วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เดอะ บีเทิลส์ ตำนานแอปเปิลตัวจริง

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          ไม่มีใครในโลกนี้ไม่รู้จัก เดอะ ลีเทิลส์ (The Beatles) หรือ  4 เต่าทอง เจ้าของเพลงฮิตอมตะตลอดกาลมากมายจากเมืองลิเวอร์พูล ไม่มีใครไม่เคยฟังเพลงของพวกเขา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า พวกเขายังเป็นผู้ให้กำเนิดบริษัท แอปเปิล เจ้าของไอโฟนและไอแพดที่โด่งดังในยุคนี้อีกด้วย
          หลังจากมีคนพบศพของไบรอัน เอ็ปสไตน์ ผู้จัดการของวงเดอะ บีเทิลส์ ที่แฟลตของเขาเอง เนื่องจากการเสพยาเกินขนาด ทุกคนในวงต่างก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องจัดการเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจทั้งหมดด้วยตัวเอง พอลแมกคาร์ทนีย์ เป็นผู้รับหน้าที่นี้ไป เขาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แอปเปิลขึ้น โดยมีสมาชิกเอะ บีเทิลส์ทั้ง 4 คนเป็นหุ้นส่วน แต่เนื่องจากความยิ่งใหญ่ของวงทำให้บริษัทแอปเปิลต้องแตกไลน์ ขยายสาขาไปมากมายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ก็เกิดบริษัทลูกในนาม แอปเปิล บูติก, แอปเปิล ฟิล์ม, แอปเปิล พับบลิชชิ่ง, แอปเปิล เรกคอร์ดส์, แอปเปิล อิเล็กทรอนิกส์, แอปเปิล คอมพิวเตอร์ และแอปเปิล รีเทล
          แต่ก็เป็นไปตามคาด ศิลปินกับธุรกิจมักไปด้วยกันไม่ค่อยได้ หลังเดอะ บีเทิลส์วงแตก แอปเปิลก็ประสบปัญหาขาดทุนสะสม พอล แมกคาร์ทนีย์ลาออกจากการเป็นผู้จัดการ อัลเลน คลน์ก็เข้ามาทำหน้าที่แทน ช่วงเวลานั้นเองที่ 2 เด็กหนุ่มอัจฉริยะจากแคลิฟอร์เนียเข้ามามีบทบาทในแอปเปิลคอมพิวเตอร์ นั่นก็คือ สตีฟ จ๊อบส์ และสตีฟ วอชเนียก พวกเขาทั้งคู่ให้กำเนิดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ชื่อ แอปเปิล 2 กลายเป็นต้นกำเนิดแห่งตำนานผลิตภัณฑ์แอปเปิล อย่างไอโฟนในปัจจุบัน

ใส่หมวก จูบภรรยา นำไทยสู่มหาอำนาจ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          ยุคหนึ่ง รัฐบาลไทยต้องการให้ประเทศชาติพัฒนาทัดเทียมมหาอำนาจ จึงรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยใช้ชีวิตเยี่ยงฝรั่ง ด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้

- ห้ามนุ่งโจงกระเบน ผู้ชายต้องใส่กางเกง ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรง
- ออกจากบ้านทุกครั้ง  ทุกคนต้องใส่รองเท้าและสวมหมวก
- ห้ามเคี้ยวหมาก (มีการฟันต้นหมากทิ้งทั่วประเทศ)
- ชื่อของทุกคนต้องบ่งบอกเพศได้ เป็นที่มาว่าทำไมชื่อสมชาย จึงเป็นที่นิยมนัก
- ตัดความซับซ้อนของภาษาไทยออกไป สรรพนามทั้งหลายให้เหลือแค่ "ฉัน" กับ "ท่าน" เท่านั้น ท้ายประโยคก็ให้พูดว่า "จ๊ะ" แทน "ครับ" และ "ค่ะ" เพื่อความเป็นอารยะ เช่น ถ้าหนังเรื่องต้มยำกุง ถูกถ่ายทำในยุคนั้น จา พนม ก็ต้องพูดว่า "ช้างฉันอยู่ไหนจ๊ะ"
- ให้จูบภรรยาทุกครั้งก่อนไปทำงาน
- ควรกินก๋วยเตี๋ยว และให้ข้าราชการไทยขายก๋วนเตี๋ยว เพราะก๋วยเตี๋ยวนั้นมีรสอร่อย

เทพนิยายต้นฉบับ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          เชื่อหรือไม่ว่าต้นฉบับเทพนิยายเด็กน้อยที่เราเคยอ่านไม่ได้จบลงสวยงามมีความสุขอย่างที่เราคิด ต่อไปนี้คือเรื่องเล่าย่อๆ พอหวาดเสียวจากต้นฉบับเทพนิยายของจริง

          เจ้าหญิงนิทรา - เรื่องของเจ้าหญิงที่ถูกเข็มปั่นด้ายปักเข้าที่นิ้วจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา (ไม่รู้ปักเอาท่าไหน) วันหนึ่งมีเจ้าชายผ่านมาเห็นเข้า จึงทำการ xxxx เจ้าหญิงจนตั้งท้องและคลอดเด็กแฝดออกมาคู่หนึ่ง เด็กคู่นี้หิวนม จึงตรงเข้าไปดูดนิ้วเจ้าหญิง ทำให้เข็มที่ปักนิ้วหลุด แล้วเจ้าหญิงก็ฟื้นขึ้นมา

          หนูน้อยหมวกแดง - หนูน้อยคนนี้ไปเยี่ยมคุณยายที่กำลังป่วย แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็พบคุณยายกลายเป็นอาหารของหมาป่าไปแล้ว แต่หมาป่าก็ไม่ได้แกล้งปลอมตัวเป็นคุณยายหรอกนะ มันกระโดเข้างับหนูน้อยหมวกแดงเลือดสาด เคี้ยวหมับๆ เป็นของหวานตบท้าย เรื่องจบลงแค่นี้ ไม่มีนายพรานมาช่วยหรอก...

ระเบิดปรมาณู เกือบไม่ใช่นางาซากิ

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          เช้าวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ชาวเมืองโคคุระรู้สึกได้ถึงลางร้ายที่กำลังมาเยือน เงาเมฆดำทะมึนปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง เมื่อ 3 วันก่อน เมืองฮิโรชิมาเพิ่งถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองจากระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก แต่ทว่าญี่ปุ่นยังไม่ประกาศยอมแพ้สงคราม เป้าหมายต่อไปของระเบิดปิศาจลูกที่ 2 ย่อมหนีไม่พ้นเมืองโคคุระ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาวุธสงครามของกองทัพญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ที่มาของแกงการู

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

          สมัยที่กัปตันเจมส์ คุก และนักธรรมชาติวิทยา เซอร์ โจเซฟ แบงกส์ เดินทางไปสำรวจกินแดนออสเตรเลียที่เพิ่งถูกค้นพบใหม่ (ในทรรศนะของชาวตะวันตก) พวกเขาเหลือบไปเห็นสัตว์ประหลาดที่มีกระเป๋าหน้าท้อง กระโดดโหยงเหยงไปมา ด้วยความประหลาดใจ จึงสะกิดถามชาวพื้นเมืองด้วยความใคร่รู้ว่า มันคือตัวอะไร ชาวอะบอริจินพื้นเมืองก็หันมาตอบทันใดว่า "แกงการู" นับแต่นั้นมา แกงการู (หรือที่คนไทยเรียกว่าจิงโจ้) ก็กลายเป็นที่รู้จักของชาวตะวันตกและชาวโลก
          แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว คำว่า "แกงการู" เป็นภาษาของชาวอะบอริจิน แปลว่า "พูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ" ชาวอะบอริจินฟังภาษาอังกฤษไม่ออกนั่นเอง

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 9)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ขงเบ้งจึงตอบว่า อันแผ่นดินเกิดจลาจลตราบเท่าทุกวันนี้ก็เพราะตั๋งโต๊ะนั้นเป็นต้น ฝ่ายโจโฉเล่า ที่ซ่องสุมทหารทั้งปวงแล้วยกไปกำจัดอ้วนเสี้ยวได้นั้นใช่ว่าจะสำเร็จด้วยกำลังทหารมากก็หาไม่ ทหารโจโฉน้อยกว่าทหารอ้วนเสี้ยวอีก แลอาจสามารถทำการใหญ่หลวงสำเร็จได้ทั้งนี้ก็เพราะปัญญาแลความคิดของตัวถึงมาตรว่าโจโฉเป็นคนชั่ว มิได้มีความกตัญญูต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ คิดอ่านทำการหยาบช้าถึงเพียงนี้แล้วก็ดี ก็ยากที่จะกำจัดโจโฉได้โดยง่าย

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 8)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านอุตส่าห์พยายามมาหาขงเบ้งก็มิพบ จะอยู่ช้าไปไยเล่า เวลาก็เย็นลงจวนฝนจะตกพายุพัดหนาวหนัก จงรีบกลับไปเถิด เล่าปี่จึงว่ากับเตียวหุยว่า เรามายังมิทันเจรจาได้สักสองคำเลย ท่านมาด่วนรบให้รีบกลับไปจะประโยชน์สิ่งใด แล้วจึงถามจูกัดกิ๋นว่า เราได้ยินเขาเลื่องลือว่าพี่ท่านมีสติปัญญา ร่ำเรียนวิชารู้หลักแหลมเป็นอันมาก ตัวท่านเป็นน้องยังแจ้งว่าทุกวันนี้ยังเรียนสิ่งใดอยู่ จูกัดกิ๋นจึงว่า พี่ข้าพเจ้ามีสติปัญญาก็จริงอยู่ แต่ซึ่งจะร่ำเรียนวิชาสิ่งใดนั้น ข้าพเจ้าหาล่วงรู้ไม่

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 7)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่า กวนอู เตียวหุยก็ขึ้นม้าพากันไป ณ เมืองซินเอี๋ย อยู่สี่ห้าวันเล่าปี่จึงแต่งให้คนใช้ไปซับซาบดูขงเบ้ง ครั้นคนใช้กลับาบอกว่าขงเบ้งกลับมาที่อยู่แล้ว เล่าปี่จึงจัดแจงสิ่งของจะไปหาขงเบ้ง เตียวหุยจึงว่าท่านจะมาหลงนับถือว่าขงเบ้งเป็นคนมีสติปัญญา จะอุตส่าห์ทรมานกายไปหาให้ลำบากนั้นหาต้องการไม่ จะนับถืออะไรกับขงเบ้งเป็นคนบ้านนอก ข้าพเจ้าจะให้แต่ทหารไปเอามาก็จะได้ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ขงเบ้งเป็นคนมีสติปัญญา เหตุใดท่านมาประมาทหยาบช้าดังนี้ ว่าแล้วก็ขึ้นม้าออกไปกับคนใช้ กวนอู เตียวหุยเห็นดังนั้นก็ขึ้นม้าตามออกไปทางประมาณสามสิบเส้น พอน้ำค้างตกลงหนาวเป็นกำลัง เตียวหุยจึงว่าเทศกาลนี้เป็นฤดูหนาว อันยามหนาวเช่นนี้แม้จะคิดอ่านทำการสงครามเอาบ้านเมืองนั้นก็ยังต้องงดไว้ ควรแล้วหรือมานับถือขงเบ้งซึ่งเป็นชาวบ้านนอกนี้หาเป็นประโยชน์ไม่ ขอท่านกลับไปเมืองก่อนเถิด

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 6)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ลงจากม้าเดินเข้าไปถึงประตูบ้าน เล่าปี่จึงพิเคราะห์ดูภูมิฐานบ้านเรือนเห็นสะอาดสะอ้านชอบมาพากล แม้เทศกาลร้อนก็มิได้ร้อน เพราะลมพัดมาได้ เมื่อถึงฤดูฝนก็เป็นที่ร่มปิดหยาดฝนมิได้ถูกต้อง หน้าฤดูหนาวก็มิได้เย็นด้วยละอองน้ำค้าง สมควรเป็นที่อยู่ผู้มีสติปัญญาจริง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งมีความยินดีเป็นอันมาก แล้วก็เดินเข้าไปถึงประตูเรือนเด็กน้อยคนใช้จึงถามว่า ท่านชื่อใดมาแต่ไหน เล่าปี่จึงบอกว่าเราชื่อ ห้วนจงกุ๋นยี่เซงเตงเฮาเล่าปี่ เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาคำนับอาจารย์ของท่าน เด็กนั้นจึงบอกว่า ท่านบอกชื่อมากนักเราจำมิได้ เล่าปี่จึงว่า ถ้าจำชื่อเรามิได้ จงเข้าไปบอกแก่อาจารย์ว่าแต่เล่าปี่มาหาเถิด เด็กนั้นจึงว่า บัดนี้อาจารย์ข้าพเจ้าไม่อยู่ จะไปตำบลใดมิได้แจ้ง เล่าปี่จึงว่าเมื่อไรจะกลับมาเล่า เด็กนั้นจึงบอกว่า อันอาจารย์ข้าพเจ้าไปนี้จะกำหนดว่ามาช้าแลเร็วนั้นไม่ได้ บางทีสามวันบ้าง ห้าวันบ้างสิบวันบ้างจึงจะกลับมา

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 5)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ครั้นส่งชีซีไปแล้ว กลับเข้ามาถึงเมืองก็จัดแจงสิ่งของซึ่งจะไปหาขงเบ้ง พอนายประตูเข้ามาบอกว่า บัดนี้อาจารย์ผู้หนึ่งเป็นคนผู้ใหญ่รูปร่างงาม แต่งตัวเป็นคนสุภาพมาหาท่าน เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่าขงเบ้งมาก็ดีใจ จึงขมีขมันออกมารับ ก็เห็นสุมาเต๊กโช เล่าปี่มีความยินดีหาที่สุดมิได้ จึงเชิญเข้าไปนั่งแล้วคำนับว่า แต่ข้าพเจ้ามาจากท่านวันนั้น ก็มีใจรำลึกถึงอยู่คิดจะไปเยือน ท่านมาบัดนี้มีกิจธุระสิ่งใดหรือ สุมาเต๊กโชจึงบอกว่า เรามาบัดนี้จะมีธุระก็หาไม่ ด้วยรู้ว่าชีซีมาทำราชการอยู่ด้วยท่าน มีใจรำลึกถึงก็มาเยือน เล่าปี่จึงบอกเนื้อความซึ่งชีซีจากไปนั้นให้สุมาเต๊กโชฟังทุกประการ

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 4)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ได้ฟังถ้อยคำชีซีบอกต้องกันกับคำสุมาเต๊กโช ก็มีความยินดีสว่างในอารมณ์ ดุจหนึ่งบุคคลหลับตาอยู่แลลืมขึ้น ก็พาทหารทั้งปวงกลับมาเมืองซินเอี๋ย ฝ่ายชีซีลาเล่าปี่ไปแล้ว คิดถึงคุณเล่าปี่ซึ่งเอ็นดูกรุณาแล้วคิดวิตกว่าเล่าปี่จะไปเชิญขงเบ้ง ขงเบ้งจะไม่มาทำราชการด้วย จึงควบม้าแวะไปเขาโงลังกั๋งเข้าไปคำนับขงเบ้ง ขงเบ้งจึงถามว่าท่านมาด้วยธุระสิ่งใด ชีซีจึงบอกความหลังให้ฟังทุกประการ แล้วว่าเมื่อข้าพเจ้าลาเล่าปี่มานั้นได้บอกไว้ว่าท่านเป็นคนมีสติปัญญาอยู่ในที่นี่ เล่าปี่มีความยินดีนัก แม้เล่าปี่จะมาเชิญท่าน ท่านอย่าได้บิดพลิ้ว จงไปช่วยเล่าปี่คิดอ่านปราบปรามแผ่นดินให้ราบคาบเป็นสุขด้วย อย่าให้เสียทีซึ่งได้เรียนความรู้นั้นไว้เลย ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่าแก่ชีซีว่า ท่านจะไปจากเล่าปี่นั้นไม่มีสิ่งใดจะให้แก่เล่าปี่หรือ จึงจะมาเอาเราไปเป็นเครื่องเซ่น ขงเบ้งว่าเท่านั้นกล้วก็กอดมือกลับเข้าไปในเรือน ชีซีเห็นขงเบ้งขัดเคืองคิดละอายใจก็ขึ้นม้ารีบไปยังเมืองฮูโต๋

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 3)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นเวลารุ่งเช้าเลาปี่ก็ให้ไปเชิญชีซีมากินโต๊ะ ขณะเมื่อชีซีหยิบจากสาขึ้นจะดื่มนั้นจึงว่ากับเล่าปี่ว่า ข้าพเจ้ารู้ว่าโจโฉจับมารดาไปทำโทษจองจำไว้ฉะนี้หัวใจข้าพเจ้ารอ้นดุจเพลิงสุมอยู่ในอก ถึงมาตรว่าท่านจะเอาของอันมีโอชารสมาให้กินก็มิลงคอเลย เล่าปี่ถึงตอบว่า อันท่านทุกข์ถึงมารดาก็เป็นประเพณีอยู่แล้ว แต่ทุกข์ของเราซึ่งท่านจะจากไปบัดนี้ก็ร้อนอยู่ในอกเหมือนกัน ถึงจะเอาตับหงส์แลตับมังกรอันมีรสดุจหนึ่งว่าเป็นทิพย์นั้นมากิน ก็หารู้จักว่าเป็นรสอันใดไม่

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 2)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


อยู่มาวันหนึ่งเทียหยกจึงไปเยียนมารดาชีซีแล้วบอกว่า บุตรท่านกับข้าพเจ้าก็เป็นมิตรรักใคร่กันมาแต่ก่อน ท่านเป็นมารดาของชีซีก็เหมือนเป็นมารดาของข้าพเจ้า มารดาชีซีได้ฟังดังนั้นก็สำคัญว่าจริงมีความยินดีนัก ตั้งแต่วันนั้นมาเทียหยกก็ได้เอาของไปให้เนืองๆ แล้วเขียนหนังสือไปคำนับทุกครั้ง มารดาชีซีก็เขียนหนังสือรับคำนับตามประเพณีตอบไปทุกที ครั้นเทียหยกได้หนังสือดังนั้นก็หัดเขียนให้ชำนาญเหมือนลายมือมารดาชีซีแล้ว จึงเขียนหนังสือฉบับหนึ่งเป็นใจความว่า เราผู้เป็นมารดาบอกมาถึงชีซีผู้บุตรให้รู้ ด้วยชีของผู้น้องเจ้านั้นถึงแก่ความตายแล้ว ตัวแม่เป็นคนชราหาผู้ใดจะเลี้ยงรักษาพยาบาลมิได้ โจโฉจับเอาแม่มาทำโทษแล้วจะให้เอาไปฆ่าเสีย เพราะเหตุเจ้ามาอยู่ด้วยเล่าปี่คิดจะทำร้ายโจโฉ หากเทียหยกเมตตาแม่เห็นว่าเป็นคนชรา ช่วยว่ากล่าวให้งดไว้จึงมิตาย แม้ว่าเจ้ามีความกตัญญูเอ็นดูแม่มาหาโจโฉแล้ว ชีวิตแม่ก็จะไม่มีอันตราย แม้เจ้าไม่อาลัยถึงแม่ มิได้มาตามหนังสือนี้เมื่อใด แม่ก็จะตายเพราะอาญาโจโฉเป็นมั่นคง เมื่อเทียหยกแต่งหนังสือแล้ว ก็ใช้ให้คนสนิทถือไปให้ชีซี ณ เมืองซินเอี๋ย บอกว่ามารดาจ้างถือหนังสือมาถึงท่าน

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายโจหยินกับลิเตียนไปถึงเมืองฮูโต๋ จึงเข้าไปหาโจโฉแจ้งเนื้อความทั้งปวง แล้วก็ร้องไห้วิงวอนขอโทษ โจโฉจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย อันธรรมดาว่าสงครามจะหมายชนะฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ ย่อมแพ้บ้างชนะบ้าง แต่เราคิดสงสัยว่าเล่าปี่ทำการได้ถึงเพียงนี้เห็นเกินนัก ชะรอยจะมีผู้ใดคิดอ่านให้ โจหยินจึงว่าข้าพเจ้าแจ้งเนื้อความว่า ที่ปรึกษาคิดการทั้งปวงให้เล่าปี่นั้นชื่อว่าตันฮก โจโฉจึงถามว่าตันฮกคนนี้จะเป็นผู้ใด เหตุไฉนแต่ก่อนชื่อเสียงจึงไม่ปรากฎ เทียหยกได้ยินก็หัวเราะแล้วจึงว่า ตันฮกคนนี้เดิมชื่อชีซีอยู่เมืองเองจิ๋ว เมื่อหนุ่มนั้นเป็นคนมีเพื่อนมากเที่ยวเรียนวิชา ครั้นอยู่มาไปฆ่าเขาตายแล้วแกล้งทำอาการเป็นบ้า ครั้นเขาจับได้เอาตัวไปโบยตีไต่ถาม ก็มิได้บอกชื่อเสียงแลเหตุผลทั้งปวงโดยจริงแกล้งนิ่งเสีย ผู้พิจารณาจึงเอาตัวมัดใส่เกวียนไปเที่ยวตระเวนตีฆ้องร้องป่าวว่าผู้ใดยังรู้จักชื่อคนนี้บ้าง บรรดาชาวบ้านร้านตลาดทั้งปวงซึ่งรู้จักกันนั้น ก็กลัวชีซีจะซัดเอามิอาจที่จะบอกได้ ครั้นตระเวนไปปะพวกเพื่อนชีซีเข้าชิงเอาตัวไปได้ ชีซีจึงหนีไปเรียนวิชาอยู่กับสุมาเต๊กโช เปลี่ยนชื่อว่าตันฮกตราบเท่าทุกวันนี้