วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 30 (ช่วงที่ 4)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

ฝ่ายเตียวเหียนกับเตียวหลำเห็นโจโฉยกออกมา ก็ลงจากม้าวางอาวุธ ถอดเกราะเสีย แล้วเข้าไปคำนับโจโฉ โจโฉจึงถามว่า ท่านทั้งสองนี้ชื่อใดมาแต่ไหน นายทหารทั้งสองจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อเตียวเหียน เตียวหลำ เป็นนายทหารอ้วนฮีผู้บุตรอ้วนเสี้ยว ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่ามหาอุปราชมีใจกว้างขวางรักทหารโดยสุจริต ข้าพเจ้าจึงพาทหารทั้งปวงมาหวังจะทำราชการด้วยท่าน โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตั้งให้เตียวเหียน เตียวหลำเป็นนายทหารซ้ายขวา
ฝ่ายเตียวเอี๋ยนนายโจรอยู่ ณ เขาเอ๊งสัน รู้ข่าวว่าโจโฉได้เมืองกิจิ๋วแลเมืองลำพี้แล้ว ก็คุมพวกโจรประมาณสิบหมื่น มาขอเข้าอยู่ทำราชการด้วยโจโฉ โจโฉตั้งให้เตียวเอี๋ยนเป็นที่ปักจุงกุ๋น แปลภาษาไทยว่าเป็นเจ้าพระยาปราบหัวเมืองฝ่ายเหนือ
ฝ่ายอองสิ้ว ครั้นรู้ว่าอ้วนถำตายแล้วก็มีความสงสาร จึงไปนั่งร้องไห้รักอ้วนถำซึ่งเสียบศีรษะไว้ ทหารผู้รักษาเห็นดังนั้นจึงจับเอาตัวไปให้โจโฉ โจโฉจึงถามผู้ร้องไห้นั้นว่าตัวชื่อใด เหตุใดจึงมาร้องไห้รักอ้วนถำ อองสิ้วจึงว่า ข้าพเจ้าชื่ออองสิ้ว เป็นที่ปรึกษาอ้วนถำ ข้าพเจ้าได้ห้ามตักเตือนให้คิดอ่านประนอมกันบรรดาญาติพี่น้องให้พร้อมใจช่วยป้องกันรักษาเมืองกิจิ๋วไว้ให้ได้ อ้วนถำไม่ฟังคำข้าพเจ้าจึงเสียเมืองจนตัวตาย ข้าพเจ้าจึงมาร้องไห้รักเพราะเหตุฉะนี้ โจโฉจึงถามว่าเมื่อเราเอาศีรษะอ้วนถำไปประกาศแก่ชาวเมืองทั้งปวงว่า ถ้าผู้ใดมาร้องไห้รัก เราจะให้ลงโทษถึงตายนั้นตัวรู้หรือไม่ อองสิ้วจึงบอกว่า ซึ่งท่านสั่งนั้น ข้าพเจ้าก็แจ้งอยู่ โจโฉจึงว่าตัวรู้อยู่แล้ว เหตุใดจึงมาร้องไห้นั้นไม่กลัวความตายหรือ อองสิ้วจึงตอบว่า แต่ก่อนนั้นข้าพเจ้ามีความสุขมาก ก็เพราะอ้วนถำเลี้ยงดู บัดนี้อ้วนถำถึงแก่ความตาย ครั้นนิงเสียก็เหมือนหนึ่งคนหากตัญญูต่อนายไม่ ซึ่งจะเป็นคนอยู่ไปนั้นผู้ใดจะสรรเสริญนับถือว่าเป็นคน จึงได้มาร้องไห้รักเพราะคิดถึงคุณอ้วนถำ ถึงมาตรว่าท่านจะฆ่าข้าพเจ้าเสียด้วยโทษละเมิดนี้ก็ตาม แต่ขอให้ข้าพเจ้าได้แต่งการศพอ้วนถำเถิด ก็จะก้มหน้าตายตามนายไป
โจโฉได้ฟังดังนั้นก็เห็นจริงจึงว่า บรรดาหัวเมืองฝ่ายเหนือนี้มีทหารมีฝีมือแลสติปัญญาประกอบทั้งสัตย์ซื่อต่อมูลนายอยู่เป็นอันมาก แม้อ้วนเสี้ยวกับบุตรมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเลี้ยงคนดีให้ถึงขนาดอยู่แล้ว ที่ไหนเราจะได้เมืองกิจิ๋ว แล้วโจโฉจึงให้ทหารแต่งการศพอ้วนถำตามประเพณี แลอองสิ้วนั้นโจโฉก็ตั้งให้เป็นชาวคลัง แล้วถามอองสิ้วว่า บัดนี้อ้วนซงหนีไปอยู่กับอ้วนฮี ณ เมืองอิวจิ๋วท่านจะคิดอ่านประการใดจึงจะจับตัวอ้วนซงได้ อองสิ้วจึงตอบว่า มหาอุปราชก็มีคุณแก่ข้าพเจ้า ถ้าเป็นการอื่นมีมาข้าพเจ้าจะคิดอ่านสนองคุณท่านตามสติปัญญา ซึ่งจะให้ข้าพเจ้าคิดจับตัวอ้วนซงซึ่งเป็นพี่น้องของนายนั้นจนอยู่ ตามแต่ท่านจะโปรด โจโฉได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญว่า อองสิ้วนี้มีน้ำใจสัตย์ซื่อต่อผู้มีคุณ แล้วจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า เราจะคิดประการใดจึงจะได้ตัวอ้วนซงมา กุยแกจึงว่าขอให้แต่งทหารอ้วนเสี้ยวซึ่งมาอยู่ด้วยท่านนั้น ยกกองทัพไปคิดอ่านทำการรบพุ่งจับตัวอ้วนซงมา โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้เตียวเหียนกับเตียวหลำคุมทหารกองหนึ่ง ลิกอง ลิเซียงคุมทหารกองหนึ่ง ม้าเอี๋ยนกับเตียวคีคุมทหารกองหนึ่ง ยกไปตีเมืองอิวจิ๋วจับตัวอ้วนฮี อ้วนซงมาให้ได้ นายทหารทั้งสามกองก็ยกกองทัพไป แล้วโจโฉจึงให้เตียวเอี๋ยนนายโจรกับลิเตียน งักจิ้นคุมทหารไปจับตัวโกกัน ณ เมืองเป๊งจิ๋ว
ฝ่ายอ้วนฮี อ้วนซงรู้กิตติศัพท์ว่าโจโฉให้กองทัพยกมาดังนั้น ก็คิดกันว่าเราจะอยู่ต้านทานนั้นไม่ได้ ก็พาทหารออกจากเมือง หวังจะไปพึ่งอยู่ด้วยโฮห้วน เจ้าเมืองเลียวไส ซึ่งขึ้นแก่เมืองอิวจิ๋ว
ฝ่ายโฮห้วนขณะเมื่อโจโฉมารบได้เมืองกิจิ๋วนั้น โฮห้วนจึงชักชวนพวกเพื่อนซึ่งเป็นทหารอ้วนเสี้ยว มาสบถสาบานว่าจะร่วมรักกัน แต่ใจโฮห้วนนั้นคิดจะไปเข้าด้วยโจโฉ ครั้นอยู่มาโฮห้วนจึงให้ไปเชิญพวกเพื่อนมาเสพย์สุราพร้อมกันโฮห้วนจึงเอากระบี่วางไว้บนโต๊ะแล้วว่า โจโฉนั้นเข้มแข็งกล้าหาญนัก ทั้งทหารใหญ่น้อยก็มีเป็นอันมาก บัดนี้ก็ตีได้เมืองกิจิ๋วแล้ว แม้เราจะนิ่งอยู่ฉะนี้ก็จะไม่พ้นมือโจโฉ เราจะชวนกันไปเข้าด้วยโจโฉ ถ้าผู้ใดไม่ยอมเราจะเอากระบี่เล่มนี้ตัดศีรษะเสีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น