วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 38 (ช่วงที่ 6)

By Thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ขณะนั้นยีหวนเห็นเตียวเจียวนิ่งอยู่จึงว่าแก่ขงเบ้งว่า บัดนี้โจโฉยกทหารมาร้อยหมื่น ดุจหนึ่งจะมาเหยียบเมืองกังแฮให้จมเสียในมหาสมุทร ท่านจะคิดอ่านป้องกันประการใดเล่า ขงเบ้งจึงว่าแก่ยีหวนว่า โจโฉยกมาครั้งนี้ท่านกลัวหรือเราหาวิตกไม่ ถึงมาตรว่าโจโฉมีทหารร้อยหมื่นก็จริง แต่ว่าเป็นทหารอ้วนเสี้ยวชาวบ้านนอกได้เชลยมาไว้ ถึงทหารเล่าเปียวเล่า โจโฉได้ก็เป็นคนสำส่อน จะปรารมภ์อะไร ยีหวนหัวเราะแล้วว่า เจรจาอย่างนี้เหมือนจะยกตัว ซึ่งท่านแตกหนีมาทั้งนี้มีเพราะทหารสำส่อนหรือจึงตกมาอยู่เมืองกังแฮ เที่ยวอ้อนวอนให้เขาช่วย ยังเจรจาว่ามิกลัวอีกเล่าใครจะเชื่อ

ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งเราแตกมาทั้งนี้ก็เพราะเล่าปี่นายเรามีทหารแต่สามพันน้อยกว่าน้อยนัก จึงผ่อนผันหนีมาหลบอยู่เมืองกังแฮ ใช่จะกลัวฝีมือโจโฉทีเดียวก็หาไม่ ยังจะคิดทำการสืบไปอยู่ อันเมืองกังตั๋งนี้ผู้คนก็มาก ทหารก็พรักพร้อมข้าวปลาอาหารก็บริบูรณ์ แล้วทะเลก็คั่นอยู่ คับขันมั่นคงกว่าเมืองซินเอี๋ยอีกเหตุใดจึงคิดอ่านกันแต่จะให้นายของตัวไปอ่อนน้อมโจโฉเล่า หามีความละอายไม่ ที่ว่านายเรากลัวโจโฉนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูก็เห็นประหนึ่งจะกลัวน้อยกว่าท่านอีก ยีหวนก็จนใจมิได้ตอบประการใด
โปเจ๋าเห็นยีหวนนิ่งอยู่จึงว่าแก่ขงเบ้งว่า ท่านนี้ได้เรียนพูดมาแต่สำนักโซจิ๋นเตียวยี่หรือ ท่านมาว่ากล่าวทั้งนี้หวังจะเกลี้ยกล่อมชาวเมืองกังตั๋งให้ปลงใจหรือ ขงเบ้งจึงว่า ท่านรู้แต่ว่าโซจิ๋น เตียวยี่เป็นคนช่างพูด อันสติปัญญาความคิดของโซจิ๋น เตียวยี่นั้น จะคิดอ่านกว้างขวางประการใดท่านหารู้ไม่ ท่านเจรจาดังนี้เหมือนคนครึ่งคน เพราะว่ารู้ไม่ตลอด ด้วยโซจิ๋นนี้ได้เป็นอุปราชถึงแปดเมือง เตียวยี่เล่าก็ได้เป็นอุปราชถึงสอบแผ่นดิน คนทั้งสองนี้มีปัญญาอันสามารถช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้ราบคาบด้วย อนึ่งก็แกล้วกล้าในการสงคราม แลท่านมานินทาว่าเป็นคนช่างพูดนั้นหาควรไม่ อันตัวท่านได้ยินแต่ข่าวโจโฉเท่านั้นยังกลัวตัวสั่นอยู่ ปลอบให้นายออกไปหาข้าศึกไม่วายปาก รื้อยังจะมาติเตียนท่านผู้อื่นเล่า โปเจ๋าได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่
ซีหองจึงลุกขึ้นถามขงเบ้งว่า โจโฉนั้นเป็นผู้ใดท่านแจ้งหรือไม่ ขงเบ้งจึงว่า โจโฉนั้นเป็นศัตรูพระเจ้าเหี้ยนเต้ ใครๆ ก็แจ้งอยู่สิ้น เหตุใดท่านจึงมาถามดังนี้ ซีหองจึงว่า ตั้งแต่พระเจ้าฮั่นโกโจได้เสวยราชสมบัติแผ่นดินเป็นสุขมาช้านาน บัดนี้ถึงกำหนดแผ่นดินเป็นจลาจล โจโฉก็ปราบปรามขอบขัณฑสีมาให้อยู่ในอำนาจของตัวได้ถึงสองส่วนแล้ว เล่าปี่นายท่านมิได้รู้จักลักษณการควรหรือจะคิดต่อสู้โจโฉนั้น เหมือนเอาไข่ไปกระทบหินก็จะเป็นอันตรายไปเอง ขงเบ้งจึงว่าท่านว่าฉะนี้มิชอบ อันเล่าปี่นายเราคิดอ่านทำการทั้งนี้ เพราะมีความกตัญญูต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ เห็นว่าโจโฉเป็นศัตรูแผ่นดินจึงเจ็บร้อนเพื่อจะสนองคุณเจ้า แลตัวท่านก็เป็นข้าแผ่นดินอยู่ในพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไม่มีความภักดีต่อเจ้า กลับเห็นชอบด้วยศัตรูแผ่นดินหามีกตัญญูไม่ จะมาถือเอาว่าการแผ่นดินจะสาบสูญนั้นจะได้หรือ คำข้อนี้ท่านอย่าเจรจาต่อไปเลยเราไม่ขอได้ยิน ซีหองได้ฟังดังนั้นก็อดสูใจอ้าปากมิออก
ลกเจ๊กจึงลุกขึ้นถามขงเบ้งว่า อันโจโฉนี้มาตรว่าทำหยาบช้า แอบรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้เที่ยวปราบปรามบ้านเมืองทั้งปวงให้แผ่นดินเดือนร้อนก็จริง แต่ว่าโจโฉนี้เป็นเชื้อสายของโจฉำผู้เป็นอุปราชมาแต่แผ่นดินก่อน อันเล่าปี่นี้ว่าเป็นเชื้อกษัตริย์กระเส็นกระสายพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเราไม่รู้ แจ้งแต่ว่าตระกูลของเล่าปี่นั้นเป็นคนอนาถา ตัวเล่าปี่เล่าก็เป็นแต่คนทอเสื่อขาย ควรหรือจะมาองอาจไม่คิดเจียมตัว แลจะต่อสู้โจโฉนั้นเราไม่เห็นด้วย
ขงเบ้งจึงว่า ท่านนี้หรือชื่อว่าลกเจ๊ก เมื่อยังเป็นเด็กอยู่นั้นลักส้มเขาเอาไปให้แก่มารดา นั่งลงเถิดเราจะเจรจาด้วย ซึ่งท่านนับถือโจโฉว่าเป็นเชื้อสายของโจฉำก็จริง แต่โจฉำนั้นเป็นคนกตัญญูสัตย์ซื่อต่อเจ้าปรากฏมาแต่ก่อน อันโจโฉนี้เป็นคนเสียชาติเสียตระกูล มิได้ประพฤติตามประเพณีปู่ย่าตายาย ทำให้ผิดจากตระกูลของตัว ซึ่งจะนับถือว่าดีนั้นก็แต่คนพาลเหมือนหนึ่งท่าน อันเล่าปี่นายเรานั้นก็เป็นเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทำนุบำรุงให้ยศถานาศักดิ์ คนทั้งปวงก็รู้อยู่ เหตุไฉนท่านจึงว่าเป็นคนอนาถา ถึงมาตรว่าเป็นคนทอเสื่อขายเกือกก็ดี อันนี้ประเพณีเป็นที่ทำมาหากินจะอับอายเป็นกระไรนักหนา ฝ่ายพระเจ้าฮั่นโกโจนั้นเล่าก็มิใช่เป็นเชื้อพระวงศ์มา แต่ก่อนก็เป็นแก่พันนายบ้าน แต่กอปรไปด้วยความเพียรก็ได้เป็นกษัตริย์อันใหญ่ จึงได้สืบพระราชวงศ์เสวยราชสมบัติมาตราบเท่าทุกวันนี้ ท่านจะมาประมาทเล่าปี่นายเรานั้นหาควรไม่ ตัวท่านเป็นเด็กยังมิสิ้นกลิ่นน้ำนม จะมาอวดรู้กว่าผู้ใหญ่นั้นอย่าเจรจาสืบไปเลย ลกเจ๊กฟังขงเบ้งว่าดังนั้นก็นิ่งอยู่
เหยียมจุ้นได้ยินขงเบ้งว่าดังนั้นจึงว่า ขงเบ้งเจรจาเป็นโวหารอันจะพูดจาด้วยฉะนี้มิได้ จำจะเอาถ้อยคำซึ่งมีไว้ในกฎหมายมาเจรจาด้วยจึงจะได้ ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งท่านจะให้ค้นเอาถ้อยคำอันคนโบราณตกแต่งไว้ไพเราะอยู่แล้วมาเจรจานั้นหามีใครนับถือไม่ ด้วยเป็นคนลอกกากตำรา ถ้าท่านดีมีปัญญาก็จะผ่อนผันด้วยความคิดของตัว ถึงจะทำการณรงค์สงครามก็อาศัยปัญญาเป็นปัจจุบัน จึงจะแก้ไขเอาชัยชนะได้ ซึ่งท่านผู้มีสติปัญญาแต่ก่อนได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินนั้นใช่จะเอาตำรามากางดูก็หาไม่ อันตัวท่านเหล่านี้ก็ดีแต่มีกระดาษกับพู่กันตกแต่งถ้อยคำพูดเล่านตามสบาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น