ต่างค่ายคูประตูหอรบไว้ให้พร้อมทุกเมือง แล้วซ่องสุมทหารชาวเมืองได้เป็นอันมาก
ฝ่ายลิโป้หนีไปถึงกลางทางพอพบเตียวเลี้ยว จงป้า โฮเสง โกซุ่น ซึ่งทหารไปหาข้าปลาอาหารครั้งเมืองปักเอี้ยง ลิโป้บอกเนื้อความยังมิทันสิ้นคำ พอตันก๋งพาครอบครัวตามมาทัน ลิโป้ค่อยมีความยินดี จึงพาครอบครัวแลทหารทั้งปวงไปตั้งอยู่ริมชายทะเลแดนเมืองตันลิว แล้วปรึกษากับตันก๋งแลทหารทั้งสี่นายว่า เราแตกโจโฉมาครั้งนี้ ใช่จะคิดย่อท้อหามิได้ เราคิดจะยกไปรบหักเอาโจโฉให้จงได้
ตันก๋งจึงห้ามว่า โจโฉครั้งนี้มีทหารเป็นอันมาก แลราชการฝ่ายหัวเมืองตะวันออกก็สิทธิ์ขาดอยู่กับโจโฉ แลทหารเราครั้งนี้ก็น้อยนัก ทั้งกำลังก็อิดโรยอยู่ ซึ่งท่านจะด่วนยกไปรบหักเอานั้นเห็นยังมิได้ก่อน ขอให้พาครอบครัวไปหาที่อาศัยไว้ให้มั่นคง แล้วจึงค่อยคิดการสืบไป ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงปรึกษาตันก๋งว่า เราจะพาครอบครัวไปอาศัยอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ท่านจะเห็นดีแลร้ายประการใด ตันก๋งจึงตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้ก็ควรอยู่ แต่ขอให้แต่งทหารไปพูดจาฟังกิตติศัพท์ชาวเมืองกิจิ๋วดูว่า อ้วนเสี้ยวจะให้อยู่อาศัยหรือไม่ ลิโป้เห็นชอบด้วยจึงให้ทหารรีบไปเมืองกิจิ๋ว
ฝ่ายอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ครั้นรู้กิตติศัพท์ว่า เมื่อโจโฉกับลิโป้ตั้งรบกันอยู่ ณ เมืองปักเอี้ยง จึงปรึกษากับสิมโพยว่า โจโฉกับลิโป้ตั้งรบกันอยู่ครั้งนี้ถ้าลิโป้มีชัยชนะแก่โจโฉ ท่านจะเห็นดีแลร้ายประการใด สิมโพยจึงตอบว่า อันน้ำใจลิโป้ร้ายกาจดุจหนึ่งเสือ ถ้าได้เมืองปักเอี้ยงแล้วก็จะกำเริบยกล่วงมาทำอันตรายรบเอาเมืองเรา ขอให้ท่านต่างทหารห้าหมื่นยกไปช่วยโจโฉรบฆ่าลิโป้เสียได้แล้ว เมืองเราก็จะมีความสุข อ้วนเสี้ยวเห็นชอบด้วย จึงให้งันเหลียงคุมทหารหกหมื่นยกไปช่วยโจโฉ
ขณะนั้นทหารลิโป้ซึ่งให้มาฟังกิตติศัพท์ ณ เมืองกิจิ๋วนั้น ครั้นมาถึงกลางทางรู้ดังนั้น ก็เอาเนื้อความกลับมาบอกลิโป้ว่า บัดนี้อ้วนเสี้ยวให้งันเหลียงคุมทหารไปช่วยโจโฉทำการสงครามด้วยท่าน ลิโป้แจ้งเนื้อความดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษากับตันก๋งว่า เมื่ออ้วนเสี้ยวเป็นใจด้วยโจโฉฉะนี้เราจะคิดประการใด ตันก๋งจึงว่าข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่า โตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วยกเมืองให้เล่าปี่อันมีน้ำใจกว้างขวางอารีต่อคนทั้งปวง ขอให้ท่านพาครอบครัไปอาศัยเล่าปี่ ณ เมืองชีจิ๋ว เห็นเล่าปี่จะไม่สูญไมตรีท่าน ลิโป้เห็นชอบด้วย จึงพาครอบครัวไปอาศัยเล่าปี่อยู่ ณ เมืองชีจิ๋ว แล้วแต่งทหารให้เข้าไปบอกแก่เล่าปี่ว่า เราจะมาอาศัยอยู่ด้วย
เล่าปี่จึงปรึกษากับบิต๊กว่า ลิโป้เสียทีแก่โจโฉ จะมาอาศัยเรา เราจะออกไปรับเข้ามาในเมือง บิต๊กจึงตอบว่า น้ำใจลิโป้นั้นหยาบช้าร้ายกาจดังเสือ บัดนี้ตกถังอยู่ แลท่านจะไปรับขึ้นมาไว้นั้น นานไปมีกำลังขึ้นก็จะทำอันตรายแก่คนทั้งปวง เล่าปี่จึงตอบว่าโจโฉนั้นน้ำใจก็หยาบช้า แล้วเป็นใหญ่อยู่ฝ่ายหัวเมืองตะวันออก ฝ่ายลิโป้ไปรบได้เมืองกุนจิ๋ว เมืองเราจึงพลอยได้ความด้วย หาไม่โจโฉก็จะยกมารบเมืองเรา ครั้งนี้ลิโป้ได้บ่ายหน้ามาหาเราแล้ว ครั้นจะมิรับไว้ก็เหมือนคนหาไม่ตรีไม่ เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า น้ำใจท่านอารีต่อคนทั้งปวงจะรับลิโป้เข้ามาไว้ก็ตามเถิด แต่ให้คิดระวังเหตุผลจงดี
เล่าปี่ก็พากวนอู เตียวหุยแลทหารทั้งปวงออกไปรับรับลิโป้ทางประมาณสามร้อยเส้น แล้วกลับเข้ามาในเมือง แล้วเชิญให้ลิโป้นั่งที่สมควร ลิโป้จึงเล่าเนื้อความให้เล่าปี่ฟังว่า เดิมอ้องอุ้นกับข้าพเจ้าคิดกันฆ่าตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นศัตรูราชสมบัติเสีย ครั้นอยู่มาลิฉุย กุยกีได้เป็นใหญ่ขึ้นจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจึงหนีไปพึ่งเป็นหลายเมือง เจ้าเมืองมิให้อยู่ ข้าพเจ้าจึงไปอยู่ด้วยเตียวเมาเจ้าเมืองตันลิวโจโฉยกมารบเมืองนี้ ข้าพเจ้ารู้ข่าวว่าท่านยกมาช่วยโตเกี๋ยม ข้าพเจ้าก็มีความยินดี จึงยกทหารไปตีเมืองกุนจิ๋วให้เป็นกังวลหวังจะช่วยธุระท่าน ครั้งนี้ข้าพเจ้าแตกโจโฉมาเสียทหารเป็นอันมาก ข้าพเจ้าพึ่งท่านหวังจะคิดการใหญ่กับท่านสืบไป แต่ยังไม่แจ้งในใจท่านว่าจะพร้อมร่วมคิดกันด้วยข้าพเจ้าหรือประการใดเล่าปี่จึงตอบว่าโตเกี๋ยมถึงแก่ความตายแล้ว แลเมืองชีจิ๋วนี้เราอยู่ปกป้องรักษาไว้เพราะหาผู้ใดจะเป็นผู้ใหญ่มิได้ บัดนี้ตัวท่านมาแล้วก็สมควรที่จะว่าราชการเมืองเรามีความยินดีจะยกเมืองชีจิ๋วให้ท่าน ท่านจะได้ทำการสืบไป แล้วเล่าปี่ก็ยกเอาตราสำหรับเมืองมอบแก่ลิโป้ ลิโป้กระหยับมือจะรับเอาตรา พอเหลือบเห็นกวนอู เตียวหุยซึ่งยืนอยู่หลังเล่าปี่นั้นโกรธ ลิโป้จึงทำเป็นหัวเราะแล้วตอบเล่าปี่ว่า ตัวข้าพเจ้าเป็นแต่ทหาร ซึ่งจะว่าราชการบ้านเมืองนั้นเหลือสติปัญญานัก
ตันก๋งได้ยินดังนั้นจึงว่า ธรรมดาเป็นแขกมาหาท่าน แล้วหรือจะบังอาจเก็บเอาทรัพย์สิ่งสินของเจ้าเรือนไปด้วยนั้นหาควรไม่ แลตัวลิโป้ซึ่งมาอยู่ในสำนักท่าน ซึ่งจะคิดชิงเอาเมืองนี้หามิได้ ท่านอย่าได้สงสัยเลย เล่าปี่จึงให้แต่งโต๊ะเชิญลิโป้แลทหารทั้งปวงกิน แล้วจัดแจงที่บ้านให้ลิโป้อยู่ ครั้นเวลารุ่งเช้า ลิโป้ให้แต่งโต๊ะแล้วให้ไปเชิญเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยไปกินโต๊ะ แล้วเชิญเล่าปี่เข้าไปในที่ข้างใน กวนอู เตียวหุยก็ตามเข้าไปด้วย ลิโป้จึงให้บุตรภรรยาคำนับเล่าปี่ เล่าปี่เจียมตัวจึงห้ามว่าอย่าคำนับเลย ลิโป้จึงตอบว่า น้องเราจงให้บุตรภรรยาเราคำนับเถิด
เตียวหุยได้ฟังลิโป้ว่าดังนั้นก็โกรธ จึงร้องตวาดว่า ตัวนี้เป็นไฉนจึงบังอาจเรียกพี่กูว่าเป็นน้อง พี่กูเป็นเชื้อพระวงศ์ อุปมาเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว ซึ่งตัวอวดว่ากล้าหาญจงออกไปลองฝีมือกันดูสักสามร้อยเพลง เล่าปี่จึงว่ากล่าวห้ามปรามเตียวหุย กวนอูก็พาเตียวหุยออกไปอยู่ภายนอก เล่าปี่จึงว่าแก่ลิโป้ว่าซึ่งเตียวหุยหยาบช้าแก่ท่านนั้นเพราะเสพย์สุราเมา เราขออภัยเสียเถิด ท่านอย่าถือโทษเลย ลิโป้ก็สั่นศีรษะมิได้ตอบประการใด เล่าปี่ก็ลาลิโป้กลับไป ครั้นมาถึงกลางทางเตียวหุยจึงขับม้ารำทวนกลับไปถึงหน้าบ้านลิโป้แล้วร้องว่า เมื่อกี้นั้นกูเกรงพี่กูอยู่ บัดนี้พี่กูไปแล้ว ให้ลิโป้เร่งออกมาลองกันดูสักสามร้อยเพลง ให้รู้จัดฝีมือกันไว้ เล่าปี่เหลียวมาไม่เห็นเตียวหุย จึงให้กวนอูตามมาพาเตียวหุยกลับไป
ครั้นเวลารุ่งเช้าลิโป้จึงไปว่าแก่เล่าปี่ว่า เดิมมาขออาศัยท่านก็ยอมให้อยู่บัดนี้เตียวหุยน้องท่านไปว่ากล่าวหยาบช้าดูหมิ่นเรา เราจะอยู่สืบไปก็จะเคืองใจท่านเราจะลาท่านไปอยู่ที่อื่นแล้ว เล่าปี่จึงตอบว่าท่านจะไปอยู่ที่อื่นนั้น ความครหานินทาก็จะอยู่แก่เรา ซึ่งเตียวหุยเป็นใจหนุ่มได้ว่ากล่าวหยาบช้าต่อท่านนั้น วันอื่นเราจะพาตัวเตียวหุยไปขอขมาท่าน ถ้าท่านมิฟังก็ให้ไปอยู่เมืองเสียวพ่ายเถิด แต่ที่นั้นเป็นเมืองน้อยขึ้นแก่เมืองนี้ ถ้าขาดข้าวปลาอาหารเราจะให้เอาไปส่ง ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีจึงคำนับลาเล่าปี่ แล้วพาครอบครัวกับทหารทั้งปวงไปอยู่เมืองเสียวพ่าย
Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)
ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น