วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 37 (ช่วงที่ 3)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นเวลาประมาณสามยาม เล่าปี่ได้ยินเสียงคนโห่ร้องอื้ออึงคะนึงมาทางทิศเหนือดังหนึ่งแผ่นดินจะถล่มก็ตกใจ จึงขึ้นม้าคุมทหารสองพันยกออกไปพบทัพโจโฉยกตามมา เล่าปี่ก็ขับทหารเข้าสู้รบกันเป็นสามารถ ทหารโจโฉก็ล้อมเล่าปี่เข้าไว้ เตียวหุยเห็นว่าเล่าปี่เข้าอยู่ในกลางทหารโจโฉดังนั้น ก็ตีฝ่ายทหารเข้าไปช่วยเล่าปี่ เล่าปี่ได้ทีดังนั้นก็รบหักตามเตียวหุยออกมาด้านตะวันออก พอบุนเพ่งคุมทหารมาก้าวสกัดหน้าไว้ เล่าปี่จึงขับม้าขึ้นหน้าร้องด่าบุนเพ่งว่าอ้ายทรยศต่อเจ้า ยังมีหน้าเข้ากับโจโฉอีกเล่า บุนเพ่งได้ยินดังนั้นก็มีความอาย ไม่อาจรอหน้าเล่าปี่อยู่ได้ ก็คุมทหารบากหนีไป

ฝ่ายทหารโจโฉได้ทีดังนั้นก็ไล่ติดตามเล่าปี่มา เล่าปี่แลเตียวหุยสองคนพี่น้องก็ช่วยกันรบพุ่งต้านานรอมาจนเวลารุ่งสว่างขึ้น ครั้นทหารโจโฉห่างออกไปไกลแล้วก็หยุดพักทหารอยู่ เห็นทหารเหลือตามมาด้วยนั้นประมาณร้อยหนึ่งแลครอบครัวอพยพของตัวแลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงกระจัดพลัดพรายกันไป เล่าปี่ก็ร้องไห้ ว่าคนทั้งหลายมาพลอยฉิบหายล้มตายเพราะเราผู้เดียว ทั้งบุตรภรรยาครอบครัวของเราจะตายอยู่แห่งใดก็มิได้เห็นแก่ตา แลเมื่อเล่าปี่ลงนั่งหยุดร้องไห้อยู่นั้น พบบิฮองต้องอาวุธบาดเจ็บเป็นหลายแห่ง ตัวนั้นโซมไปด้วยโลหิตวิ่งเข้ามาบอกว่า บัดนี้จูล่งเอาใจออกหากไปเข้าด้วยโจโฉแล้ว เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็ตวาดเอาบิฮองว่า ท่านนี้หาความพิเคราะห์มิได้ อันจูล่งนี้มีความสัตย์ซื่อรักใคร่เราเป็นอันมาก ซึ่งจะไปอยู่ด้วยโจโฉนั้นอย่าสงสัยเลย
เตียวหุยจึงว่า แต่ก่อนเขาเห็นเราพอจะเป็นที่พำนักได้ แลบัดนี้เราพี่น้องก็ถึงอับจนแล้ว เขาจึงเอาใจออกหากกระมัง เล่าปี่จึงว่า น้ำใจจูล่งนั้นสัตย์ซื่อแน่นอนนัก จงคิดดูเมื่อครั้งกวนอูไปอยู่ด้วยโจโฉออกฆ่างันเหลียง บุนทิวเสียเจ้าก็สงสัยว่าพี่เอาใจออกหากไปอยู่ด้วยโจโฉ จนถึงจะฆ่ากันเสีย แลครั้งนี้ถึงมาตรว่าจูล่งจะไปอยู่ด้วยโจโฉจริง ดีร้ายจะมีเหตุจึงไป อันจูล่งนั้นเห็นจะไม่ทิ้งพี่เสียเป็นมั่นคง เตียวหุยไม่เชื่อมีความโกรธนัก จึงคุมทหารม้ายี่สิบรีบกลับขึ้นไป จะให้พบจูล่ง ครั้นถึงต้นสะพานเตียงปันเกี้ยว จึงเห็นป่าอันหนึ่งอยู่ข้างทิศตะวันออกก็พาทหารเข้าไป จึงตัดเอากิ่งไม้มาผูกหางม้าเข้าแล้วสั่งว่า ถ้าเห็นกองทัพโจโฉยกมา จงตีม้าให้วิ่งวกเวียนไปในป่าให้ผลคลีฟุ้งตลบขึ้น กองทัพโจโฉไม่รู้ก็จะสำคัญว่าซุ่มคนอยู่ในป่าเป็นอันมาก เตียวหุยสั่งทหารดังนั้นแล้วก็ขับม้ายืนถือทวนสกัดอยู่ต้นสะพาน
ฝ่ายจูล่งเข้ารบตะลุมบอนอยู่ในกลางกองทัพโจโฉ ตีตลบออกมาแล้วกลับตีหักเข้าไปเล่า เสาะหาเล่าปี่แลครอบครัวทั้งปวงมิได้พบ ก็ตีตลบเข้าออกวุ่นวานอยู่ แต่เวลายามหนึ่งจนรุ่งสว่างขึ้น จูล่งจึงคิดว่า จะเสาะหาเล่าปี่ก็มิพบ ทั้งครอบครัวก็หายไปจะเป็นประการใดมิได้รู้ แลเล่าปี่ปลงธุระไว้แก่เราให้รักษาบุตรภรรยา มาให้หายเสียในท่ามกลางกองทัพฉะนี้ดูมิบังควรนัก จำจะอุตส่าห์ตีฝ่าฟันเข้าไปหาครอบครัวให้จงได้ ถึงมาตรว่าจะตายในท่ามกลางสงครามก็ตามเถิด แม้มิได้ครอบครัวเล่าปี่ จะเอาหน้าไปไว้แห่งใด จูล่งคิดดังนั้นแล้ว ก็ขับม้าฝ่าเข้าไปในท่ามกลางทหารโจโฉกับทหารประมาณสามสิบม้า เห็นชาวเมืองทั้งปวงถูกอาวุธบาดเจ็บเป็นอันมาก แลเสียงร้องไห้อื้ออึงคะนึงไป จูล่งก็ขับม้าเวียนหาครอบครัวเล่าปี่ พบกันหยงถูกอาวุธลำบากนอนซุ่มอยู่ในกอหญ้า จูล่งจึงถามว่าท่านยังพบนางกำฮูหยิน นางบิฮูหยินทั้งสองบ้างหรือ กันหยงจึงบอกว่า บัดนี้ท่านทั้งสองเห็นกองทัพโจโฉจวนจะทันเข้า ก็ลงจากเกวียนอุ้มบุตรหนีปนระวลไปกับชาวเมืองทั้งปวง ข้าพเจ้าจึงควบม้าตามไป พบถึงเชิงเขา ทหารโจโฉคนหนึ่งเอาทวนแทงถูกข้าพเจ้าตกม้าลงแล้วชิงเอาม้าไป ข้าพเจ้าเจ็บลำบากเดินไม่ได้จึงหนีซ่อนอยู่ จูล่งให้ทหารคนหนึ่งลงเสียจากม้า ให้อุ้มกันหยงขึ้นขี่ม้าแล้วจึงบอกว่า ท่านรีบออกไปเถิด ถ้าพบเล่าปี่นายเราจงบอกว่า บัดนี้นางกำฮูหยินพลัดไปยังหาพบตัวไม่ เราจะสืบเสาะหาให้จงได้จึงจะกลับไป ถ้าเรามิได้นางกำฮูหยินแม้จะเป็นตายประการใดก็มิได้คิดชีวิต จูล่งสั่งแล้วก็ควบม้าไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น