thepoetry4u.blogspot.com
พอได้ยินเสียงทหารคนหนึ่งร้องทักออกมาว่า
จูล่งจะรีบขับม้าไปแห่งใด จูล่งได้ยินดังนั้นก็ชักม้าหยุดไว้แล้วถามว่า
ท่านนี้ผู้ใด ทหารนั้นจึงบอกว่า ข้าพเจ้าเป็นคนขับเกวียนของนางกำฮูหยิน
ถูกเกาทัณฑ์ป่วยไปมิได้ จูล่งจึงถามว่านางไปอยู่แห่งใด ทหาจึงบอกว่า
บัดนี้หนีไปกับชาวเมืองข้างทิศใต้ จูล่งได้ฟังดังนั้นก็ทิ้งทหารทั้งปวงเสีย
ขับม้ารีบตามไปแต่ผู้เดียว พอพบชาวเมืองทั้งสองหนีซุ่มอยู่เหล่าหนึ่งจึงถามว่า
นางกำฮูหยินอยู่ในพวกนี้ด้วยหรือ
นางกำฮูหยินได้ยินดังนั้น
แลเห็นจูล่งก็ค่อยคลายใจ จึงร้องบอกไปว่าข้าพเจ้าอยู่นี่ ท่านจงช่วยชีวิตไว้ให้รอด
แล้วก็ร้องไห้ จูล่งโจนลงจากหลังม้าขมีขมันเข้าไปหาแล้วจึงว่า
งข้าพเจ้ามิได้ระวังระไวท่านแลให้ได้ความลำบากนั้นโทษข้าพเจ้าผิดนักหนาแล้ว
บัดนี้นางบิฮูหยินกับอาเต๊าผู้เป็นบุตรนั้นไปอยู่แห่งใดเล่า นางกำฮูหยินจึงบอกว่า
ขณะเมื่อลงจากเกวียนเข้าปนระวลกับชาวเมืองน้นมาด้วยกัน
ครั้นทหารโจโฉไล่ตีเข้ามาภายหลัง
ต่างคนต่างแตกกระจัดกระจายไปมิรู้ว่าจะไปอยู่แห่งใดเลย
เมื่อพูดกันอยู่นั้น
พอทหารโจโฉกองหนึ่งไล่ขับครอบครัวเข้ามา จูล่งได้ยินเสียงร้องไห้อื้ออึงคะนึงขึ้น
จูล่งตกใจโดดขึ้น จูล่งตกใจโดดขึ้นหลังม้าขมีขมัน
แลไปเห็นอิโตคุมทหารกองหนึ่งประมณพันเศา จับได้บิต๊กมัดมือคุมมาบหลังม้า ก็ขับม้าควบเข้าไปตวาดด้วยเสียงอันดัง
จะรบด้วยอิโต อิโตขับม้าเข้ารบด้วยจูล่งไม่ทันได้เพลงหนึ่ง
จูล่งก็เอาทวนแทงถูกอิโตตกม้าตายแล้วแก้บัดบิต๊กเสีย
ชิงได้ม้าทหารสองตัวจึงให้บิต๊กแลนางกำฮูหยินขี่ม้าพาออกมาส่งถึงต้นสะพาน
เตียวหุยแลเห็นจูล่งมาดังนั้นก็ร้องว่า
เหตุใดจูล่งจึงเอาใจออกหากพี่เราไปเข้าด้วยโจโฉ จูล่งจึงร้องว่าท่านอย่าว่าดังนั้น
ซึ่งตัวเรามาช้านี้เพราะเหตุด้วยนางกำฮูหยิน บางบิฮูหยินทั้งสองหายไป
เราเที่ยวเสาะหาอยู่จึงช้ามาต่อภายหลัง
ซึ่งเราจะเอาใจออกหากไปอยู่ด้วยโจฉนั้นหามิได้ เตียวหุยได้ฟังดังนั้นจึงว่า นี่หากกันหยงมาบอกหนักเบาแก่เราก่อน
หาไม่ตัวท่านกับเราก็จะได้ผิดใจกัน จูล่งจึงถามว่า บัดนี้นายเราอยู่แห่งใดเล่า
เตียวหุยจึงบอกว่า พี่เราอยู่ข้างหลัง ทางไม่ไกลนักดอก จูล่งจึงว่าแก่บิต๊กว่า
ท่านพานางกำฮูหยินไปให้นายเราก่อนเถิด ตัวเราจะกลับไปเที่ยวสืบเสาะหานางบิฮูหยินกับอาเต๊าให้ได้ก่อนแล้วจะกลับมา
จูล่งก็ควบม้ากลับไปพบแฮหัวอิ๋นคุมทหารประมาณห้าสิบคน
ขี่ม้าถือทวนเหน็บกระบี่ยืนสกัดทางจูล่งไว้
จูล่งก็ขับม้าเข้ารบกับแฮหัวอิ๋นได้เพลงหนึ่ง ก็เอาทวนแทงถูกแฮหัวอิ๋นตกม้าตาย
ทหารทั้งปวงก็แตกหนีไป แลแฮหัวอิ๋นคนนี้เป็นคนสนิทของโจโฉ มีกำลังมาก
โจโฉรักใคร่ให้ถือกระบี่ชื่อกีเทนเกี้ยม ถ้าจะฟันเหล็กก็ดุจหนึ่งว่าฟันหยวก
จูล่งได้กระบี่แล้วชักออกดู
เห็นอักษรจารึกอยู่ก็รู้ว่ากระบี่เอกของโจโฉ
จูล่งเหน็บสะพายแล้วก็ควบม้าตีฝ่าเข้าไปหานางบิฮูหยินในกองทัพแต่ผู้เดียว
มิได้กลัวแก่ความตาย พบครบครัวชางเมืองทั้งสองก็ถามหานางบิฮูหยินมิได้ขาดคนหนึ่งจึงชี้มือว่า
นางบิฮูหยินถูกทวนที่ขาเดินมิได้ อุ้มลูกนั่งซ่อนอยู่ที่ริมผนังตึกตรงนี้
จูล่งแจ้งดังนั้นก็ควบม้ารีบไปถึงตึกหลังหนึ่งไฟไหม้ยังแต่ผนัง
ก็เข้าไปดูเห็นนางบิฮูหยินอุ้มอาเต๊านั่งร้องไห้อยู่ริมปากบ่อ
จูล่งโจนลงจากม้าวิ่งเข้าไปคำนับแล้วก็ร้องไห้
นางบิฮูหยินเห็นจูล่งมาดังนั้นก็ดีใจจึงว่า
ท่านมาพบข้าพเจ้าบัดนี้ก็เหมือนหนึ่งเอาชีวิตลูกข้าพเจ้าไว้
ขอท่านได้มีความกรุณาพาเอาอาเต๊านี้ไปให้บิดาให้ได้เห็นหน้าหน่อยหนึ่งเถิด
อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงจะตายก็ตามแต่เวรหนหลัง จูล่งจึงว่า
ซึ่งท่านได้ความลำบากทั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้ารักษาท่านมิได้
โทษมีแก่ข้าพเจ้าเป็นข้อใหญ่ แลบัดนี้ข้าพเจ้าติดตามมาพบท่านแล้ว
ขอเชิญท่านขึ้นม้าเถิดข้าพเจ้าจะเดินเท้าตีฝ่าทหารทั้งปวงนหน้าท่านออกไป
นางบิฮูหยินจึงว่า ท่านอย่าวิตกถึงข้าพเจ้าเลย ตัวข้าพเจ้านี้ป่วยหนักอยู่แล้วเห็นจะมิรอด
แลบุตรข้าพเจ้านี้จะรอดชีวิตก็เพราะท่าน
ซึ่งท่านจะลงจากม้านั้นก็เหมือนหนึ่งชีวิตลูกข้าพเจ้าหาไม่
ท่านจงรีบเอาแต่ลูกข้าพเจ้าไปเถิด อย่าเป็นห่วงเป็นใยด้วยข้าพเจ้านี้เลย
จูล่งจึงว่าท่านอย่าหนักหน่วงให้ข้าพเจ้าช้าอยู่เลย เชิญขึ้นมาเร็วๆ เถิด
เสียงทหารโจโฉโห่ร้องกระชั้นล้อมเข้ามาใกล้อยู่แล้ว บางบิฮูหยินจึงว่า
ท่านเอ็นดูแล้วจงรีบพาเอาบุตรข้าพเจ้านี้หนีให้รอดเถิด
ตัวข้าพเจ้านี้จะไปด้วยมิได้
จะมาเป็นห่วงอยู่ด้วยข้าพเจ้านี้ก็จะพากันตายเสียเหล่า แล้วก็เอาลูกส่งให้จูล่ง
จูล่งก็มิรับ แต่เฝ้าเชิญนางบิฮูหยินขึ้นม้าถึงสองครั้งสามครั้ง
นางบิฮูหยินก็มิได้ขึ้นอ้อนวอนกันอยู่เป็นช้านาน
เสียงทหารโจโฉก็ยิ่งโห่ร้องกระชั้นใกล้เข้ามา จูล่งจึงว่า
ท่านจะหนักหน่วงอยู่ฉะนี้ ถ้าแลทหารโจโฉยกมาถึงเข้าจะมิพากันวุ่นวายเสียการไปหรือ
นางบิฮูหยินได้ฟังดังนั้น
ก็เอาอาเต๊าผู้บุตรเลี้ยงเป็นลูกของนางกำฮูหยินภรรยาหลวงนั้นวางลงไว้เหนือแผ่นดินต่อหน้าจูล่ง
แล้วก็โจนลงในบ่อน้ำตาย
จูล่งเห็นดังนั้นก็ร้องไห้
จึงกวาดเอาดินถมบ่อเสียหวังจะมิให้ทหารโจโฉเห็นซากศพ
จึงเอาผ้าห่อตัวอาเต๊าเข้าทำเป็นอู่สวมคอลงแล้วปลดกระดุมเกราะเสียแหวกอกออก
เอาอาเต๊าซ่อนเข้าในเกราะกลัดดุมหุ้มตัวไว้แล้วก็ขึ้นม้าขับออกมา
พอพบฮันเบ๋งซึ่งเป็นทหารรองโจโฉคุมทหารเดินเท้ากองหนึ่งออกสกัดทางไว้
จูล่งก็ขับม้าเข้ารบด้วยฮันเบ๋งได้สามเพลง ฮันเบ๋งเสียที
จูล่งแทงด้วยทวนตกม้าตายก็รบหักฝ่าออกมา พอพบกองทัพเตียวคับตั้งสกัดอยู่อีก
จึงขับม้าเข้ารบด้วยเตียวคับได้สิบห้าเพลงก็ชักม้าควบหนี
เตียวคับเห็นได้ทีก็ขับม้าไล่ตามไป จูล่งขับม้าหนีไปโดยเร็ว
ปะหลุมเก่าแห่งหนึ่งม้ายั้งตัวมิทันก็ตกลง
เตียวคับได้ทีขับม้าสะอึกระโจนมาจะแทงด้วยทวน
ขณะนั้นเป็นบุญของอาเต๊าซึ่งจะได้เป็นกษัตริย์มิควรที่จะตายด้วยอาวุธ
ก็ให้บันดาลเป็นแสงเพลิงวาบสว่างเป็นเปลวขึ้นจากหลุม เตียวคับเห็นดังนั้นก็ตกใจ
ม้านั้นก็ยืนชะงักอยู่ จูล่งกระทืบเตือนพนังข้างม้าโดดเผ่นขึ้นจากหลุมหนีไปได้
เตียวคับเห็นประจักษ์ดังนั้นก็มิอาจที่จะตาม แต่ม้าเอี๋ยนแลเตียวคีสองคนคุมทหารวิ่งตามร้องมาข้างหลังว่า
จูล่งครั้งนี้จะหนีเรามิพ้นแล้ว
ฝ่ายเจียวเหียแลเจียวหลำสองคนคุมทหารก้าวสกัดอยู่ข้างหน้า
จูล่งก็ขับม้าเข้ารบด้วยทหารทั้งสี่นายเป็นสามารถ
แลทหารเลวทั้งนั้นก็เข้าล้อมรุมรบพุ่งเป็นอลหม่าน
จูล่งก็ชักกระบี่ออกไล่ฟันทหารทั้งปวงล้มตายเป็นอันมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น