วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 30 (ช่วงที่ 7)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้ทหารอยู่รักษากุยแกที่ตำบลนั้น แล้วตั้งให้เตียนติ๋วเป็นนายทหารสำหรับนำทาง ให้เตียวเลี้ยวเป็นกองหน้า โจโฉเป็นหองหลวง แล้วยกกองทัพไปถึงเขาเป๊กลงสาน พอพบอ้วนฮี อ้วนซงกับเป๊กตุ้นคุมทหารเป็นอันมากมาตั้งสกัดอยู่ปากทางซึ่งจะออกทุ่งใหญ่ เตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นก็ตกใจ จึงให้ทหารตั้งสงบอยู่ แล้วขับม้ารีบมาบอกโจโฉว่า เป๊กตุ้นเจ้าเมืองหลิวเซีย คุมทหารมาตั้งสกัดปากทางไว้ โจโฉแจ้งดังนั้นก็ขึ้นไปบนเนินเขา เห็นทหารเป๊กตุ้นมิได้ตั้งเป็นกระบวนทัพ แล้วส่งธงแดงอาญาสิทธิ์สำหรับแม่ทัพแลกะเกณฑ์ทหารให้เตียวเลี้ยว เร่งขับทหารเข้าโจมตีกองทัพเป๊กตุ้น เตียวเลี้ยวก็รับเอาธงแล้วเรียกเคาทู ซิหลง อิกิ๋มเป็นสี่นายทั้งเตียวเลี้ยว ก็พากันขับม้ารีบขึ้นไป คุมทหารออกโจมตีฆ่าฟันทหารเป๊กตุ้นล้มตายเป็นอันมาก เตียวเลี้ยวนั้นเข้ารบพุ่งกับเป๊กตุ้นเป็นสามารถ แล้วเอาทวนแทงเป๊กตุ้นตกม้าตาย เหล่าทหารทั้งปวงก็เข้ามาอ่อนน้อมแก่ทหารโจโฉสิ้น อ้วนฮี อ้วนซงเห็นดังนั้นก็พาทหารอ้อมหนีไปหัวเมืองตะวันออก
โจโฉจึงพาทหารทั้งปวงเข้าไปเมืองหลิวเซีย แล้วจะตั้งให้เตียนติ๋วอยู่รักษาเมือง เตียนติ๋วจึงร้องไห้แล้วว่า ข้าพเจ้าเป็นคนหนีนาย ท่านมาพบเข้าก็มิได้เอาโทษนั้นคุณหาที่สุดมิได้ ซึ่งท่านจะซ้ำให้เป็นเจ้าเมืองนี้ไม่ได้ เหตุว่าหนีนายมาแล้วมิหนำซ้ำจะมาให้ผู้อื่นตั้งแต่งตัวเป็นดีนั้นมิชอบ ถึงมาตรว่าท่านไม่เอ็นดูจะฆ่าฟันข้าพเจ้าเสีย ด้วยขัดคำท่านข้อนี้ก็ตามเถิด โจโฉได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงสรรเสริญเตียนติ๋วว่าน้ำใจสัตย์ซื่อนัก จึงว่าท่านไม่พอใจอยู่เป็นเจ้าเมืองก็ตามใจเถิด แล้วก็ตั้งเตียนติ๋วไว้เป็นที่ปรึกษา
ขณะนั้นโจโฉได้ม้าประมาณหมื่นเศษ แลเมืองนั้นขัดสนด้วยเสบียงอาหารเป็นเทศกาลหนาว โจโฉจึงให้ยกทัพกลับมาทางประมาณสองพันเส้น ในกองทัพนั้นขาดเสบียงแลน้ำ โจโฉก็ให้ฆ่าม้าเชลยนั้นแจกทหารทั้งปวงกิน แล้วให้ขุดบ่อลึกประมาณเก้าวาสิบวาจึงได้น้ำแจกทหาร แล้วยกมาถึงเมืองเอ๊กจิ๋วให้หยุดทัพอยู่ ปูนบำเหน็จทหารใหญ่น้อยตามสมควร แต่ผู้ที่ห้ามไม่ให้ยกไปหัวเมืองฝ่ายตะวันตกนั้น โจโฉแกล้งปูนบำเหน็จมากกว่าทหารทั้งปวงส่วนหนึ่งบ้างสองส่วนบ้าง แล้วประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า ซึ่งเรายกมาตีเมืองหลิวเซียครั้งนี้ทางก็ไกล บรรดาผู้ที่ห้ามปรามก็ได้รับบำเหน็จเป็นอันมาก เหตุว่าเราไม่ฟังขืนยกไปตีได้นั้นก็เพราะเทพดาช่วยเรา แต่นี้สืบไปเมื่อหน้าถ้าเราจะทำการสิ่งใดก็อย่าให้ทหารทั้งปวงคิดย่อท้อว่าจะเหน็ดเหนื่อยลำบากยากแค้นเลย
ขณะเมื่อโจโฉยังมาไม่ถึงนั้น กุยแกตายแล้ว ทหารรักษาศพไว้ท่าโจโฉ ครั้นโจโฉกลับมาถึงก็ปูนบำเหน็จทหาร แล้วให้แต่งการศพ โจโฉจึงให้จุดธูปเทียนเซ่นศพกุยแกแล้วร้องไห้รัก ว่าครั้งนี้กุยแกมาถึงแก่ความตาย อุปมาเหมือนเทพดาทำลายชีวิตเราเสีย  แล้วว่าแก่ที่ปรึกษาทั้งปวงว่า อายุท่านทั้งนี้กับเราก็คราวกัน แต่กุยแกนั้นอายุอ่อนกว่าเรา เราคิดไว้ว่า แม้ตัวเราตายจะได้ฝากบุตรและครอบครัว มอบการทั้งปวงไว้ให้กุยแกช่วยทำนุบำรุงสืบไป กุยแกก็มาตายเสียก่อนดังนี้ไม่ควรเลย ที่ไหนตัวเราจะมีความสบาย
ในขณะนั้นคนใช้สนิทของกุยแกจึงเอาหนังสือมาให้โจโฉ แล้วบอกว่าหนังสือฉบับนี้เมื่อกุยแกใกล้จะสิ้นใจนั้นได้อุตส่าห์เขียนไว้ให้ท่าน คำนอกนั้นกุยแกสั่งไว้ว่า ให้มหาอุปราชทำตามหนังสือนี้จงได้ อันเมืองเลียวตั๋วนั้นก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือท่าน โจโฉจึงรับเอาหนังสือมาดูแล้วก็พยักเอา จึงเก็บเอาหนังสือนั้นใส่หีบซ่อนไว้ แต่ที่ปรึกษากับทหารทั้งปวงไม่แจ้งเนื้อความประการใดก็มีความสงสัย ครั้นเวลารุ่งเช้าแฮหัวตุ้นจึงบอกโจโฉว่า ข้าพเจ้าแจ้งกิตติศัพท์ว่ากองซุนของเจ้าเมืองเลียวตั๋งซึ่งอยู่ฝ่ายตะวันออกเมืองกิจิ๋วนั้น คิดองอาจตระเตรียมทหารแต่งค่ายคูประตูหอรบไว้มั่นคง ทั้งอ้วนฮี อ้วนซงก็ไปอาศัยอยู่ด้วยกองซุนของ ข้าพเจ้าเห็นว่ากองซุนของนั้นจะเป็นศัตรูของท่านจึงคิดอ่านทำการทั้งนี้ ขอให้ท่านเร่งยกกองทัพไปกำจัดเสียให้ทันที แล้วจะได้จับตัวอ้วนฮี อ้วนซงด้วยแม้ละไว้ช้ากองซุนของจะมีความคิดแก่ขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น