วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 33 (ช่วงที่ 3)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นเวลารุ่งเช้าเลาปี่ก็ให้ไปเชิญชีซีมากินโต๊ะ ขณะเมื่อชีซีหยิบจากสาขึ้นจะดื่มนั้นจึงว่ากับเล่าปี่ว่า ข้าพเจ้ารู้ว่าโจโฉจับมารดาไปทำโทษจองจำไว้ฉะนี้หัวใจข้าพเจ้ารอ้นดุจเพลิงสุมอยู่ในอก ถึงมาตรว่าท่านจะเอาของอันมีโอชารสมาให้กินก็มิลงคอเลย เล่าปี่ถึงตอบว่า อันท่านทุกข์ถึงมารดาก็เป็นประเพณีอยู่แล้ว แต่ทุกข์ของเราซึ่งท่านจะจากไปบัดนี้ก็ร้อนอยู่ในอกเหมือนกัน ถึงจะเอาตับหงส์แลตับมังกรอันมีรสดุจหนึ่งว่าเป็นทิพย์นั้นมากิน ก็หารู้จักว่าเป็นรสอันใดไม่

เล่าปี่กับชีซีพูดกันพลาง ต่างคนต่างก็ร้องไห้รักกัน ครั้นกินโต๊ะแล้วชีซีก็ลาเล่าปี่ เล่าปี่ก็ให้ผูกม้าจัดแจงสำเร็จแล้ว ก็ขึ้นขี่ม้าเดินเคียงกันไปกับชีซีออกไปส่งถึงประตูเมือง ชีซีลงจากม้าคำนับเล่าปี่แล้วว่า ท่านออกมาส่งถึงนี่คุณนักหนา เชิญท่านไปอยู่ให้เป็นสุขเถิด เล่าปี่ก็ลงจากม้าคำนับชีซียุดมือไว้แล้วจึงว่า ตัวข้พจ้านี้เป็นคนวาสนาน้อย จึงมิได้ท่านไว้อยู่ช่วยสั่งสอนสืบไป ชีซีร้องไห้ตอบว่า ข้าพเจ้านี้เป็นคนมีกรรมตามมาทันทำให้พลัดพรากกันที่กลางคันเหตุด้วยมารดาเป็นข้อใหญ่ ถึงมาตรว่าโจโฉจะได้ข้าพเจ้าไปไว้ก็ดี ข้าพเจ้าจะขอสาบานไว้ต่อท่านว่า ซึ่งจะทำการไปเบื้องหน้า ข้าพเจ้าจะไม่คิดกลอุบายสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้โจโฉทำร้ายแก่ท่านเลย
เล่าปี่จึงว่า ตัวท่านมีสติปัญญา ได้ช่วยสั่งสอนเรามาก่อน บัดนี้จะไปจากเราแล้ว แต่ตัวเราผู้เดียวหาผู้จะทำนุบำรุงมิได้ ก็จะเที่ยวซุ่มซ่อนอยู่ในป่ามิได้คิดอ่านที่จะทำการสืบไป ชีซีจึงตอบว่า ท่านจะมาเสียใจละความเพียรนั้นหาควรไม่ ถึงว่าตัวข้าพเจ้าจะไปจากท่าน ใช่จะสิ้นผู้มีสติปัญญานั้นหาไม่ จงอุตส่าห์สืบเสาะหาผู้มีปัญญาก็จะได้อยู่ แล้วชีซีจึงเหลียวหลังมาสั่งทหารทั้งปวงว่า ท่านทั้งหลายอยู่ทำราชการไปภายหลังจงอุตส่าห์ตั้งใจจงรักภักดีโดยสุจริต แม้สำเร็จการที่คิดสมเหมือนความปรารถนา ก็จะได้ตั้งตัวเป็นที่พำนักแก่คนทั้งปวงอย่าดูเยี่ยงอย่างเราซึ่งทำราชการมิได้ตลอด ทหารทั้งปวงได้ยินชีซีว่ากล่าวสั่งสอนดังนั้นก็พากันร้องไห้ทั้งสิ้น
เล่าปี่ก็มิอาจกลับเข้าเมืองได้ ให้มีใจละห้อยละเหี่ยนัก ก็ขี่ม้าไปส่งชีซีอีกพักหนึ่ง ชีซีจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ท่านอุตส่าห์มาส่งก็ไกลนักแล้ว จงพาทหารกลับเข้าไปเถิด ข้าพเจ้าจะลาแล้ว เล่าปี่จึงชักม้าเคียงเข้าจับเอาข้อมือชีซีแล้วว่า ตัวท่านกับข้าพเจ้าแต่นี้นับวันจะไกลกันแล้ว เมื่อไรเลยจะได้กลับมาเห็นกัน ว่าแล้วก็ร้องซบลงกับหลังม้า ชีซีเห็นเล่าปี่ร้องไห้ซบอยู่ดังนั้นก็ลั้นน้ำตามิได้ชักม้าคำนับแล้วก็ควบไป เล่าปี่เห็นชีซีควบม้าเลี้ยวลับพุ่มไม้แลมิได้เห็นตัวแล้วจึงเอาแส้ชี้สั่งให้ทหารตัดพุ่มไม้เสีย ทหารทั้งปวงจึงถามว่า ท่านจะให้ตัดรานไม้เสียทั้งนี้ด้วยเหตุอันใด เล่าปี่จึงบอกว่า เราดูชีซีมิได้เห็นบังตาอยู่
ขณะเมื่อเล่าปี่สั่งให้ทหารตัดไม้นั้น พอเห็นชีซีควบม้ากลับมา เล่าปี่มีความยินดีจึงคิดว่า ชะรอยชีซีมีความอาลัยรักใคร่เรา จะไม่ไปแล้วกระมังจึงกลับมา ครั้นชีซีมาใกล้จึงร้องถามว่า ท่านกลับมานี้จะว่าสิ่งใด ชีซีเทียบม้าเข้าแล้วบอกว่า ข้าพเจ้าจะบอกเนื้อความแก่ท่านก็ยังมิทันที่จะเจรจาเลย ด้วยจะจากกันกับท่านหัวใจข้าพเจ้าประดุจคั่วข้าวตอกเพราะความทุกข์มิทันคิด บัดนี้พอรำลึกได้ข้าพเจ้าจึงกลับมา หวังจะบอกเนื้อความกับท่าน คือมีคนผู้หนึ่งอยู่นอกเมืองซงหยง มีปัญญาความคิดหลักแหลมขอให้ท่านไปเชิญตัวผู้นั้นมา จะได้ช่วยคิดอ่านทำการสืบไป
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า ถ้าเช่นนั้นท่านจงเอ็นดูพาไปให้รู้จักตัวหน่อยหนึ่งเถิด ชีซีจึงตอบว่า ซึ่งท่านจะให้พาไปนั้นก็จะได้อยู่ แต่ทว่าที่จะไปหาเร้ารุมนั้นมิได้ ตัวท่านไปคำนับโดยสุจริตจึงจะควร ถ้าได้คนนี้มาแล้วก็เหมือนพระเจ้าฮั่นโกโจได้เตียงเหลียงผู้มีปัญญามาไว้เป็นที่ปรึกษา เล่าปี่จึงถามว่า ซึ่งว่าคนดีนั้นยังจะมีสติปัญญาเสมอกับท่านกระนั้นแลหรือ ชีซีจึงตอบว่า ซึ่งจะเอาความคิดแลปัญญาข้าพเจ้าไปเปรียบนั้นไกลกันนัก ตัวข้าพเจ้าอุปมาเหมือนหนึ่งกา จะมาเปรียบพญาหงส์นั้นไม่ควร อนึ่งม้าอาชามีกำลังอันน้อย หรือจะมาเปรียบพญาราชสีห์ได้ อันคนคนนี้มีปัญญาลึกซึ้งกว้างขวางนัก อาจสามารถที่จะหยั่งรู้การในแผ่นดินแลอากาศเป็นเอกอยู่แต่ผู้เดียว ซึ่งจะหาผู้ใดเปรียบเสมอถึงสองนั้นมิได้ เล่าปี่แจ้งดังนั้นก็มีความยินดี จึงถามว่าผู้นั้นชื่อใด ชีซีจึงบอกว่าชื่อขงเบ้ง แซ่จูกัด บัดนี้หาบิดามารดาไม่ อยู่กับจูกัดกิ๋นเป็นน้องชาย ทำไร่ไถนาเลี้ยงชีวิตอยู่บนเขาโงลังกั๋ง ณ ตำบลลงเสีย ชาวบ้านทั้งปวงเรียกชื่อขงเบ้งนั้นว่าอาจารย์ฮกหลง แม้ท่านอุตส่าห์ไปเชิญขงเบ้งมาไว้ช่วยคิดอ่านทำการ ท่านจะปราบปรามบ้านเมืองทั้งปวงให้ราบคาบเป็นสุขได้
เล่าปี่จึงว่า เมื่อเราไปอาศัยสุมาเต๊กโชอยู่นั้น สุมาเต๊กโชบอกเราว่า ฮกหลง ฮองซูสองคนนี้มีสติปัญญาหลักแหลมนัก แม้ได้แต่คนใดคนหนึ่งมาช่วยทำราชการ ก็จะปราบปรามให้บ้านเมืองเป็นสุขได้ ซึ่งท่านว่านี้จะเป็นฮกหลงหรือ ฮองซุที่สุมาเต๊กโชบอกเราหรือมิใช่ ชีซีจึงบอกว่าคนนี้ชื่อฮกหลง ฮองซูนั้นคือบังทองอยู่ ณ เมืองซงหยง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดีตบมือหัวเราะแล้วว่าคนดีอยู่ในที่ใกล้ เหมือนจะปรากฏอยู่กับตาของเราหารู้ไม่ หากตัวท่านมาชี้แจงบอกให้เราจึงรู้แจ้งว่า ฮกหลง ฮองซูอยู่ตำบลอันนี้ ชีซีแจ้เนื้อความแก่เล่าปี่ดังนี้แล้วก็คำนับเล่าปี่ควบม้ารีบไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น