วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่11

ตอนที่ ๑๑
ฝ่ายโจโฉครั้นรบได้เมืองฝ่ายตะวันออกคืนแล้ว จึงบอกหนังสือขึ้นไปให้กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นใจความว่า ข้าพเจ้าโจโฉปราบปรามข้าศึกแลโจรฝ่ายหัวเมืองตะวันออกราบคาบแล้ว

ฝ่ายลิฉุย กุยกีก็ปิดเสีย หาเอาหนังสือกราบทูบพระเจ้าเหี้ยนเต้ไม่ คิดแต่งตอบไปเองเป็นหนังสือรับสั่งว่า โจโฉมีความชอบให้เลื่อนที่เป็นเกียนเต๊กจงกุ๋นภาษาไทยว่าเจ้าพระยาจำเริญอายุ ขณะนั้นลิฉุยอยู่ในเมืองหลวงตั้งตัวเป็นผู้สำเร็จราชการฝ่ายทหาร กุยกีนั้นเป็นใหญ่ฝ่ายพลเรือน ทั้งสองคนนี้มีใจกำเริบขึ้น มิได้เกรงพระเจ้าเหี้ยนเต้แลขุนนางทั้งปวง ทำการหยาบช้าต่างๆ เหมือนครั้งตั๋งโต๊ะ
แลเอียวปิวกับจูฮีเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวง เห็นลิฉุย กุยกีทำการหยาบช้า จึงเอาเนื้อความลอบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ทุกวันนี้ลิฉุย กุยกีตั้งตัวเป็นใหญ่ ว่าราชการมิได้อยู่ในยุติธรรม ทำการหยาบช้าต่อพระองค์ ข้าพเจ้าเห็นว่าโจโฉมีสติปัญญากล้าหาญ แล้วมีทหารอยู่ประมาณสามสิบหมื่น ทั้งทหารมีฝีมือก็เป็นอันมาก บัดนี้เป็นใหญ่อยู่ฝ่ายหัวเมืองตะวันออก ถ้าได้โจโฉเข้ามาทำราชการในเมืองหลวง เห็นจะปราบปรามเหล่าศัตรูราชสมบัติได้ บ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป พระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบดังนั้นก็ทรงพระกันแสงแล้วตรัสว่าทุกวันนี้เรามีความทุกข์เป็นอันมาก แต่ออกปากมิได้ ถ้าได้ผู้มีสติปัญญากล้าหาญมาล้างศัตรูเราเสียได้ เราจึงจะมีความสบาย
เอียวปิวจึงทูลว่า ข้าพเจ้าจะคิดกลอุบายให้ลิฉุย กุยกีเกิดรบพุ่งฆ่าฟันกันตาย แล้วจึงจะให้มีหนังสือรับสั่งไปหาโจโฉยกทหารเข้ามา จะได้ล้างพรรคพวกเหล่าร้ายเสียให้สิ้น พระองค์ก็จะมีความสุขสืบไป พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสถามเอียวปิวว่าจะคิดอ่านเป็นประการใด เอียวปิวจึงกราบทูลว่า ภรรยากุยกีนั้นมีใจหวงหึงเป็นอันมาก ข้าพเจ้าจะแต่งหญิงไปยุยงภรรยากุยกี ให้เกิดความสงสัยกันขึ้น พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ฟังดังนั้นก็ค่อยมีความยินดี จึงทรงพระอักษรซึ่งจะให้หาโจโฉนั้น มอบให้เอี่ยวปิวไว้ แล้วตรัสสั่งว่า ถ้าเกิดเหตุขึ้นเมื่อใด ท่านจงให้ทหารเอาหนังสือนี้ไปให้โจโฉ
เอียวปิวรับหนังสือแล้วกราบถวายบังคมลาพาจูฮีกลับบ้าน เอียวปิวจึงสั่งภรรยาถ้วนถี่แล้ว ให้ไปเยี่ยมภรรยากุยกี ภรรยาเอียวปิวจึงไปคำนับภรรยากุยกีแล้วว่า ข้าพเจ้ารู้กิตติศัพท์ว่ากุยกีไปลอบรักใคร่กับภรรลิฉุย เนื้อความทั้งนี้ถ้าลิฉุยรู้ เห็นจะทำร้ายแก่กุยกี ท่านจงคิดอ่านห้ามปรามผัวท่านเสีย อย่าให้ทำการสืบไป ซึ่งข้าพเจ้าบอกทั้งนี้เพราะมีใจเอ็นดูท่าน ภรรยากุยกีได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงตอบว่ากุยกีไปหาลิฉุยเป็นอัตรา ลางทีไปนอนค้างบ้าน เราคิดว่าเป็นเพื่อนราชการรักกันกับลิฉุย ซึ่งกุยกีไปทำการรักใคร่ภรรยาลิฉุยเรามิได้รู้ หากท่านมีน้ำใจเมตตามาบอกนั้นขอบใจนัก แต่นี้เราจะห้ามมิให้กุยกีไป ณ บ้านลิฉุยเลย ภรรยาเอียวปิวก็ลาไป
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ลิฉุยให้คนไปเชิญกุยกีมากินโต๊ะ ภรรยากุยกีรู้จึงอ้อนวอนห้ามว่า ซึ่งท่านจะไปเสพย์สุราที่บ้านลิฉุยนั้น ท่านกับลิฉุยแก่งแย่งกัน ต่างคนต่างถือว่าตัวใหญ่ เกลือกท่านเสพย์สุราเมา ลิฉุยจะเอายาพิษให้ท่านกินท่านก็จะถึงแก่ความตาย ตัวข้าพเจ้าเป็นหญิงจะบ่ายหน้าไปพึ่งผู้ใดได้ กุยกีได้ฟังดังนั้นก็มิได้ไป ลิฉุยคอยอยู่จนเวลาเย็นมิได้เห็นกุยกีมา จึงให้คนเอาโต๊ะไปให้ถึงบ้าน กุยกีนอนอยู่ ภรรยานั้นออกมารับโต๊ะไว้ จึงเอายาพิษลอบใส่ลงไว้ในของทั้งปวง ครั้นกุยกีตื่นขึ้น คนใช้ในเรือนจึงยกโต๊ะไปให้กุยกี แล้วบอกว่าลิฉุยให้เอาโต๊ะนี้มาให้ ภรรยานั้นจึงห้ามกุยกีว่า ของนี้ท่านอย่าเพ่อกิน จงชันสูตรดูก่อน แล้วเอาโยนให้สุนัขกิน สุนัขก็ตาย กุยกีเห็นดังนั้นก็คิดสงสัยอยู่
ครั้นอยู่มาวันหนึ่งออกจากเฝ้า ลิฉุยจึงเชิญกุยกีไปปรึกษาราชการ ณ บ้าน แล้วลิฉุยจึงเชิญกุยกีกินโต๊ะ กุยกีนั้นเคลิ้มไปจึงกินโต๊ะแล้วก็ลากลับไป ครั้นกุยกีมาถึงบ้านพอเกิดให้ปวดท้อง ภรรยาจึงถามว่า เมื่อเวลาท่านออกจากเฝ้านั้นท่านไปไหน กุยกีจึงบอกว่าไปปรึกษาราชการบ้านลิฉุย ลิฉุยนั้นให้กินโต๊ะ ภรรยานั้นทำตกใจแล้วว่า ข้าพเจ้าเห็นประจักษ์อยู่แล้วยังขืนไปกินโต๊ะที่บ้านลิฉุยเขามิใส่ยาพิษลงแล้วหรือ ภรรยานั้นจึงเอาอาจมมาละลายน้ำกรอกกุยกีเข้าไป กุยกีก็อาเจียนออกมา ที่ปวดท้องก็คลาย กุยกีจึงคิดโกรธลิฉุย ว่าเสียแรงเราได้ร่วมคิดจะทำการใหญ่ด้วยกัน แลลิฉุยมิได้ซื่อตรงต่อเรา คิดร้ายเราก่อน เราจำจะคิดฆ่ามันเสียได้ แล้วก็จัดแจงทหารจะยกไปล้อมบ้านลิฉุย
ขณะนั้นมีผู้เอาเนื้อความมาบอกแก่ลิฉุยว่า กุยกีจะยกมาทำร้าย ลิฉุยจึงว่าเราหาความผิดมิได้ กุยกีบังอาจคิดจะมาทำรายแก่เรา เราจะละไว้มิได้ จำจะยกไปจับกุยกีฆ่าเสียให้ได้ก่อน แล้วก็กะเกณฑ์ทหารยกไปพบทัพกุยกียกมาทางริมกำแพงเมือง ได้รบพุ่งกันเป็นสามารถ แลทหารทั้งสองฝ่ายนั้น ก็ช่วงชิงทรัพย์สิ่งสินของอาณาประชาราษฎร
ฝ่ายลิฉุยจึงให้ลิเซียมผู้หลานคุมทหารไปล้อมวังไว้ ลิเซียมจึงให้กาเซี่ยงเอารถเข้าไปสองรถ เชิญพระเจ้าเหี้ยนเต้ขึ้นรถหนึ่ง ให้นางฮกเฮาซึ่งเป็นพระมเหสีขึ้นรถหนึ่ง แล้วต้อนขันทีแลนักสนมทั้งปวงกับรถนั้นออกประตูท้ายสนม ขณะนั้นลิฉุย กุยกีซึ่งรบกันอยู่ต่างคนต่างเลิกทัพกลับไป กุยกีนั้นก็มาพบลิเซียมกับกาเซี่ยงคุมทหารพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้แลพระสนมทั้งปวงออกมาจากพระราชวังกุยกีจึงให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ระดมไปถูกทหารลิเซียมแลนักสนมล้มตายเป็นอันมาก
ฝ่ายลิฉุยรู้ดังนั้นก็ยกทหารรีบตีวกกลับหลังทหารกุยกีมา กุยกีต้านทานมิได้ก็พาทหารทั้งปวงบากหน้าหนีออกไป ลิฉุยจึงพาพระเจ้าเหี้ยนเต้กับพระสนมไปตั้งซุ่มอยู่นอกวัง
ฝ่ายกุยกียกทหารกลับเข้าไปในวัง เก็บเอาทรัพย์สิ่งของในท้องพระคลังแลจับนักสนมซึ่งซุ่มซ่อนอยู่นั้นมาไว้ แล้วให้เอาเพลิงจุดเผาวังเสียสิ้น ครั้นเวลารุ่งขึ้นเช้า กุยกีรู้ว่าลิฉุยพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปตั้งชุมนุมอยู่นอกพระราชวัง จึงยกทหารมาถึงหน้าทัพลิฉุย จะรบชิงเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้
ลิฉุยก็ยกทหารออกมารบด้วยกุยกี กุยกีต้านทานมิได้ก็พาทหารถอยไปตั้งชุมนุมอยู่ ลิฉุยเห็นกุยกีถอยไป จึงให้เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับขันที แลพระสนมไปไว้ ณ เมืองซึ่งตั๋งโต๊ะสร้าง แล้วกำชับลิเซียมให้ดูแลอย่าให้ผู้ใดเอาข้าวปลาอาหารให้ขันทีแลสนมทั้งนั้นกินเป็นอันขาดทีเดียว พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นข้าไททั้งปวงอดอยากก็มีความสงสาร จึงให้ขันทีขอข้าวกับเนื้อโคแก่ลิฉุย ลิฉุยโกรธว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้เสวยอยู่ทุกเวลา เป็นไฉนจึงให้มาขออาหาร จะเอาไปให้ผู้ใดกินเล่าก็มิได้ขัด ลิฉุยจึงเอาข้าวซึ่งผุรากับเนื้อโคเน่าให้ขันทีไปถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นดังนั้นก็ทรงพระโกรธ แล้วตรัสว่าอ้ายศัตรูมันดูหมิ่นหยาบช้าแก่กู
พอเอียวปิวลอบเข้าไปเฝ้าจึงกราบทูลห้ามว่า ลิฉุยนั้นมีใจหยาบช้า ครั้งนี้พระองค์อยู่ในบังคับมัน จงอดพระทัยเอาเถิด พระเจ้าเหี้ยนเต้มิได้ตอบประการใด ก็ทรงพระกันแสงจนฉลองพระองค์นั้นชุ่มไปด้วยน้ำพระเนตร
ในขณะนั้นมีคนลอบเอาเนื้อความมากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า มีทัพยกมาจะรับเสด็จ พระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ขันทีลอบออกไปฟังดูรู้ว่ากุยกียกมา พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงพระดำริว่า กุยกีเห็นจะมาทำอันตรายแก่เราด้วย แล้วก็ยิ่งทรงพระกันแสงไป พอได้ยินเสียงนอกกำแพงนั้นโห่ร้องอื้ออึงขึ้น ลิฉุยรู้ว่ากุยกียกมาก็จัดแจงทหารออกไป จึงเอาแส้ม้าชี้หน้ากุยกีแล้วร้องด่าว่า กูเลี้ยงมึงก็เต็มกองเป็นไฉนจึงทรยศมาคิดร้ายต่อกู กุยกีจึงตอบว่า ตัวมึงเป็นศัตรูราชสมบัติ กูจึงจะคิดฆ่ามึงเสีย ลิฉุยจึงว่า กูเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ออกมารักษาไว้ เหตุไฉนมึงจึงว่าเป็นศัตรูราชสมบัติ กุยกีจึงตอบว่า มึงให้หลานเข้าไปหักหาญพาเสด็จออกมาหวังจะทำอันตรายพระองค์เสีย ครั้นกูยกตามมามึงแก้ว่าพามารักษาไว้ ลิฉุยโกรธจึงว่า อย่าให้ร้อนถึงทหารทั้งปวงเลย แต่มึงกับกูมาสู้กัน ถ้ามึงชนะก็จงพาเสด็จไปเถิด แล้วลิฉุยก็ขับม้าออกไปรบกับกุยกีได้สิบเพลงยังมิทันแพ้ชนะกัน
ฝ่ายเอียวปิวรู้ว่าวุ่นวายใหญ่หลวงผิดกับซึ่งคิดไว้ดังนั้น จึงพาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยมาประมาณหกสิบคนรีบไป เห็นลิฉุย กุยกีรบกันอยู่ เอียวปิวจึงร้องห้ามว่า ท่านทั้งสองอย่ารบกัน ข้าพเจ้ากับขุนนางทั้งปวงมาห้าม ให้ท่านทั้งสองปรกติกันสืบไป ลิฉุย กุยกีได้ฟังดังนั้น ต่างคนต่างก็พาทหารกลับไป เอียวปิวก็พาขุนนางทั้งปวงไปตามห้ามกุยกี กุยกีเห็นขุนนางทั้งปวงมา ก็สั่งทหารให้เอาตัวขุนนางเหล่านี้ไปจำคุกไว้ ขุนนางทั้งปวงจึงตอบว่าเราหาผิดมิได้ เรามาหวังจะห้ามท่านมิให้รบกัน เป็นไฉนท่านจึงจะให้เอาไปใส่คุกเสีย กุยกีจึงตอบว่าลิฉุยนั้นพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้แลสนมไปขังไว้ เราจึงจะให้เอาท่านทั้งปวงไปจำไว้บ้าง
เอียวปิวจึงตอบว่า ฝ่ายลิฉุยจับพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปไว้ ฝ่ายท่านให้จับขุนนางไปจำไว้ฉะนี้ ท่านจะคิดประการใดหรือ กุยกีได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงชักกระบี่ออกจะฟันเอียวปิว พอเอียวปิดซึ่งเป็นทหารกุยกีห้ามไว้ กุยกีจึงให้ปล่อยเอียวปิวกับจูฮีเสีย ให้เอาขุนนางทั้งปวงจำไว้
เอียวปิวกับจูฮีเดินมากลางทาง เอียวปิวจึงปรึกษากับจูฮีว่า เราเป็นขุนนางพระมหากษัตริย์ชุบเลี้ยงอยู่ในแผ่นดิน ครั้งนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงพระทุกข์ทรมารอยู่ เราจะละเสียก็เป็นคนหากตัญญูไม่ จำเราจะคิดทำนุบำรุงแผ่นดิน ให้พระองค์อยู่เย็นเป็นสุขจึงจะควร แล้วกอดคอกันร้องไห้จนล้มลงในที่นั้น ครั้นฟื้นขึ้นต่างคนต่างกลับไปบ้าน จูฮีนั้นเป็นไข้ใจตาย
ฝ่ายลิฉุย กุยกีตั้งรบกันทุกวันมิได้ขาด ประมาณสองเดือน ทหารทั้งปวงสองฝ่ายล้มตายเป็นอันมาก แลลิฉุยเมื่ออยู่ในค่ายนั้น เชื่อคำออมดออท้าวกาเซี่ยงห้ามเป็นหลายครั้งว่า อย่าให้ท่านเชื่อฟังคนจำพวกนี้ ลิฉุยก็มิฟัง จะทำการสิ่งใดก็ให้ลงออท้าวทุกครั้ง
เอียวกีขุนนางรู้ว่าลิฉุยทำดังนั้น ก็ลอบเข้าไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า กาเซี่ยงเป็นที่ปรึกษาลิฉุย กาเซี่ยงจะว่าประการใดลิฉุยมิได้ทำตาม เห็นกาเซี่ยงนั้นจะมีน้ำใจสามิภักดิ์ต่อพระองค์อยู่ ขอให้กาเซี่ยงมาเฝ้า แล้วตรัสปรึกษาราชการด้วย พอกาเซี่ยงเข้ามาเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงให้ขับขันทีออกไปเสียภายนอก แล้วทรงพระกันแสงตรัสแก่กาเซี่ยงว่า ครั้งนี้เราได้ความทุกขเวทนานัก ท่านจงมีใจภักดีต่อแผ่นดินช่วยเอาชีวิตเราไว้ให้รอดด้วย
กาเซี่ยงกราบถวายบังคมแล้วทูลว่า ทุกวันนี้ข้าพเจ้าคิดจะทำราชการสนองพระคุณอยู่ พระองค์อย่าเพ่อตรัสให้เนื้อความแพร่งพรายก่อน ไว้ข้าพเจ้าจะอาสาคิดการให้สำเร็จ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็คลายพระทัย พอลิฉุยเดินถือกระบี่เข้าไปพระเจ้าเหี้ยนเต้ตกพระทัย
ลิฉุยกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า กุยกีนั้นคิดขบถต่พระองค์ มันจึงจับเอาขุนนางทั้งปวงไปจำไว้ แล้วมันจะจับเอาพระองค์ไป หากว่าข้าพเจ้าเชิญเสด็จมาไว้พระองค์จึงพ้นภัย พระเจ้าเหี้ยนเต้คิดว่าจริง จึงคำนับลิฉุยแล้วตรัสว่า ซึ่งท่านทำดังนี้ขอบคุณท่านหาที่สุดมิได้ ลิฉุยก็ลาพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับไป
ขณะนั้นฮองหูเหียบเข้ามาเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบว่าฮองหูเหียบมีสติปัญญาแล้วเป็นชาวบ้านเดียวกับลิฉุย จึงทรงอักษรให้ไปห้ามลิฉุย กุยกี อย่าให้มีพยาบาทรบพุ่งกันสืบไป ฮองหูเหียบรับเอาพระอักษรแล้วเอาไปให้กุยกี ณ ค่ายกุยกีเห็นพระอักษรพระเจ้าเหี้ยนเต้แล้วจึงว่าลิฉุยปล่อยพระเจ้าเหี้ยนเต้เสีย แล้วเราก็จะปล่อยขุนนางทั้งปวงเสียบ้าง เรากํบลิฉุยก็จะปรกติกันสืบไป
ฮองหูเหียบได้ยินดังนั้นก็กลับมา ณ ค่าย จึงว่าแก่ลิฉุยว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นว่าข้าพเจ้ากับท่านเป็นชาวบ้านเดียวกัน จึงให้ข้าพเจ้าถือหนังสือรับสั่งมาห้ามท่านกับกุยกีอย่าให้รบพุ่งกัน กุยกีนั้นก็ฟังรับสั่งแล้ว ฝ่ายท่านจะว่าประการใด ลิฉุยจึงตอบว่าเราได้ทำนุบำรุงมาถึงสี่ปีแล้ว ความชอบก็มีอยู่เป็นอันมาก กุยกีนั้นเป็นแต่ผู้ร้ายลักม้า มาได้ดีขึ้น ครั้งนี้บังอาจถือตัวว่าเป็นใหญ่ เอาขุนนางทั้งปวงไปจำไว้ แล้วจะทำร้ายแก่เรา เราจะฆ่ามันเสียให้จงได้
ฮองหูเหียบจึงตอบว่า ครั้งตั๋งโต๊ะได้เป็นใหญ่นั้นเสียทหาร แลลิโป้มิได้มีความกตัญญูฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ทุกวันนี้บ้านเมืองยังมิปรกติ ท่านอย่าเพิ่อถือตัวว่าเป็นใหญ่ก่อนเลย ประการหนึ่งญาติพี่น้องท่านก็ได้เป็นขุนนางมา ครั้งนี้พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ชุบเลี้ยงท่านเป็นใหญ่ถึงขนาด เป็นไฉนท่านจึงเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปกักขังไว้ กุยกีเห็นท่านทำดังนี้จึงจับเอาขุนนางทั้งปวงไปจำเสียบ้าง ท่านทั้งสองฝ่ายเป็นผู้ทำนุบำรุงแผ่นดิน เมื่อทำดังนี้เห็นไม่ชอบ จะเห็นข้างผู้ใดผิดจงพิเคราะห์ดูให้สมควร
ลิฉุยได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงชักกระบี่ออกแล้วตวาดว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ใช้ตัวให้มาขู่กระโชกเราหรือ ตัวจึงว่าดังนี้ เราจะตัดศีรษะตัวเสีย เอียวฮองเห็นดังนั้นจึงห้ามว่า การกุยกีรบกับท่านยังมิสำเร็จ ซึ่งจะฆ่าฮองหูเหียบผู้ถือรับสั่งเสีย ก็ไม่ควร ถ้ารู้ไปถึงหัวเมืองทั้งปวงก็จะยกมาช่วยกุยกีทำร้ายท่าน แลกาเซี่ยงก็เข้ามาห้ามปรามลิฉุยด้วย ลิฉุยก็มิได้ฆ่าฮองหูเหียบ แลกาเซี่ยงก็พาฮองหูเหียบออกไปภายนอก ฮองหูเหียบจึงร้องประกาศว่า ลิฉุยทำการหยาบช้า รับสั่งให้มาว่าก็มิฟัง คิดทำทั้งนี้จะเป็นขบถชิงเอาราชสมบัติ
โอเมาได้ยินดังนั้นจึงห้ามว่า ท่านอย่าว่าดังนี้อันตรายจะมาถึงตัวท่าน ฮองหูเหียบมิฟังจึงร้องตวาดแล้วว่า ตัวเป็นขุนนาง พระเจ้าเหี้ยนเต้ชุบเลี้ยงให้กินเบี้ยหวัด บัดนี้พระองค์ได้ทุกข์ทรมาน เราผู้เป็นข้ามิได้เสียดายชีวิต จะคิดสนองพระคุณ จึงมาว่ากล่าวทั้งนี้ ตัวท่านหากตัญญูมิได้ แล้วซ้ำมาห้ามดังนี้ตัวเป็นพวกอ้ายขบถหรือ แล้วฮองหูเหียบร้องด่าลิฉุยเป็นข้อหยาบช้า
พระเจ้าเหี้ยนเต้ทราบดังนั้น จึงให้หาตัวฮองหูเหียบมาแล้วตรัสว่า ท่านจะอยู่ในเมืองหลวงนี้อันตรายจะพึงมี ท่านจงไปอยู่เมืองซีหลงให้พ้นภัยเถิดฮองหูเหียบได้ฟังรับสั่งดังนั้นก็กราบถวายบังคมลา แล้วว่ากล่าวชักชวนทหารลิฉุยซึ่งเป็นชาวเมืองซีหลงว่า ลิฉุยทำการทั้งนี้มิได้สัตย์ซื่อต่อแผ่นดิน ท่านทั้งปวงอย่าได้คิดเป็นใจด้วย อันตรายจะมีมาถึงตัวต่างๆ ทหารทั้งปวงได้ยินฮองหูเหียบว่าดังนั้นก็สะดุ้งตกใจ ต่างคนต่างหนีออกจากลิฉุยเป็นอันมาก
ขณะนั้นลิฉุยรู้ จึงสั่งให้อ่องเฉียงคุมทหารไปตามจับฮองหูเหียบมาให้ได้ อ่องเฉียงตามไปถึงกลางทางจึงคิดว่า ฮองหูเหียบเป็นคนสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินอยู่จะตามไปได้ตัวมาลิฉุยก็จะฆ่าเสีย ความร้ายก็จะอยู่แก่เรา อ่องเฉียงก็กลับมาบอกแก่ลิฉุยว่า ข้าพเจ้าไปตามก็มิได้พบ ลิฉุยก็มิได้ว่าประการใด
ฝ่ายกาเซี่ยงซึ่งเข้าไปกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ลิฉุยทำร้ายหยาบช้า ครั้งนี้ทหารทั้งปวงเอาใจออกหาก แตกตื่นออกจากลิฉุยเป็นอันมาก ขอให้มีรับสั่งเอาใจตั้งให้ลิฉุยเป็นมหาอุปราช ข้าพเจ้าจะได้คิดการต่อไป พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นชอบด้วย จึงตั้งให้ลิฉุยเป็นมหาอุปราช ลิฉุยนั้นมีความยินดีจึงว่า เราได้เลื่อนที่ครั้งนี้เพราะออมดออท้าวช่วย จึงเอาเงินทองเสื้อผ้าให้แก่ออมดออท้าวเป็นอันมากและทหารทั้งปวงนั้นลิฉุยจะให้สิ่งใดหามิได้
เอียวฮองเห็นดังนั้นก็โกรธ จึงว่าแก่ซองโกว่า เราเป็นทหารลิฉุยได้ทำการรบพุ่งมาเป็นอันมาก ลิฉุยจะได้ให้บำเหน็จสิ่งใดหามิได้ ให้ปันแก่ออมดออท้าวเป็นอันมาก
ซองโกจึงตอบว่า เราก็มีความน้อยใจอยู่ เราจะคิดฆ่าลิฉุยเสีย เราจะเข้าทำราชการอยู่ด้วยพระเจ้าเหี้ยนเต้เอาความชอบดีกว่า เอียวฮองเห็นชอบด้วย จึงว่าเราจะออกไปควบคุมซ่องสุมทหารทั้งปวงให้ได้มาก เวลาสามยามวันนี้ ท่านอยู่ข้างใน จงเอาเพลิงจุดเผาค่ายขึ้น เราจึงจะยกทหารตีเข้าไปจับลิฉุยฆ่าเสีย ซองโกยอมด้วย เอียวฮองก็ออกไปซ่องสุมทหารอยู่นอกค่าย ทหารคนหนึ่งรู้เนื้อความจึงให้ไปบอกลิฉุยตามเอียวฮองกับซองโกคิดกัน ลิฉุยจึงให้จับเอาตัวซองโกไปฆ่าเสีย
ฝ่ายเอียวฮองซ่องสุมทหารได้ คอยอยู่ถึงสองยามเศษ มิได้เห็นแสงเพลิงในค่าย จึงให้ทหารทั้งหมดสงบอยู่
ฝ่ายลิฉุยยกทหารออกมาจากค่าย พบกองทัพเอียวฮอง ได้รบพุ่งกัน ทหารทั้งสองฝ่ายล้มตาย เอียวฮองเห็นต้านทานมิได้ ก็พาทหารที่เหลือนั้นหนีออกจากเมืองไปข้างทิศตะวันตก ฝ่ายกุยกีนั้นยกทหารมารบกับลิฉุยทุกวันมิได้ขาดทหารลิฉุยล้มตายบ้าง แตกตื่นเบาบางไปเป็นอันมาก
ขณะนั้นพอม้าใช้มาบอกแก่ลิฉุยว่า เตียวเจยกทหารมอกองหนึ่งข้างทิศตะวันตก แล้วร้องประกาศว่า จะมาห้ามท่านมิให้รบกันกับกุยกี ถ้าผู้ใดมิฟังเตียวเจจะทำศึกด้วยผู้นั้น ลิฉุยจึงคิดว่าทหารเราก็เบาบางแล้ว ซึ่งจะทำศึกไปกับกุยกีนั้นเห็นจะขัดสน เตียวเจมาห้ามนั้นก็สมความคิดเรา แต่เราจะไปทำไมตรีไว้ให้เตียวเจเห็นว่าเราฟังคำห้าม แล้วก็แต่งทหารออกไปรับ ว่าเราได้ยินกิตติศัพท์ว่าเดิมเตียวเจจะมาห้ามมิให้รบพุ่งกันกับกุยกีนั้น เราเห็นแก่หน้าเตียวเจเราจึงฟังคำ
ฝ่ายกุยกีรู้จึงให้ทหารออกไปว่าแก่เตียวเจว่า ซึ่งยกมาห้ามมิให้รบพุ่งกันกับลิฉุยนั้น เราก็จะฟังคำแล้ว เตียวเจก็มีความยินดีจึงให้ตั้งทัพอยู่ แล้วแต่งหนังสือไปให้กราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า ข้าพเจ้าเตียวเจได้มาห้ามปรามลิฉุยกุยกี ทั้งสองฝ่ายก็ยอมไม่รบกันแล้ว ข้าพเจ้าขอเชิญเสด็จพระองค์ไปอยู่ ณ เมืองฮองหลง ซึ่งเป็นหน้าด่านเมืองเตียงฮัน
พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็มีความยินดีจึงตรัสว่า ครั้งตั๋งโต๊ะเราก็จากเมืองลกเอี๋ยงมาอยู่เมืองเตียงฮัน ครั้งนี้รื้อมาอยู่เมืองซึ่งตั๋งโต๊ะสร้างไว้ เราหาความสุขมิได้บัดนี้เตียวเจจะให้ไปอยู่เมืองฮองหลง เห็นจะค่อยมีความสบายเพราะบุญของเราจึงสั่งให้เตียวเจเป็นเพียวกี๋จงกุ๋น แปลภาษาไทยว่านายทหารผู้ใหญ่ เตียวเจได้เลื่อนที่ก็มีความยินดี จึงจัดแจงข้าวปลาอาหารสิ่งของตระการเข้าไปถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงพระราชทานให้ข้าไททั้งปวงซึ่งอดอยาก
กุยกีรู้ดังนั้นก็ปล่อยขุนนางที่จำไว้มาถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ขุนนางทั้งปวงจึงให้จัดแจงทหารเครื่องแห่แหน แล้วเชิญพระเจ้าเหี้ยนเต้กับพระมเหสีขึ้นรถผ่านเมืองสินหลงไปถึงสะพานแม่น้ำป่าเหล็ง พอได้ยินเสียงโห่ร้องอื้ออึง แล้วยกทหารมาสกัดอยู่บนสะพาน นายทัพนั้นร้องถามว่า ซึ่งยกมานี้จะไปไหน
ฝ่ายเอียวกีขับม้าขึ้นมาบนสะพานแล้วร้องตอบว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมาซึ่งคุมทหารขึ้นสกัดบนสะพานนั้นชื่อใดจึงมิได้ถวายบังคม ทหารเอกสองคนจึงตอบว่า กุยกีให้เรามารักษาทางนี้ไว้ หวังมิให้ผู้ใดไปช่วยลิฉุย ซึ่งท่านว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จมานั้นจงให้เราเห็นสำคัญก่อน เราจะถวายบังคมเปิดทางให้เสด็จไปเอียวกีจึงให้ทหารเร่งชักรถทรงนั้นขึ้นมาถึงเชิงสะพาน พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เปิดมู่ลี่ขึ้นแล้วจึงตรัสว่า เร่งยกทหารถอยไปให้พ้นทาง ทหารทั้งปวงเห็นประจักษ์ก็ถวายบังคม แล้วถอยลงไปจากสะพาน พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เสด็จข้ามสะพานไป
ฝ่ายนายทหารทั้งสองคนก็กลับไปบอกกุยกีว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ไปถึงสะพานแม่น้ำป่าเหล็ง กุยกีได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ซึ่งเราฟังเตียวเจแต่ปาก เราจึงให้ยกทหารไปสกัดจับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ จะขังไว้ในเมืองตั๋งโต๊ะสร้างใหม่ เป็นไฉนมิได้ทำตามคำเรา จึงให้เอาทหารทั้งสองไปฆ่าเสีย กุยกีก็ยกทหารตามไป พระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นเสด็จไปถึงเมืองฮัวหิม พอได้ยินเสียงทหารโห่ร้องตามมาข้างหลังแล้วร้องว่า ขุนนางทั้งปวงอย่าเพ่อพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไป ให้อยุดอยู่ก่อน
พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ยินดังนั้นก็ทรงพระกันแสง แล้วตรัสว่าพ้นลิฉุยมา คิดว่าจะมีความสบาย มาพบกองทัพมาสกัดสะพานอยู่ อุปมาเหมือนอยู่ในปากหมี ออกจากปากหมีได้จะมาเข้าปากเสือ ครั้งนี้ยังซ้ำร้ายนัก จะคิดประการใดจึงจะพ้นภัย ขุนนางทั้งปวงมิได้ว่าประการใด ทัพกุยกียกกระชั้นใกล้มา พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ยิ่งทรงพระโศกนัก
ฝ่ายเอียวฮองซึ่งหนีลิฉุยไปอยู่เขาสำคูสันทิศตะวันตกนั้น รู้ข่าวว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จไปอยู่เมืองฮองหลง ก็คุมทหารยกตามไปหวังจะป้องกันอันตรายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ครั้นมาพบกุยกีตามพระเจ้าเหี้ยนเต้มา เอียวฮองก็คุมทหารเข้าสกัดกองทัพกุยกีไว้
ซุยยงทหารกุยกีเห็นดังนั้น ก็ขับม้าฝ่าทหารขึ้นไปแล้วร้องด่าเอียวฮองเป็นข้อหยาบช้า เอียวฮองโกรธ จึงให้ซิหลงถือขวานใหญ่ขี่ม้าออกไปรบด้วยซุยยงได้พักเดียว ซิหลงเอาขวานฟันถูกซุยยงตกม้าตาย เอียวฮองก็ขับม้าไล่ฟันทหารกุยกีล้มตายแตกไปทางประมาณสองร้อยเส้น แล้วเอียวฮองพาทหารไปถวายบังคมพระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสว่า เอียวฮองคุมทหารมาช่วยเราครั้งนี้มีความชอบเป็นอันมาก แลทหารที่ฆ่าซุยยงเสียนั้นจงพาตัวมาให้เรารู้จักไว้ เอียวฮองก็ให้หาตัวซิหลงมาเฝ้า แล้วเอียวฮองทูลว่า ซิหลงนี้เป็นเมืองโฮตั๋ง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสว่า ท่านทั้งสองนี้มีความชอบจงอยู่ด้วยเราเถิด ครั้นเวลาค่ำเอียวฮองก็ให้ตั้งค่ายรักษาพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้
ฝ่ายกุยกีซึ่งแตกมานั้น จึงซ่องสุมทหารเข้าได้ พอเวลารุ่งเช้ายกไปจะได้รบด้วยเอียวฮอง ซิหลงเห็นดังนั้นจึงขับม้าออกมา เห็นทหารกุยกีตั้งล้อมอยู่ พอเห็นตังสินขี่ม้าคุมทหารฟันฝ่ากองทัพกุยกีเข้ามาทางตะวันออก ทหารกุยกีนั้นระส่ำระสายอยู่ ซิหลงเห็นได้ทีก็คุมทหารรบกระหนาบออกไป ทหารกุยกีก็แตกตื่นล้มตายเป็นอันมาก ตังสินจึงเข้าไปเฝ้า พระเจ้าเหี้ยนเต้เห็นตังสินก็ทรงพระกันแสง แล้วตรัสเล่าเนื้อความให้ฟังทุกประการ ตังสินจึงกราบทูลว่า พระองค์อย่าทรงพระวิตกเลย ข้าพเจ้ากับเอียวฮองจะป้องกันรักษาพระองค์ แล้วจะคิดฆ่าอ้ายศัตรูทั้งสองเสียให้ได้ แผ่นดินจึงจะอยู่เย็นเป็นสุขสืบไป พระเจ้าเหี้ยนเต้ดีพระทัยนัก จึงรีบยกไปทั้งกลางวันกลางคืน ก็ถึงเมืองฮองหลง
แลกุยกีซ่องสุมทหารซึ่งแตกตื่นนั้นได้บ้าง ฝ่ายลิฉุยยกทหารตามไป หวังจะทำอันตรายพระเจ้าเหี้ยนเต้ พอพบกุยกี กุยกีจึงปรึกษากับลิฉุยว่า ตังสินกับเอียวฮองพาเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปทางเมืองฮองหลง ถ้าเสด็จไปถึงเมืองเตียงฮันได้ตั้งมั่นลงแล้ว เห็นจะให้มีหนังสือรับสั่งไปถึงหัวเมืองทั้งปวง ให้ยกเข้ามาทำร้ายแก่เราทั้งสองเป็นมั่นคง ลิฉุยจึงตอบว่า บัดนี้เตียวเจตั้งมั่นอยู่ ณ เมืองเตียงฮันกล้าแข็งอยู่กองหนึ่ง ท่านกับเราจำจะรีบตามไป ณ เมืองฮองหลง จับเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ฆ่าเสีย สมบัติทั้งนั้นท่านกับเราปันกันคนละกึ่ง กุยกีได้ฟังดังนั้นเป็นคนโลภก็พาลิฉุยยกไป ถึงตำบลให้ทหารริบราชบาตรช่วงชิงเอาทรัพย์สิ่งของอาณาประชาราษฎร
ฝ่ายตังสิน เอียวฮองพาเสด็จมาถึงตำบลตันกั๋น รู้ว่าลิฉุยกลับร่วมคิดกันเข้ากับกุยกี ยกตามมาจะกระทำอันตรายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตังสินจึงให้หยุดอยู่หวังจะรบป้องกันพระเจ้าเหี้ยนเต้
ฝ่ายลิฉุย กุยกีจึงปรึกษากันว่าทหารเรายกมาเป็นอันมาก ทหารตังสินกับเอียวฮองนั้นน้อย เราจะยกเข้ารบชิงเอาพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ได้ ลิฉุย กุยกีเห็นพร้อมกัน จึงคุมทหารคนละกองแล้วยกตีกระหนาบเข้าไป ตังสินกับเอียวฮองรบพุ่งเป็นสามารถ เห็นจะต้านทานมิได้ จึงทิ้งเครื่องอานทรัพย์สิ่งสินเสีย พาเอาแต่พระเจ้าเหี้ยนเต้กับขุนนางทั้งปวงรบฝ่าออกไปทางทิศเหนือ ลิฉุย กุยกียกทหารเข้าช่วงชิงทรัพย์สิ่งของอาณาประชาราษฎรในเมืองฮองหลง แล้วยกตามพระเจ้าเหี้ยนเต้ไป
ฝ่ายตังสินกับเอียวฮอง จึงแต่งหนังสือรับสั่งให้ไปเกลี้ยกล่อมลิฉุย กุยกีฉบับหนึ่ง ฉบับหนึ่งให้ไปถึง หันเซียม ลิงัก โฮจ๋าย สามคนซึ่งเป็นนายโจรอยู่แดนเมืองโฮตั๋งนั้นมิได้เอาโทษ แล้วให้คุมพรรคพวกมารับเสด็จ หันเซียม ลิงัก โฮจ๋าย รู้หนังสือรับสั่งแล้ว จึงให้คุมพรรคพวกทั้งปวงยกมาเฝ้า ตังสินจึงปรึกษาแก่นายโจรทั้งสามคนว่า เราจะยกกลับไปตีเอาเมืองฮองหลงคืนให้ได้เป็นที่มั่นก่อนจึงจะคิดการสืบไป นายโจรทั้งสามคนเห็นชอบด้วย ตังสินจึงยกทหารพาพระเจ้าเหี้ยนเต้กลับมา ลิฉุย กุยกีนั้นยกตามมาถึงตำบลใด ก็ให้ทหารริบราชบาตรฆ่าคนเฒ่าคนแก่เสียเป็นอันมาก แต่ฉกรรจ์นั้นเอาไว้เป็นทหาร เรียกชื่อว่ากองไม่กลัวตาย
ลิฉุย กุยกีมาพบทัพตังสินเข้าที่ตำบลอยู่เอี๋ยง ได้รบพุ่งกันกับทหารตังสินแล้วตั้งรอกันอยู่ ลิฉุยจึงปรึกษากับกุยกีว่า บัดนี้ตังสินได้พวกโจรมาเป็นกำลังเป็นอันมาก เราจะให้ทหารเอาสิ่งของกับเสื้อผ้าไปทิ้งเรี่ยรายไว้ในป่าสองข้างทางพวกโจรก็จะพะวงเก็บข้าวของอยู่ เราจึงจะยกทหารเข้าโจมตี ทัพตังสินก็จะแตกโดยง่าย กุยกีเห็นชอบด้วย จึงให้เอาสิ่งของเสื้อผ้าไปทิ้งไว้ พวกโจรเห็นดังนั้นก็ชวนกันออกเก็บเอาสิ่งของเสื้อผ้ามิได้คิดระวังตัว ลิฉุย กุยกีเห็นได้ทีแล้วก็ยกทหารเข้าตีกระหนาบทั้งสี่ด้าน ฆ่าฟันทหารตังสินแลพวกโจรล้มตายเป็นอันมาก ตังสินกับเอียวฮองต้านทานมิได้ ก็พาพระเจ้าเหี้ยนเต้หนีไปข้างทิศเหนือ ลิฉุย กุยกีก็ยกทหารตามไป
ลิงักนายโจรเห็นดังนั้น จึงกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ว่า กองทัพตามมาใกล้จะทันอยู่แล้ว เชิญพระองค์ลงจากรถขึ้นม้าพระที่นั่งรีบหนีไปก่อนเถิด ข้าพเจ้าทั้งปวงจะรบพุ่งต้านทานอยู่ข้างหลัง พระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสตอบว่า ซึ่งเราจะหนีไปก่อนนั้นไม่ควร ท่านทั้งปวงเป็นประการใดเราจะเป็นด้วย ขุนนางแลนายโจรทั้งปวงก็ร้องไห้ แล้วก็ตามเสด็จป้องกันพระเจ้าเหี้ยนเต้ไป โฮจ๋ายนายโจรนั้นเห็นกองทัพรุกตามมาใกล้ก็ขับม้าออกไปรบต้านทานไว้ ทหารลิฉุย กุยกียิงเกาทัณฑ์ระดมไปถูกโฮจ๋ายตกม้าตาย ลิฉุย กุยกีก็ยกทหารติดตามไป
ตังสิน เอียวฮองเห็นกองทัพรุกใกล้เข้ามา ก็เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับพระมเหสีลงจากรถ รีบหนีไปถึงฝั่งแม่น้ำฮองโห ลิงักจึงเที่ยวไปหาเรือได้มาลำหนึ่งหวังจะรับพระเจ้าเหี้ยนเต้ ตลิ่งนั้นสูงนัก พระเจ้าเหี้ยนเต้กลัวเสด็จลงไปมิได้ พอเห็นกองทัพยกตามมาถึงชายป่า ตังสินจึงแก้เอาสายถือนั้นต่อกันเข้าจะผูกบั้นพระองค์หย่อนลงไปให้ถึงเรือ ฮกเต๊กผู้พี่พระมเหสีเห็นดังนั้น จึงเอาแพรขาวเป็นลายไม้หนึ่ง ซึ่งเก็บได้มาแต่กลางทางผูกบั้นพระองค์พระเจ้าเหี้ยนเต้แลพระมเหสีหย่อนลงไปถึงเรือ ขุนนางแลทหารก็ชิงกันลงเรือ ลิงักเห็นเรือจะล่มลงจึงถอดกระบี่ออกฟันขุนนางแลทหารตายเป็นหลายคน จึงถอยเรือข้ามไปส่งเสด็จขึ้นถึงฝั่ง แล้วข้ามมารับผู้คนไปหลายเที่ยว คนนั้นยังมิหมด พอทัพลิฉุย กุยกียกมาใกล้ ผู้ซึ่งข้ามมาก็ทิ้งเรือเสีย แลคนทั้งปวงกับนักสนมแลขันทีซึ่งค้างอยู่นั้นก็ร้องเรียกกันบ้าง ร้องไห้อื้ออึงอยู่บ้าง เอียวฮองจึงให้ไปเที่ยวหาเกวียนมาได้เล่มหนึ่ง แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับพระมเหสีเสด็จไป
ขุนนางสิบเอ็ดสิบสองคน กับนายโจรสองคน ก็ตามเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปถึงแดนเมืองไทเฮียง พอเวลาค่ำลง จึงเข้าไปอาศัยอยู่ในโรงกระเบื้อง คนแก่เจ้าของโรงนั้นจึงเอาข้าวกล้องหุงมาถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้เสวยมิได้ ครั้นเวลารุ่งเช้าจะเสด็จออกจากที่นั่น พอเอียวปิวกับฮันหยงซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่มาพบ ก็ร้องไห้รักพระเจ้าเหี้ยนเต้ แลฮันหยงทูลว่า ลิฉุย กุยกีนั้นเชื่อฟังข้าพเจ้าอยู่ขอเชิญเสด็จพระองค์ยั้งอยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปว่ากล่าวห้ามปรามให้ยกกลับไปพระเจ้าเหี้ยนเต้จึงตรัสว่า ซึ่งท่านมีน้ำใจต่อเราจะไปห้ามปรามลิฉุย กุยกีก็ตามเถิด ฮันหยงก็กราบถวายบังคมลาไป ลิงักมิได้ฟังคำฮันหยงก็พาเสด็จรีบไปถึงตำบลอันอิบ พอเวลาค่ำก็เชิญเสด็จเข้าอาศัยอยู่ในโรงแห่งหนึ่ง คนทั้งปวงก็ล้อมวงอยู่
ฝ่ายลิฉุย กุยกี ครั้นยกมาถึงแม่น้ำฮองโห พบขุนนางกับนักสนมขันทีจึงให้จับไว้ ครั้นฮันหยงมาถึงจึงห้ามลิฉุย กุยกีว่า ซึ่งท่านจะยกมาติดตามทำร้ายพระเจ้าเหี้ยนเต้นั้นไม่ควร ราษฎรทั้งปวงจะนินทาได้ ท่านจงยกกลับไปเสียเถิดแม้นฟังคำเรา ความสรรเสริญก็จะมีแก่ท่านไปในชั่วนี้ชั่วหน้า ลิฉุย กุยกีเห็นชอบด้วย จึงปล่อยขุนนางแลพระสนมขันทีทั้งนั้นไป ครั้งนั้นบังเกิดข้าวแพงนัก อาณาประชาราษฎรอดอยากล้มตายเป็นอันมาก
เตียวเฮียวเจ้าเมืองโห้ลาย ฮองอิบเจ้าเมืองโฮต๋อง รู้ข่าวดังนั้นก็จัดแจงเสื้อผ้าข้าวปลาอาหารให้ไปถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ดีพระทัยนักแลตังสิน เอียวฮองจึงปรึกษาขุนนางทั้งปวงว่า เราจะให้ทหารไปตำหนัก ณ เมืองลกเอี๋ยง จะได้เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ไปอยู่ ลิงักจึงว่าซึ่งท่านคิดดังนี้เราไม่เห็นด้วย ตังสินจึงตอบว่าเมืองลกเอี๋ยงนั้นเป็นเมืองหลวงมาแต่ก่อน ควรจะเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปไว้ ซึ่งท่านจะให้ตั้งอยู่ที่นี่เห็นไม่สบาย ลิงักจึงว่าท่านจะเชิญเสด็จไปอยู่เมืองลกเอี๋ยงก็ตามเถิด แต่ข้าพเจ้าจะขอตั้งอยู่ตำบลอันอิบนี้ ตังสิน เอียวฮองก็เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้กับพระมเหสี ขึ้นเกวียนยกไปเมืองลกเอี๋ยง
ฝ่ายลิงักคิดเอาใจออกปาก จึงแต่งคนให้ไปบอกแก่ลิฉุย กุยกีว่า ตังสินกับเอียวฮองพาพระเจ้าเหี้ยนเต้ยกไปเมืองลกเอี๋ยง จะขอยกไปสกัดตีจับพระเจ้าเหี้ยนเต้ฆ่าเสีย ลิฉุย กุยกีได้ฟังดังนั้นก็กลับมีใจยินดี ว่าจะยกไปทำการด้วยกัน
ฝ่ายตังสิน เอียงฮอง หันเซียมรู้กิตติศัพท์ดังนั้น ก็เชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้หนีไปทั้งกลางวันกลางคืน ลิงักนั้นเป็นคนโลภมิได้คอยลิฉุย กุยกีให้พร้อมก็คุมพรรคพวกรีบตามไปถึงเขากิสาน พอเวลาดึกประมาณสามยามเศษ ลิงักจึงร้องเป็นกลอุบายว่า ผู้ใดซึ่งเชิญเสด็จไปนั้นให้หยุดอยู่ก่อนจะได้คิดอ่านกัน บัดนี้ลิฉุย กุยกีตามมา พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ยินก็ตกพระทัยกลัว เอียวฮองจึงทูลว่าซึ่งร้องมานี้เสียงลิงัก คิดเป็นกลอุบาย แล้วให้ซิหลงถอยหลังไปรบด้วยลิงักได้สามเพลง ซิหลงเอาขวานฟันถูกลิงักตกม้าตาย แล้วซิหลงไล่ฆ่าฟันพรรคพวกลิงักล้มตายเป็นอันมาก จึงกลับมาตามเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้ไปพ้นเขากิสาน
ครั้นเวลารุ่งเช้าพอพบเตียวเอี๋ยนเอาข้าวปลาอาหารมาถวาย พระเจ้าเหี้ยนเต้มีความยินดี จึงให้เตียวเอี๋ยวเลื่อนที่เป็นไตสู ภาษาไทยว่าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ เตียวเอี๋ยนก็กราบถวายบังคมลาไป พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ยกเข้าไปในเมืองลกเอี๋ยงแล้วทอดพระเนตรเห็นพระราชวังตำหนักแลตึกกว้านอาณาประชาราษฎรนั้น เป็นที่เพลิงไหม้สิ้นทั้งเมือง ต้นไม้แลหญ้าขึ้นรกอยู่ดั่งป่า พระเจ้าเหี้ยนเต้คิดสงสารพระทัยทรงพระกันแสง ว่าเมืองนี้พระมหากษัตริย์สร้างไว้เป็นที่บรมสุขมาแต่ก่อน ครั้งนี้มาสูญเสียแล้ว ขุนนางทั้งปวงจึงให้แผ้วถางแล้วให้ปลูกตำหนักข้างหน้าข้างในแลที่เสด็จออกริมพระที่นั่งใหญ่ซึ่งเพลิงไหม้นั้น แล้วเชิญเสด็จพระเจ้าเหี้ยนเต้เสด็จขึ้นอยู่ ขุนนางทั้งปวงเข้ามาเฝ้าตามอย่างธรรมเนียม แลอาณาประชาราษฎรก็เข้าไปตั้งบ้านเรือนอยู่ประมาณห้าร้อยเรือน



Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)
ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ

4 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วไม่เม้นท์..เพื่อนไม่คบนะครับ
    5555

    ตอบลบ
  2. เนื้อหาครบครันอย่างนี้บ่งบอกว่าคนเขียนมีความอดทนและพยายามในการนั่งพิมพ์...เพราะว่าไม่มีใครมารายงานอย่างละเอียดอย่างนี้หรอก

    ตอบลบ
  3. จากมาสเตอร์ : ตอนที่ 11 และนะครับเป็นยังไงกันบ้าง

    ตอบลบ
  4. จากมาสเตอร์ : ผมอุตส่าห์นั่งพิมพ์นะเนี้ย
    ต้องพยายามเพื่อที่จะแบ่งปันให้ทุกคนได้ร่วมกัน
    ศึกษา...

    ตอบลบ