เรียบเรียงโดย Thepoetry4u.
ขอบคุณเนื้อหาจาก "หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)"
ฝ่ายเล่าปี่อาศัยอยู่ในเมืองกิจิ๋ว คิดถึงกวนอู เตียวหุยกับครอบครัวซึ่งพลัดไป มิได้รู้ว่าเป็นแลตายประการใด ก็มีความทุกข์ร้อนมิได้ขาด อ้วนเสี้ยวเห็นหน้าเล่าปี่เศร้าหมองจึงถามว่า ท่านมีความวิตกสิ่งใด เล่าปี่จึงบอกว่า ตัวข้าพเจ้าแตกมาได้พึ่งท่านก็พ้นภัยแล้ว แต่คิดถึงครอบครัวแลน้องทั้งสองซึ่งพลัดไปนั้น มิได้รู้ว่าตายหรือเป็นประการใด ประการหนึ่งได้เกิดมาเป็นชายแล้ว คิดจะทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข การทั้งปวงก็ไม่สำเร็จ ป่วยการเกิดมาเสียเปล่า ข้าพเจ้าจึงไม่สบายเพราะเหตุฉะนี้
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นจึงว่า โจโฉทำการหยาบช้าต่อแผ่นดิน เรายกกองทัพไปตำบลลิหยง หวังจะกำจัดโจโฉเสีย พอเป็นเทศกาลหนาวเราจึงให้งันเหลียงคุมทหารตั้งค่ายอยู่ปลายแดนเมืองฮูโต๋ ตัวเรายกกลับมา ครั้งนี้เป็นฤดูร้อนแล้ว ท่านอย่าวิตกเลย เราจะยกทัพไปตีเมืองฮูโต๋ อันครอบครัวแลน้องทั้งสองนั้น ถ้าจะเป็นแลตายประการใดก็จะรู้ข่าว
เตียนห้องได้ยินอ้วนเสี้ยวว่าดังนั้นจึงว่า เมื่อโจโฉยกไปตีเมืองชีจิ๋วนั้นข้าพเจ้าได้ว่ากล่าวให้ท่านยกไปตีเมืองฮูโต๋ เห็นจะได้โดยง่ายก็ไม่ยกไป บัดนี้โจโฉได้เมืองชีจิ๋วแล้ว ยกกองทัพกลับไปรักษาเมืองฮูโต๋อยู่ ซึ่งท่านจะยกไปกำจัดโจโฉครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นไม่ได้ ด้วยทหารทั้งปวงพร้อมมูลอยู่ ขอให้ท่านงดไว้ฟังข่าวดู ถ้ารู้ว่าโจโฉยกกองทัพไปกระทำย่ำยีเมืองใด จึงค่อยยกทัพไปตีเมืองฮูโต๋เห็นจะได้โดยง่าย
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า คำเตียนห้องทัดทานไว้ท่านจะเห็นประการใด เล่าปี่จึงว่า โจโฉทำหยาบช้ามิได้ยำเกรงพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมืองฮูโต๋แลหัวเมืองทั้งปวงก็ได้ความเดือดร้อน ทุกวันนี้บรรดาคนทั้งปวงก็แจ้งอยู่ว่า ท่านมีใจสัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน แลท่านมานิ่งอยู่ไม่คิดกำจัดศัตรูราชสมบัติเสียนั้นไม่ควรประการหนึ่ง โจโฉจะมีความคิดแก่ขึ้น พระเจ้าเหี้ยนเต้จะได้ความทรมานพระทัยนัก ขอท่านคำริดูจงควร อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้เตรียมทหารไว้ให้พร้อมกัน ได้ฤกษ์เมื่อใดจะยกไป เตียนห้องจึงห้ามอ้วนเสี้ยวว่าครั้งนี้ท่านอย่าเพ่อยกทัพไป จงฟังคำข้าพเจ้าก่อน
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่เตียนห้องว่า เราคิดจะทำนุบำรุงแผ่นดิน ตัวบังอาจห้ามเราทั้งนี้จะให้พระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นอันตรายหรือ เตียนห้องเห็นอ้วนเสี้ยวโกรธก็ตกใจ จึงคุกเข่าลงคำนับแล้วว่า ข้าพเจ้าว่าทั้งนี้เป็นความสุจริต ใช่จะคิดให้เป็นอันตรายถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้หามิได้ ถ้าท่านจะขืนยกไปเห็นจะเสียทีแก่โจโฉเป็นมั่นคง อ้วนเสี้ยวได้ยินเตียนห้องว่าดังนั้น ก็ยิ่งมีความโกรธเป็นอันมาก ชักกระบี่ออกจะฟันเตียนห้องเสีย เล่าปี่จึงห้ามอ้วนเสี้ยวว่าท่านจะยกกองทัพไปทำการสงคราม จะมาทำอันตรายชีวิตที่ปรึกษาเสียนั้นไม่ควร อ้วนเสี้ยวก็ฟังคำเล่าปี่ จึงให้เอาเตียนห้องไปจำคุกไว้
จอสิวเห็นอ้วนเสี้ยวเอาเตียนห้องไปจำคุกไว้ดังนั้นก็เสียใจ จึงเอาทรัพย์สิ่งสินทั้งปวงของตัวนั้นแจกแก่บุตรภรรยาญาติพี่น้อง แล้วว่าอ้วนเสี้ยวจะยกทัพไปครั้งนี้ถึงมาตรว่ามีชัยมา อันจะให้บำเหน็จสิ่งใดแก่เรานั้นหามิได้ ถ้าไปทำการสงครามเพลี่ยงพล้ำแก่โจโฉ เห็นชีวิตเราจะไม่รอดมา ท่านทั้งปวงจงอยู่เป็นสุขเถิด ภรรยาแลญาติพี่น้องได้ฟังจอสิวว่าดังนั้น จึงมีความสงสารก็ร้องไห้รักจอสิวทุกคน
อ้วนเสี้ยวจึงให้หนังสือไปถึงงันเหลียง ซึ่งคุมทหารอยู่ตำบลลิหยงนั้น ให้เป็นกองหน้ายกล่วงหน้าเข้าไปถึงเมืองฮูโต๋ จอสิวจึงห้ามอ้วนเสี้ยวว่า ซึ่งท่านจะใช้งันเหลียงคุมทหารเป็นกองหน้าไปแต่ผู้เดียวนั้นข้าพเจ้าเห็นไม่ควร ด้วยงันเหลียงเป็นคนดื้อดึงมิได้รู้จักทีเสียทีได้ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่างันเหลียงเป็นทหารเอกของเรา เหตุใดท่านจึงมาติเตียนดังนี้ จอสิวมิได้ตอบประการใด อ้วนเสี้ยวก็ให้ม้าใช้เอาหนังสือไปให้แก่งันเหลียง งันเหลียงแจ้งในหนังสือแล้ว ก็ยกกองทัพตีล่วงเข้าไปในแดนเมืองฮูโต๋ ถึงตำบลแปะแบ๊ก็ให้ตั้งค่ายมั่นอยู่อ้วนเสี้ยวนั้นก็พาเล่าปี่ยกกองทัพหนุนไป
ฝ่ายเล่าเอี๋ยนเจ้าเมืองตองกุ๋น รู้ว่ากองทัพอ้วนเสี้ยวยกมาถึงตำบลแปะแบ๊จึงแต่งหนังสือให้ม้าใช้ไปแจ้งข้อราชการแก่โจโฉ โจโฉแจ้งในหนังสือดังนั้นก็จัดแจงทหารยกไป กวนอูรู้เนื้อความดังนั้นจึงเข้าไปหาโจโฉแล้วว่า ครั้งนี้ท่านจะยกไปรบอ้วนเสี้ยว ข้าพเจ้าจะขออาสาไปเป็นทัพหน้า โจโฉจึงว่า การศึกแต่เพียงนี้ไม่พอจะร้อนถึงท่านก่อน แม้เราไปทำสงครามแก่อ้วนเสี้ยวขัดสนประการใด จึงจะให้มาเชิญท่านต่อภายหลัง กวนอูได้ฟังดังนั้นก็ลาโจโฉกลับมาที่อยู่
โจโฉจึงจัดทหารสิบห้าหมื่น แยกออกเป็นสามกอง แล้วยกออกจากเมืองฮูโต๋ไปถึงกลางทาง พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกว่า บัดนี้ทัพหน้าอ้วนเสี้ยวยกเข้ามาถึงตำบลแปะแบ๊แล้ว โจโฉรู้ดังนั้นจึงสั่งทหารสองกองนั้นว่า ให้ตัดทางรีบลงไปต้านทานทัพอ้วนเสี้ยวไว้ เราจะยกไปตำบลแปะแบ๊ แล้วโจโฉก็คุมทหารห้าหมื่นรีบยกไปถึงตำบลแปะแบ๊ จึงตั้งค่ายโอบเข้าไว้ใกล้กองทัพงันเหลียงทางประมาณห้าสิบเส้น โจโฉจึงขึ้นบนเนินเขา แล้วแลลงไปดูเห็นทหารงันเหลียงนั้นประมาณสิหมื่นเศษตั้งค่ายอยู่เป็นมั่นคง โจโฉจึงว่าแก่ซงเหียนว่า ท่านอยู่กับลิโป้นั้นเราได้ยินกิตติศัพท์ว่ามีฝีมืออยู่ ท่านจงคุมทหารไปรบกับงันเหลียง
ซงเหียนก็รับคำโจโฉแล้วขี่ม้าถือทวนคุมทหารไปถึงหน้าค่ายงันเหลียง งันเหลียงเห็นก็คุมทหารออกไปรบกับซงเหียนได้สามเพลง งันเหลียงก็เอาง้าวฟันซงเหียนตกม้าตาย โจโฉเห็นดังนั้นก็ตกใจ แล้วว่าทหารอ้วนเสี้ยวคนนี้มีฝีมือเข้มแข็งนัก งุยซกจึงว่า งันเหลียงฆ่าเพื่อนข้าพเจ้าเสีย ข้าพเจ้าจะขออาสาไปฆ่างันเหลียงเสียจึงจะหายแค้น โจโฉมีความยินดีจึงเกณฑ์ทหารให้งุยซกยกออกไปรบกับงันเหลียงได้ยกหนึ่ง งันเหลียงเอาง้าวฟันงุยซกตัวขาดออกไปเป็นสองท่อนทหารทั้งปวงก็แตกกลับมาค่าย โจโฉเห็นดังนั้นจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า งันเหลียงคนนี้มีฝีมือกล้าหาญนัก ฆ่าซงเหียน งุยซกตาย ผู้ใดจะอาสาไปจับงันเหลียงมาได้
ซิหลงจึงรับว่า ข้าพเจ้าจะขออาสาไปจับงันเหลียงมาให้ได้ โจโฉก็เกณฑ์ทหารให้ซิหลงยกไปรบกับงันเหลียงได้ยี่สิบเพลง ซิหลงทานฝีมืองันเหลียงมิได้ก็ถอยกลับมาค่าย ทหารเห็นดังนั้นก็เสียใจ พอเวลาพลบค่ำต่างคนก็ต่างรักษาค่ายมั่นอยู่ โจโฉจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะต้านทางงันเหลียงได้ ซิหลงจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นแต่กวนอูผู้เดียวมีกำลังจะรบพุ่งกับงันเหลียงได้ โจโฉจึงตอบว่า ครั้นเราจะให้ไปหากวนอูออกมาบัดนี้ ถ้ากวนอูรบชนะแล้วก็จะไปจากเราซิหลงจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าปี่ไปอาศัยอ้วนเสี้ยวอยู่ แม้กวนอูฆ่าทหารอ้วนเสี้ยวคนนี้เสียได้ อ้วนเสี้ยวก็จะฆ่าเล่าปี่เสีย เมื่อเล่าปี่ตายแล้วกวนอูก็จะเป็นสิทธิ์อยู่แก่ท่าน โจโฉเห็นชอบด้วย จึงให้ทหารรีบเข้าไปหากวนอู ทหารจึงเอาเนื้อความไปบอกแก่กวนอูว่า บัดนี้มหาอุปราชให้เชิญท่านออกไป
กวนอูแจ้งดังนั้น จึงเข้าไปถึงประตูแล้วบอกกับพี่สะใภ้ทั้งสองว่า บัดนี้โจโฉให้มาหาตัวข้าพเจ้าไปจะให้ทำการศึก พี่สะใภ้ทั้งอสงจึงว่า เจ้าจะไปก็จงมีชัยแก่ศัตรูเถิด แต่ฟังข่าวเล่าปี่ดูด้วย กวนอูรับคำแล้วก็ลาพี่สะใภ้มาขึ้นม้าเซ็กเธาว์ถือง้าวพาทหารประมาณเก้าคนสิบคนรีบออกไปถึงค่าย โจโฉเห็นกวนอูมาก็มีความยินดี แล้วว่างันเหลียงทหารอ้วนเสี้ยวมีฝีมือฆ่าซงเหียน งุยซกเสีย เราจึงให้ไปหาท่านมาหวังจะให้รบด้วยงันเหลียง กวนอูได้ฟังดังนั้นจึงว่า ข้าพเจ้าจะขอออกไปดูท่วงทีก่อน โจโฉจึงพากวนอูขึ้นไปดูบนเนินเขา พอเห็นงันเหลียงคุมทหารมาจะใกล้ถึงหน้าค่าย โจโฉจึงว่าแก่กวนอูว่า ท่านดูเถิด ซึ่งคนขี่ม้ากั้นร่มระย้านั้นชื่องันเหลียงเป็นนายทหารทัพหน้า กวนอูจึงว่างันเหลียงคนนี้หรือ ข้าพเจ้าพอจะสู้ได้อยู่ท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะตัดศีรษะงันเหลียงมาให้ท่านจงได้ โจโฉจึงว่าแก่กวนอูว่า ท่านอย่าเพ่อประมาทดูหมิ่นงันเหลียงก่อน กวนอูจึงว่าข้าพเจ้าก็มีฝีมืออยู่บ้าง ซึ่งว่าจะขออาสาไปตัดศีรษะงันเหลียงมาให้ท่านเห็นจะไม่ยากนัก อุปมาเหมือนเอาตะเกียบหยิบของกินในโต๊ะ
เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่กวนอูว่า อันธรรมดาการศึกนั้น ถ้าจะว่าสิ่งใดกับแม่ทัพแม่กอง จงประมาณการให้แน่นอนก่อนจึงว่า กวนอูจึงว่า ท่านอย่าวิตกเลย แล้วก็ลาโจโฉขึ้นม้าควบฝ่าทหารงันเหลียงออกไป ฝ่ายทหารงันเหลียงมิทันรู้ตัว ครั้นเห็นกวนอูควบม้าออกมาก็ตกใจกลัว ต่างคนต่างหลบหลีกไปเป็นอันมาก กวนอูนั้นขับม้าควบไปด้วยกำลังเร็ว จะใกล้ถึงม้างันเหลียง งันเหลียงเห็นกวนอูนั้นหน้าแดงประหลาดกว่าทหารทั้งปวง ก็หมายใจว่าเป็นน้องเล่าปี่ จะบอกข่าวเล่าปี่ก็มิทัน พอกวนอูเอาง้าวฟันงันเหลียงคอขาดตาย ทหารโจโฉเห็นดังนั้น ก็พากันไล่ฆ่าฟันทหารงันเหลียงตายเป็นอันมาก แล้วเก็บเครื่องศัสตราวุธ กวนอูจึงตัดเอาศีรษะงันเหลียงเข้ามาให้โจโฉ ณ ค่าย โจโฉเห็นดังนั้นก็มีความยินดี สรรเสริญกวนอูว่า ตัวท่านมิใช่ทหารมนุษย์ อันฝีมือรวดเร็วดังนี้สมเป็นทหารเทพดา
กวนอูได้ยินโจโฉว่าดังนั้น จึงแกล้งถ่อมตัวว่า อันฝีมือข้าพเจ้านี้เป็นแต่ประมาณ น้องข้าพเจ้าเตียวหุยนั้น มีกำลังฝีมือกล้าหาญยิ่งกว่าข้าพเจ้าอีก ถึงทหารสักร้อยหมื่นป้องกันนายทัพอยู่ก็ดี เตียวหุยก็อาจหักเข้าไปตัดศีรษะมาได้โดยเร็ว อุปมาดังหยิบเอาส้มในลัง โจโฉได้ฟังดังนั้นก็คิดเกรงฝีมือเตียวหุยจึงสั่งทหารให้เขียนอักษรไว้กับเสื้อทุกคนว่า ถ้าผู้ใดพบเตียวหุยอย่าเพ่อสู้รบ ให้รอฟังกำลังดูก่อน
ฝ่ายทหารงันเหลียงแตกกระจัดจายไปถึงกองทัพอ้วนเสี้ยว จึงบอกเนื้อความให้ฟังทุกประการ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ แล้วคิดสงสัย ว่าแต่ก่อนมามิได้ปรากฏว่าทหารโจโฉหน้าแดงหนวดยาว มีกำลังเข้มแข็งฉะนี้ ชีสิวจึงว่าซึ่งทหารคนนี้หน้าแดงหนวดยาว ข้าพเจ้าเห็นว่าจะเป็นกวนอูน้องเล่าปี่เป็นมั่นคงอันผู้อื่นนั้นไม่ปรากฏ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า น้องท่านไปเป็นทหารโจโฉ แล้วมาฆ่าทหารเอกของเราเสียฉะนี้ ก็เห็นว่าท่านเป็นพวกโจโฉแกล้งเข้ามาอยู่เป็นไส้ศึก จะเลี้ยงไว้มิได้ อ้วนเสี้ยวก็สั่งทหารให้เอาตัวเล่าปี่ไปฆ่าเสีย
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า เหตุไฉนท่านมาดูเบาฟังความข้างเดียวฉะนี้ ขอท่านดำริดูให้ควรก่อน ข้าพเจ้าเสียบ้านเมืองแลครอบครัวสมัครพรรคพวกทั้งปวง จนยังแต่ตัวผู้เดียวมาพึ่งท่าน ก็เพราะโจโฉยกมาทำอันตราย กวนอู เตียวหุยน้องข้าพเจ้านั้นจะเป็นหรือตายประการใดก็ยังมิได้แจ้ง ซึ่งทหารหน้าแดงหนวดยาวนั้นจะมีแต่กวนอูผู้เดียวหรือ หรือผู้อื่นจะมีอยู่บ้างท่านจงพิเคาะห์ดูให้แน่ก่อน อ้วนเสี้ยวเป็นคนไม่ยั่งยืน ครั้นได้ฟังเล่าปี่ว่าดังนั้นก็กลับโกรธชีสิวว่า ตัวเป็นคนหาปัญญาไม่ แกล้งมาเจรจาจะให้เราฆ่าเล่าปี่เสีย แล้วอ้วนเสี้ยวก็ชวนเล่าปี่กินโต๊ะ คิดอ่านจะยกไปแก้แค้นโจโฉ
บุนทิวจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ทหารโจโฉฆ่างันเหลียงเสียนั้น ข้าพเจ้าจะขออาสาไปรบโจโฉ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้น เห็นว่าบุนทิวมีกำลังมาก สูงหกศอกหน้าดำดุจดังหมี แล้วฝีมือกล้าหาญพอจะสู้รบกับทหารโจโฉได้ จึงว่าซึ่งท่านรับอาสาครั้งนี้เรามีความยินดีนัก แล้วอ้วนเสี้ยวจึงเกณฑ์ทหารสิบหมื่น จัดแจงเรือรบจะให้บุนทิวยกข้ามแม่น้ำฮองโหไปรบกับโจโฉ ชีสิวจึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่าโจโฉเป็นคนมีความคิด ได้ชัยชนะก็มีใจกำเริบ ซึ่งท่านดูเบาให้บุนทิวยกข้ามแม่น้ำไปนั้น เกลือกโจโฉจะเกณฑ์ทหารมาคอยสกัดตีกลางทางก็จะเสียทีเปล่า อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงด่าชีสิวว่าอ้านคนหาปัญญาไม่ มันคิดอ่านแต่จะให้เราเสียการ ชีสิวมิได้ตอบประการใด จึงลุกออกไปภายนอกแล้วทอดใจใหญ่จึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า ผู้ซึ่งเป็นนายทัพนายกอง แม้คิดการได้ตลอด ทหารทั้งปวงก็ไม่เป็นอันตราย บัดนี้อ้วนเสี้ยวทำการสงครามดูหมิ่นโจโฉ เราเห็นการจะไม่ตลอด ช่วยว่ากล่าวตักเตือนก็มิได้เชื่อฟัง ท่านทั้งปวงจะเอาซากศพมาทิ้งไว้ตำบลนี้เป็นมั่นคง แต่วันนั้นมาชีสิวก็ทำเป็นป่วย มิได้คิดอ่านปรึกษาด้วยอ้วนเสี้ยว ในขณะนั้นอ้วนเสี้ยวก็เร่งจัดแจงให้บุนทิวยกไป
เล่าปี่จึงว่าแก่อ้วนเสี้ยวว่า ข้าพเจ้ามาอยู่กับท่านก็ได้ความสุข ท่านมีคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ข้าพเจ้าจะขออาสาไปกับบุนทิวจะได้แทนคุณท่าน ประการหนึ่งจะได้สืบดูให้เห็นว่า ทหารหน้าแดงหนวดยาวนั้นจะเป็นกวนอูหรือ หรือผู้ใดอ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าแก่บุนทิวว่า เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญาเราจะให้ไปกับท่าน จะได้ช่วยกันคิดอ่านทำสงครามกับโจโฉ บุนทิวจึงตอบว่าเล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญาก็จริง แต่กลัวฝีมือโจโฉอยู่ ซึ่งท่านจะให้เล่าปี่ไปกับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าจะแบ่งทหารสามหมื่นให้เล่าปี่ยกไปเป็นกองหลัง ครั้นได้ฤกษ์ดี บุนทิวก็ลาอ้วนเสี้ยวยกทหารเป็นกองหน้าข้ามแม่น้ำฮองโหไป แต่เล่าปี่ออกจากที่ยังมิได้ข้ามแม่น้ำ
ฝ่ายโจโฉครั้นได้ชัยชนะก็มีความยินดี จึงแต่งหนังสือเสนอความชอบกวนอูให้ทหารถือขึ้นไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้แจ้งดังนั้นก็ดีพระทัย จึงพระราชทานตราสำหรับที่ให้กวนอูเป็นหั้นสือแต่งเฮา แปลภาษาไทยว่า เป็นขุนนางผู้ใหญ่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทหารรับเอาตราสำหรับที่แล้ว ถวายบังคมลากลับไปหาโจโฉ โจโฉจึงเอาตรานั้นให้กวนอู พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกโจโฉว่า บัดนี้อ้วนเสี้ยวให้บุนทิวคุมทหารประมาณเก้าหมื่นสิบหมื่นยกข้ามแม่น้ำฮองโหมา
โจโฉได้ฟังดังนั้น ก็จัดแจงเอาทหารกองหลังยกมาเป็นกองหน้า เอาทหารกองหน้ามาเป็นกองหน้า แล้วให้คุมเอาเกวียนซึ่งบรรทุกเสบียงนั้นไปหน้าทหารทั้งปวง ลิยอยจึงว่าแก่โจโฉว่า เหตุไฉนมหาอุปราชจึงเอาเกวียนเสบียงอาหารมาไว้หน้าทหารทั้งปวง โจโฉจึงตอบว่า เรายกไปทำสงครามทุกครั้ง เอาเสบียงอาหารไว้ภายหลังมักเป็นอันตราย มาครั้งนี้เราจึงให้คุมเสบียงไปก่อน ลิยอยจึงว่าแม้พบกองทัพอ้วนเสี้ยวกลางทาง ทหารซึ่งคุมเสบียงไปนั้นไม่ชำนาญในการรบจะมิเสียเสบียงอาหารเสียหรือ โจโฉจึงว่าท่านอย่าวุ่นวายไปเลย ซึ่งจะได้จะเสียประการใด นานไปจึงจะเห็นความคิดเรา แล้วโจโฉก็รีบยกทัพไปถึงกลางทาง ทัพหน้าโจโฉพบทัพบุนทิว ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ กองลำเลียงโจโฉซึ่งคุมเสบียงไปนั้นไม่สันทัดในการสู้รบก็แตกกระจัดกระจายไป ทิ้งเสบียงอาหารเสียทหารบุนทิวได้เสบียงแลอาวุธเป็นอันมาก
ฝ่ายกองลำเลียงซึ่งแตกนั้นจึงเอาเนื้อความมาบอกโจโฉว่า ทหารบุนทิวตีเอาเสบียงไปได้ ครั้นจะรีบมาบอกท่านก็ไม่ทันที บัดนี้ทหารบุนทิวตีรุกลงมาโจโฉได้ฟังดังนั้นมิได้ตอบประการใด พอแลเห็นเนินเขาริมทาง จึงพาทหารทั้งปวงเข้าไปแอบเนินเขาอยู่ แล้วให้ทหารลงจากม้าถอดเกราะเสีย แต่ทหารที่ใกล้ตัวโจโฉนั้นให้ถืออาวุธไว้ แลทหารทั้งปวงเห็นกองทัพบุนทิวยกมาใกล้ก็ตกใจชวนกันวุ่นวายว่าจะถอยไปอยู่ ณ ค่ายแปะแบ๊
ซุนฮิวนั้นรู้อัชฌาสัยโจโฉ ครั้นเห็นทหารระส่ำระสายดังนั้น จึงห้ามทหารทั้งปวงว่าอย่าวุ่นวายไปเลย ครั้งนี้เราได้ทีอยู่แล้ว โจโฉได้ยินซุนฮิวว่าก็ชอบใจจึงหัวเราะแล้วพยักหน้าให้ซุนฮิว ฝ่ายทหารบุนทิว ครั้นยกมาเห็นกองทัพโจโฉอยู่ในเงื้อมเขามิได้ตั้งมั่น แลบุนทิวกับทหารทั้งปวงมีใจกำเริบ ก็เข้าตีชิงม้าอาวุธเรี่ยรายไม่เป็นกระบวนทัพ ฝ่ายโจโฉได้ทีแล้วก็ให้ทหารออกรบพุ่ง ล้อมบุนทิวกับทหารเลวไว้ บุนทิวนั้นรบพุ่งป้องกันเป็นสามารถ เห็นจะต้านทานมิได้ก็ขับม้าฝ่าทหารหนีออกจากที่ล้อมไปแต่ตัวผู้เดียว โจโฉอยู่บนเขาเห็นดังนั้นจึงร้องว่าบุนทิวเป็นทหารเอกของอ้วนเสี้ยวควบม้าหนีไปโน่นแล้ว ผู้ใดอาสาจะจับตัวให้เราได้
เตียวเลี้ยวกับซิหลงได้ฟังโจโฉว่าก็รับอาสา แล้วขับม้าไล่ตาม บุนทิวเหลียวมาเห็นทหารทั้งสองขับม้าตามมา บุนทิวก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกพู่หมวกเตียวเลี้ยวขาด เตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าไล่เข้าไปก่อนม้าซิหลง หวังจะจับบุนทิวให้ได้ บุนทิวซ้ำยิงเกาทัณฑ์มาอีกถูกหน้าผากเตียวเลี้ยวล้มลง บนทิวก็ชักม้ากลับมาจะเอาง้าวฟันเตียวเลี้ยว พอซิหลงขับม้ามาทันเอาง้าวรับง้าวบุนทิวไว้ได้ ซิหลงกับบุนทิวรบกันอยู่ได้สามสิบเพลง พอทหารบุนทิวที่ข้างหลังหนุนมาเป็นอันมากซิหลงเห็นจะเสียที ก็พาเตียวเลี้ยวถอยกลับมาหาโจโฉ บุนทิวก็คุมทหารไล่ไป
ฝ่ายกวนอูเห็นดังนั้น ก็ถือง้าวพาทหารสิบเอ็ดสิบสองคนออกสกัดหน้าบุนทิวไว้ แล้วร้องว่าอ้ายพวกศัตรูขับม้าหนีจะไปแห่งใด บุนทิวได้ยินดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าเข้ารบได้สามเพลง บุนทิวเห็นจะต้านทานมิได้ก็ชักม้าถอยหนีจะกลับไปหากองทัพเล่าปี่ กวนอูขับม้าเซ็กเธาว์ไล่ไปด้วยฝีเท้าอันเร็ว ถึงฝั่งงแม่น้ำฮองโห ทันม้าบุนทิวเข้า กวนอูจึงเอาง้าวฟันบุนทิวตกม้าตาย โจโฉอยู่บนเนินเขาแลเห็นดังนั้นก็ให้ทหารไล่ฆ่าฟันทหารบุนทิวล้มตายเป็นอันมาก ทหารซึ่งเหลือนั้นก็แตกกระจัดกระจาย เสบียงแลอาวุธซึ่งเสียไปนั้นก็ได้คืนมาสิ้น
ฝ่ายเล่าปี่ยกทหารสามหมื่นหนุนมา ยังมิทันข้ามแม่น้ำ ไปพบทหารซึ่งแตกมานั้นบอกเนื้อความว่า บัดนี้มีทหารหน้าแดงหนวดยาวคนนั้นมาฆ่าบุนทิวเสียอีก เล่าปี่รู้ดังนั้นก็ตกใจ จึงขับม้ารีบไปถึงชายป่า แลไปฟากโน้นเห็นทหารโจโฉเป็นอันมาก มิได้เห็นตัวกวนอู เห็นแต่ธงแดงเขียนอักษรชื่อกวนอู เล่าปี่มีความยินดี จึงคิดแต่ในใจว่า กวนอูน้องเรายังอยู่ ครั้นจะคอยให้เห็นตัวกวนอูพอทหารโจโฉลงเรือข้ามมา เล่าปี่ก็ตกใจจึงพาทหารถอยกลับมา
ฝ่ายทหารบุนทิวซึ่งแตกมานั้น ก็เอาเนื้อความมาบอกกัวเต๋ากับสิมโพยว่าทหารโจโฉซึ่งหน้าแดงหนวดยาวชื่อกวนอู มาฆ่าบุนทิวเสียอีก กัวเต๋า สิมโพยได้ฟังดังนั้น ก็เอาเนื้อความไปแจ้งแก่อ้วนเสี้ยวทุกประการ อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าอ้ายเล่าปี่หูยาวมันแกล้งให้น้องมันมาฆ่าทหารเอกกูเสียถึงสองคนพอเห็นเล่าปี่เดินเข้ามา อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้เอาตัวเล่าปี่ไปฆ่าเสีย
เล่าปี่จึงถามว่า โทษข้าพเจ้ามีผิดสิ่งใด ท่านจึงจะเอาข้าพเจ้าไปฆ่าเสียดังนี้ อ้วนเสี้ยวจึงตอบว่า ครั้งก่อนเราก็ยกโทษเสียทีหนึ่งแล้ว บัดนี้ตัวแกล้งให้น้องของตัวมาฆ่าทหารเอกเราอีกเล่า เหตุใดตัวจึงว่าไม่มีโทษ เล่าปี่จึงว่าถึงกระนั้นก็ดี ขอให้ข้าพเจ้าแจ้งเนื้อความแก่ท่านสักข้อหนึ่งก่อน ถึงจะฆ่าเสียก็ตามเถิดแล้วว่าแต่ก่อนนั้นโจโฉมีใจรังเกียจข้าพเจ้าเป็นอันมาก คิดจะฆ่าข้าพเจ้าเสีย บัดนี้รู้ว่าข้าพเจ้ามาพำนักอาศัยอยู่กับท่าน จะเป็นกำลังคิดการสืบไป จึงแกล้งใช้กวนอูมาให้ฆ่าทหารท่านเสีย ถ้าท่านแจ้งก็จะโกรธข้าพเจ้า อุปมาเหมือนโจโฉยืมมือท่านให้ฆ่าข้าพเจ้าเสีย กวนอูเห็นจะไม่รู้ว่าข้าพเจ้ามาอยู่กับท่าน จึงอาสาโจโฉมาฆ่าทหารท่านเสีย ถ้าข้าพเจ้ามีหนังสือไปถึง กวนอูรู้แล้วก็จะมาหาข้าพเจ้าได้เป็นกำลังท่านสืบไป ซึ่งท่านเสียทหารสองคนนั้น อุปมาเหมือนหนึ่งเสียเนื้องสองตัว ถ้าท่านได้กวนอูมาไว้เหมือนหนึ่งเสือ เห็นจะดีกว่าเนื้อสองตัวอีก
อ้วนเสี้ยวได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าแก่สิมโพย กัวเต๋าว่าตัวทั้งสองนี้คิดอ่านยุยงจะให้เราฆ่าเล่าปี่ ซึ่งมีสติปัญญาสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินเสีย คนทั้งปวงรู้ไปก็จะครหานินทาเรา แล้วขับสิมโพย กัวเต๋าเสีย จึงเชิญเล่าปี่มานั่งแล้วว่า ถ้าเราได้กวนอูมาไว้ก็จะดีกว่างันเหลียง บุนทิวสิบส่วนอีก เล่าปี่จึงแต่งหนังสือซึ่งจะให้ไปถึงกวนอูแล้วส่งให้อ้วนเสี้ยวดู อ้วนเสี้ยวก็รับหนังสือมาอ่านดูแล้วจัดผู้ซึ่งจะถือหนังสือไปให้กวนอูนั้นยังไม่มีผู้ใดจะรับอาสาก่อน อ้วนเสี้ยวจึงให้ถอยกลับลงมาตั้งอยู่ตำบลบูเอี๋ยง นายกองทหารตั้งค่ายรายกันลงไปทางประมาณห้าร้อยเส้น ให้รักษาค่ายม่นอยู่มิได้ยกไปรบพุ่งโจโฉ
ฝ่ายโจโฉก็ให้ตั้งค่ายอยู่ตำบลกัวต่อ ครั้นอ้วนเสี้ยวไม่ยกมารบพุ่งก็ให้แฮหัวตุ้นคุมทหารอยู่รักษาค่าย แล้วโจโฉก็พากวนอูยกกองทัพกลับมาเมืองฮูโต๋แล้วให้แต่งโต๊ะเลี้ยงกวนอูแลทหารทั้งปวง โจโฉจึงว่าแก่ลิยอยว่า ซึ่งเราให้กองลำเลียงขึ้นไปเป็นกองหน้านั้น ท่านมิได้ล่วงรู้เราคิดกลศึก จึงว่ากล่าวทัดทานเรา แต่ซุนฮิวนั้นรู้ความคิดเราผู้เดียว ทหารทั้งปวงซึ่งกินโต๊ะอยู่ได้ฟังดังนั้นก็สรรเสริญโจโฉว่ามีสติปัญญาคิดกลศึกหาผู้เสมอมิได้
ขณะนั้นพอม้าใช้ถือหนังสือบอกมาแจ้งข้อราชการแก่โจโฉว่า โจหองซึ่งให้รักษาเมืองยีหลำบอกมาว่า มีนายโจรสองคนชื่อเล่าเพ็กหนึ่ง ก๋งเต๋าหนึ่งคุมพวกเพื่อนมาเป็นอันมากเที่ยวทำร้ายแก่ราษฎรในหัวเมืองยีหลำ โจหองคุมทหารไปรบเป็นหลายครั้ง เห็นเหลือกำลังนักจึงบอกขอกองทัพเข้ามาให้ยกไปช่วย กวนอูรู้เหตุดังนั้นจึงว่าแก่โจโฉว่าซึ่งพวกโจรทำหยาบช้าดังนี้ ข้าพเจ้าจะขออาสาไปปราบปรามให้ราบคาบจงได้ โจโฉจึงว่าท่านไปทำสงครามมีความชอบ เหนื่อยมายังมิได้ปูนบำเหน็จ ซึ่งท่านจะอาสาไปปราบโจรนั้นยังไม่ควร กวนอูจึงตอบว่าข้าพเจ้านี้ถ้างดอยู่มิได้ทำการศึกก็มักให้ป่วยเจ็บ มหาอุปราชจงเมตตาปล่อยให้ข้าพเจ้าไปทำการศึกเถิดจึงจะมีความสบาย โจโฉได้ฟังดังนั้นจึงว่าท่านจะไปทำการศึกก็ตามใจ ซึ่งเราว่านี้เพราะมีความปรานี แล้วโจโฉก็เกณฑ์ทหารห้าหมื่นให้อิกิ๋มกับงักจิ้นไปด้วย กวนอู อิกิ๋ม งักจิ้นก็ลาโจโฉคุมทหารยกออกจากเมืองฮูโต๋
ซุนฮกจึงเข้าไปว่าแก่โจโฉว่า ซึ่งท่านใช้ให้กวนอูไปทัพครั้งนี้ข้าพเจ้าเห็นว่า กวนอูจะสืบเสาะฟังข่าวเล่าปี่ ถ้ารู้ว่าเล่าปี่อยู่แห่งใดกวนอูก็จะไปหา โจโฉจึงตอบว่า เมื่อเราได้ให้ไปแล้ว ครั้นจะคืนคำให้หากลับมาก็ไม่ควร สืบไปเรามิให้กวนอูไปทัพอีก
ฝ่ายกวนอูยกกองทัพไปถึงแดนเมืองยีหลำก็ให้ตั้งค่ายมั่นอยู่ ครั้นเวลากลางคืนกองตระเวนจันได้เชลยสองคน คุมเอาตัวมาให้แก่กวนอู กวนอูเห็นซุนเขียนจึงคิดแต่ในใจว่า ซุนเขียนอยู่ที่ไหนเขาจึงจับตัวมาได้ กวนอูจึงขับคนทั้งปวงให้ออกไปอยู่ข้างนอก แล้วถามซุนเขียนว่า ตั้งแต่เราแตกโจโฉครั้งนั้นต่างคนต่างพลัดกันไป บัดนี้ท่านมาอยู่แห่งใดเขาจึงจับมาได้
ซุนเขียนจึงบอกว่า เมื่อข้าพเจ้าแตกมานั้นพลัดกันกับเล่าปี่ ข้าพเจ้ามาอาศัยอยู่ด้วยเล่าเพ็ก ณ เมืองยีหลำ แล้วซุนเขียนจึงถามกวนอูว่า เหตุใดท่านจึงไปอยู่กับโจโฉ แลพี่สะใภ้ของท่านทั้งสองนั้นยังปรกติอยู่หรือ กวนอูจึงเอาเนื้อความแต่หลังเล่าให้ซุนเขียนฟังทุกประการ ซุนเขียนจึงบอกแก่กวนอูว่า ข้าพเจ้าได้ยินกิตติศัพท์ว่า เล่าปี่ไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว ซึ่งข้าพเจ้ามาอยู่กับเล่าเพ็กนี้ ข้าพเจ้าก็ได้ว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเล่าเพ็ง ก๋งเต๋า ก็ยอมจะเข้าอยู่กับเล่าปี่ จะช่วยคิดการกำจัดโจโฉเสียให้จงได้ บัดนี้เล่าเพ็กรู้ข่าวว่าท่านยกทัพมาจึงให้ทหารคนนี้นำทางมา หวังจะให้ข้าพเจ้าแจ้งเนื้อความแก่ท่านว่า เวลาพรุ่งนี้เล่าเพ็กกับก๋งเต๋าจะยกมารบแล้วจะทำเป็นเสียทีถอยไป ให้ท่านมีความชอบไว้แก่โจโฉ แล้วจะให้พาพี่สะใภ้ทั้งสองไปหาเล่าปี่ ณ เมืองกิจิ๋ว
กวนอูได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงว่าบัดนี้เรารู้ข่าวเล่าปี่แล้ว ก็จะพาพี่สะใภ้ทั้งสองไปหาเล่าปี่ ถึงอ้วนเสี้ยวรู้ว่าเราฆ่าทหารทั้งสองเสีย จะฆ่าชีวิตเราเสียก็ตามเถิด ขอแต่ให้เห็นหน้าพี่เราก่อน เมื่อเรามีชัยชนะแก่เล่าเพ็กแล้ว เราจะกลับเข้าไปเมืองฮูโต๋ จะลาโจโฉแล้วจึงจะพาพี่สะใภ้เราไปหาเล่าปี่ ซุนเขียนจึงว่าข้าพเจ้าจะไปหาเล่าปี่ก่อน ฟังกิตติศัพท์ดูว่า อ้วนเสี้ยวจะโกรธท่านหรือประการใด ถ้าได้ข่าวดีแลร้ายแล้ว ข้าพเจ้าจะรีบกลับมาบอกท่าน กวนอูได้ฟังก็มีความยินดีนัก เวลาประมาณสามยามจึงให้ทหารที่สนิทนั้น ลอบส่งซุนเขียนกับทหารคนหนึ่งนั้นออกไปจากค่าย ครั้นเวลารุ่งเช้ากวนอูจึงจัดแจงทหารยกไปจะรบกับพวกโจร
ฝ่ายก๋งเต๋าครั้นรู้ว่ากวนอูยกมาก็คุมทหารยกออกไป กวนอูเห็นดังนั้นก็ขับม้าขึ้นไปหน้าทหารทั้งปวง แล้วแกล้งร้องว่าแก่ก๋งเต๋าว่า เหตุใดตัวจึงคบพวกเพื่อนเป็นโจร คิดการขบถต่อแผ่นดิน ก๋งเต๋าจึงตอบว่าเราจะได้เป็นขบถต่อแผ่นดินนั้นหามิได้ ตัวท่านอีกเป็นคนไม่รู้จักคุณนาย บัดนี้เล่าปี่นายของตัวไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว เหตุใดตัวจึงมาทำราชการเข้าด้วยโจโฉ ตัวจะเป็นขบถต่อเล่าปี่หรือ กวนอูมิได้ตอบประการใด ก็ขับม้าเข้ารบกับก๋งเต๋าได้ห้าเพลง ก๋งเต๋าทำชักม้าหนี กวนอูขับม้าไล่ไป ก๋งเต๋าเห็นกวนอูไล่เกินทหารทั้งปวงเข้ามาจึงรอม้าไว้ แล้วเหลียวมาว่าแก่กวนอูว่า เมืองยีหลำซึ่งอยู่ในเงื้อมมือเรานี้เราจะยกให้แก่ท่าน แต่ท่านอย่าลืมคุณเล่าปี่
กวนอูได้ยินก๋งเต๋าว่าต้องคำกันกับซุนเขียน จึงแกล้งควบม้าไล่เข้าไปในหมู่ทหารก๋งเต๋า ก๋งเต๋าก็พาเล่าเพ็กแลทหารทั้งปวงหนีไป แลหัวเมืองทั้งปวงบรรดาขึ้นแก่เมืองยีหลำ ซึ่งเล่าเพ็กกับก๋งเต๋าตีได้นั้น กวนอูก็ปราบปรามให้ราบคาบเหมือนแต่ก่อน แล้วกวนอูยกกลับไปแจ้งเนื้อความแก่โจโฉว่าปราบปรามโจรแล้ว โจโฉมีความยินดีชวนให้กวนอูกินโต๊ะ แล้วก็เลี้ยงดูปูนบำเหน็จทหารตามสมควร
กวนอูก็ลาโจโฉมาที่อยู่ จึงเข้าไปคำนับพี่สะใภ้ถึงริมประตู แล้วบอกเนื้อความทุกประการ นางกำฮูหยินจึงถามว่า เจ้าไปทำศึกถึงสองครั้งยังรู้ข่าวเล่าปี่บ้างหรือไม่ กวนอูได้ยินพี่สะใภ้ถามดังนั้น ครั้นจะบอกโดยจริงเกรงเนื้อความจะฟุ้งซ่านไป จึงตอบว่าข้าพเจ้าเอาใจใส่ฟังกิตติศัพท์อยู่ แต่ยังไม่แจ้งว่าเล่าปี่อยู่แห่งใด แล้วกวนอูก็ลาพี่สะใภ้กลับมา นางกำฮูหยิน นางบิฮูหยินได้ฟังกวนอูว่าดังนั้นก็คิดสงสัย จึงปรึกษากันว่า ชะรอยเล่าปี่ตายแล้ว กวนอูกลัวเราจะเศร้าโศกจึงแกล้งพรางเสีย มิได้บอกความจริง แล้วก็กอดคอกันร้องไห้
ขณะนั้นทหารเก่าของเล่าปี่ซึ่งไปทัพกับกวนอู ได้ยินภรรยาเล่าปี่ร้องไห้ดังนั้นจึงเข้าไปริมประตูแล้วบอกว่า ท่านทั้งสองอย่าทุกข์ร้อนเลย เล่าปี่นายข้าพเจ้านั้นหาอันตรายมิได้ บัดนี้ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวเจ้าเมืองกิจิ๋ว นางกำฮูหยิน นางบิฮูหยินได้ยินดังนั้นก็ค่อยคลายใจจึงถามว่า เหตุใดตัวจึงรู้เนื้อความทั้งนี้ ทหารคนนั้นจึงบอกว่า ข้าพเจ้าไปทัพกับกวนอู มีผู้มาบอกว่าเล่าปี่ไปอยู่กับอ้วนเสี้ยว
นางกำฮูหยินจึงให้หากวนอูมาแล้วว่า ท่านอยู่กับเล่าปี่ เล่าปี่ก็มิได้ทำสิ่งใดให้ท่านขัดเคือง บัดนี้ท่านมาอยู่กับโจโฉ โจโฉเลี้ยงดูท่านถึงขนาด ท่านมีความสุขแล้วหรือจึงลืมเล่าปี่เสีย จึงไม่เอาเนื้อความมาบอกแก่เราโดยจริง กวนอูตกใจจึงคุกเข่าลงคำนับแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าจะได้คิดประทุษร้ายต่อเล่าปี่นั้นหามิได้ ครั้นข้าพเจ้าจะบอกเนื้อความโดยจริงนั้นเกรงคนทั้งปวงจะรู้ แล้วจะแจ้งไปถึงโจโฉ โจโฉก็จะคิดอ่านป้องกันไว้มิให้ไปหาเล่าปี่โดยสะดวก ข้าพเจ้าจึงยังมิได้บอก นางกำฮูหยินจึงว่า ถ้าเจ้าคิดถึงเล่าปี่อยู่ก็ให้เจ้ามีชัยชนะแก่ศัตรูทุกทิศเถิด บัดนี้รู้ข่าวแล้วจงเร่งคิดอ่านการซึ่งจะไปหาเล่าปี่จงเร็ว กวนอูก็ลาพี่สะใภ้มา ตั้งแต่คิดอ่านมิได้เป็นกินเป็นนอน
Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)
ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ
ขอบคุณ มาก ๆ ครับ รอตอนใหม่อีกนะครับ
ตอบลบ