วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 6)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ลงจากม้าเดินเข้าไปถึงประตูบ้าน เล่าปี่จึงพิเคราะห์ดูภูมิฐานบ้านเรือนเห็นสะอาดสะอ้านชอบมาพากล แม้เทศกาลร้อนก็มิได้ร้อน เพราะลมพัดมาได้ เมื่อถึงฤดูฝนก็เป็นที่ร่มปิดหยาดฝนมิได้ถูกต้อง หน้าฤดูหนาวก็มิได้เย็นด้วยละอองน้ำค้าง สมควรเป็นที่อยู่ผู้มีสติปัญญาจริง
เล่าปี่เห็นดังนั้นก็ยิ่งมีความยินดีเป็นอันมาก แล้วก็เดินเข้าไปถึงประตูเรือนเด็กน้อยคนใช้จึงถามว่า ท่านชื่อใดมาแต่ไหน เล่าปี่จึงบอกว่าเราชื่อ ห้วนจงกุ๋นยี่เซงเตงเฮาเล่าปี่ เป็นเชื้อวงศ์ของพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะมาคำนับอาจารย์ของท่าน เด็กนั้นจึงบอกว่า ท่านบอกชื่อมากนักเราจำมิได้ เล่าปี่จึงว่า ถ้าจำชื่อเรามิได้ จงเข้าไปบอกแก่อาจารย์ว่าแต่เล่าปี่มาหาเถิด เด็กนั้นจึงว่า บัดนี้อาจารย์ข้าพเจ้าไม่อยู่ จะไปตำบลใดมิได้แจ้ง เล่าปี่จึงว่าเมื่อไรจะกลับมาเล่า เด็กนั้นจึงบอกว่า อันอาจารย์ข้าพเจ้าไปนี้จะกำหนดว่ามาช้าแลเร็วนั้นไม่ได้ บางทีสามวันบ้าง ห้าวันบ้างสิบวันบ้างจึงจะกลับมา

เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็คิดเสียใจ กวนอู เตียวหุยจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า บัดนี้อาจารย์ใหญ่ไม่อยู่แล้ว เรากลับไปก่อนเถิด แล้วจึงใช้ให้คนมาสอดแนมดู แม้รู้ว่าอยู่มั่นคงแล้ววันอื่นเราจึงค่อยมาหา เล่าปี่เห็นชอบด้วยจึงสั่งเด็กนั้นไว้ว่าแม้อาจารย์ท่านมาจงบอกว่าเราชื่อเล่าปี่มาคำนับก็ไม่พบ บัดนี้เราจะกลับไปก่อนแล้วเล่าปี่ก็พากันกลับมาขึ้นม้าเดินออกมาทางประมาณสามสิบเส้น พอพบซุยเป๋งเดินมา เล่าปี่เห็นรูปร่างกิริยาสมควรเป็นอาจารย์ก็สำคัญว่าขงเบ้ง จึงลงจากม้าคำนับแล้วถามว่า ท่านนี้ชื่ออาจารย์ฮกหลงหรือ ซุยเป๋งจึงบอกว่า เรานี้มิใช่ฮกหลงดอก ชื่อซุยเป๋งเป็นเพื่อนของขงเบ้ง ท่านนี้มาแต่ไหน ชื่อใดเล่า เล่าปี่จึงบอกว่าข้าพเจ้าชื่อเล่าปี่ จะมาหาขงเบ้งก็ไม่พบ ซึ่งปะท่านวันนี้ก็เป็นบุญนักหนา เชิญท่านขึ้นนั่งบนที่สมควรจะได้สนทนาด้วย ซุยเป๋งนั่งลงแล้วจึงถามว่า ท่านจะมาหาขงเบ้งนี้ด้ยธุระกังวลสิ่งใด เล่าปี่จึงบอกว่า ข้าพเจ้ามาบัดนี้ด้วยแผ่นดินเกิดจลาจลมิได้เป็นปรกติ หวังจะเชิญขงเบ้งไปอยู่ทำราชการด้วยข้าพเจ้า จะได้ช่วยปราบปรามแผ่นดินให้เป็นสุขสืบไป ซุยเป๋งหัวเราะแล้วจึงตอบว่า ซึ่งแผ่นดินเป็นจลาจลจะมาหาขงเบ้งไปช่วยทำนุบำรุงให้เป็นสุขนั้น ก็เห็นว่าท่านมีน้ำใจสัตย์ซื่อรอบคอบดีแล้ว แต่ว่าประเพณีแผ่นดินนี้ เกิดจลาจลแล้วก็เป็นสุขเล่า เป็นสุขแล้วก็เกิดจลาจลเล่า เป็นธรรมดามาแต่ก่อน แลซึ่งท่านจะคิดอ่านปราบปรามแผ่นดิน อันถึงกำหนดจลาจลแล้วให้กลับเป็นสุขนั้น เกลือกจะไม่สมความปรารถนาก็จะป่วยการเสียเปล่า อันเกิดาเป็นคนทุกวันนี้ก็สุดแต่บุญแต่กรรมจะหักวาสนานั้นไม่ได้
เล่าปี่จึงตอบว่า ท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบอยู่ แต่ว่าตัวข้าพเจ้านื้ ได้เป็นเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะนิ่งเสียมิช่วยทำนุบำรุงนั้นจะหากตัญญูมิได้ ถึงวาสนาน้อยก็จำจะเพียรพยายามสนองคุณพระเจ้าเหี้ยนเต้ตามสติกำลัง ซุยเป๋งจึงตอบว่าจงไปคิดอ่านด้วยท่านเถิด เล่าปี่จึงตอบว่าซึ่งท่านเตือนสติสั่งสอนทั้งนี้ ใช่จะลบหลู่คุณเสียนั้นก็หาไม่ แต่ว่าข้าพเจ้ามาบัดนี้จะใคร่พบขงเบ้ง ท่านช่วยอนุเคราะห์บอกให้ด้วย ซุยเป๋งจึงบอกว่า ขงเบ้งจะไปแห่งใดมิได้รู้ ข้าพเจ้ามาบัดนี้ก็ตั้งใจจะพบขงเบ้งอีก เล่าปี่จึงว่า ถ้าฉะนั้นเชิญท่านไปอยู่กับข้าพเจ้า ณ เมืองซินเอี๋ยเถิด ซุยเป๋งจึงตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นคนบ้านนอก ปรารถนาแต่ความสบาย ซึ่งจะไปอยู่ทำราชการด้วยท่านจะเอายศถาศักดิ์นั้นมิได้ยินดี ถ้าว่างเปล่าเมื่อใดจึงจะเข้าไปสนทนาด้วย แล้วซุยเป๋งก็ลาไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น