วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่13

 ฝ่ายอ้วนสุดซึ่งอยู่ ณ เมืองลำหยงนั้นให้แต่งโต๊ะเลี้ยงขุนนาง อ้วนสุดก็กินด้วน ฝ่ายซุนเซ็กซึ่งไปตีเมืองโลกั๋งครั้นได้เมืองแล้วจึงกลับมาเมืองลำหยงเข้าไปหาอ้วนสุด อ้วนสุดเห็นก็ดีใจจึงจูงมือขึ้นไปให้กินโต๊ะด้วย แลซุนเซ็กคนนี้จะได้เป็นบ่าวของอ้วนสุดแต่เดิมนั้นหามิได้ เป็นแต่บุตรซุนเกี๋ยน ครั้นบิดาตายจึงยกมาอยู่เมืองกังหนำ เมื่อโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วยังไม่ตายนั้น ผิดกันกับงอเก๋งเจ้าเมืองตันเอี๋ยงซึ่งเป็นน้าซุนเซ็ก ซุนเซ็กจะอยู่ในเมืองกังหนำนั้นเห็นจะไม่เป็นสุขด้วยเมืองกังหนำขึ้นแก่เมืองชีจิ๋ว ซุนเซ็กจึงพามารดากับครอบครัวไปไว้ตำบลขยกโอ๋ใกล้เมืองตันเอี๋ยง แต่ตัวซุนเซ็กนั้นไปทำการอยู่กับอ้วนสุด อ้วนสุดก็รักใคร่ตั้งให้เป็นเก้าอุ้ยนายทหาร ได้ใช้ให้ไปตีเมืองเก๋งกวนได้เมืองครั้งหนึ่ง แล้วซ้ำไปตีเมืองโลกั๋งได้อีกเมืองหนึ่งมีความชอบ อ้วนสุดมิได้ให้บำเหน็จ แต่เรียกให้กินโต๊ะ ครั้นกินสำเร็จแล้ว ขุนนางทั้งปวงก็ชวนกันไปที่อยู่ ซุนเซ็กก็ลาอ้วนสุดมาบ้าน ซุนเซ็กก็ออกไปเที่ยวอยู่ในสวนดอกไม้ที่หลังตึก คิดน้อยใจอ้วนสุดว่ามิได้นับถือ ซุนเซ็กก็ร้องไห้

พอจูตีซึ่งเป็นทหารของบิดาซุนเซ็กนั้นเดินเข้ามา เห็นซุนเซ็กยืนร้องไห้อยู่จูตีก็หัวเราะแล้วว่า บิดาของท่านยังมีชีวิตอยู่ จะทำการสิ่งใดก็ปรึกษาเราทุกครั้ง บัดนี้ท่านขัดเคืองสิ่งใดจึงมิได้ถามเรามาร้องไห้อยู่ฉะนี้ ซุนเซ็กเหลียวไปเห็นจูตีก็ค่อยคลายใจ เชิญให้จูตีนั่งแล้วว่าเราก็ทำความชอบต่ออ้วนสุด อ้วนสุดมิได้นับถือเราจึงน้อยใจ ครั้นจะคิดการสืบไปให้เหมือนบิดา กำลังก็น้อยเห็นจะไม่ตลอดจูตีจึงว่าท่านก็มีตระกูล แลจะมาร้องไห้อยู่ฉะนี้เหมือนมิใช่ชาติทหาร ให้ท่านคิดอ่านเข้าไปหาอ้วนสุด ขอทหารยกไปช่วยงอเก๋งผู้เป็นน้าชายซึ่งอยู่เมืองตันเอี๋ยง ก็จะมีกำลังมากขึ้น
พอลิห้อมที่ปรึกษาของอ้วนสุดจะมาหาซุนเซ็ก ลิห้อมแอบฟังอยู่ได้ยินเนื้อความดังนั้น ลิห้อมจึงเดินเข้าไปแล้วว่าแก่ซุนเซ็กว่า ซึ่งท่านคิดกันนี้ดีนัก หทารของข้าพเจ้าที่มีฝีมือมีอยู่สักร้อยหนึ่ง จะขอทำการด้วยท่าน ข้าพเจ้าเกรงแต่อ้วนสุดจะมิให้ทหาร ซุนเซ็กจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย ตราหยกสำหรับกษัตริย์ของบิดาเรามีอยู่เราจะเอาตรานั้นไปให้แก่อ้วนสุด อ้วนสุดก็จะสิ้นสงสัยจะให้ทหารแก่เราโดยง่าย ซุนเซ็กจึงไปหาอ้วนสุดแล้วบอกว่า บิดาข้าพเจ้าตายก็ยังมิได้แก้แค้นเล่าอิ้ว บัดนี้ข้าพเจ้าพามารดากับภรรยาไปฝากไว้กับงอเก๋งผู้น้า ณ เมืองตันเอี๋ยง เล่าอิ้วซึ่งเป็นเชื้อพระเจ้าเหี้ยนเต้กระทำการเบียดเบียนต่างๆ ข้าพเจ้าจะเอาตราหยกนี้ให้ไว้เป็นจำนำ ข้าพเจ้าจะขอเอาทหารของท่านไปช่วยงอเก๋งผู้น้าแก้แค้นเล่าอิ้ว
อ้วนสุดเห็นตราหยกดังนั้นก็ยินดี จึงรีบเอาตรานั้นมาดูแล้วทำเป็นว่า เราจะปรารถนาอันใดกับตราหยก แต่ท่านได้เอามาแล้วเราจะช่วยรักษาไว้ อันตัวท่านได้มาอยู่กับเรามีธุระสิ่งใดเราจะช่วย อ้วนสุดจึงจัดทหารสามพันกับม้าห้าร้อยให้แก่ซุนเซ็ก แล้วจึงสั่งว่าท่านไปทำการสำเร็จแล้วเร่งกลับมา อย่าเพ่อทำการสิ่งใดต่อไปด้วยตัวท่านยังอ่อนความคิดอยู่ แล้วก็เป็นขุนนางผู้น้อย ให้ท่านกลับมาหาเราจะตั้งเป็นขุนนางผู้ใหญ่
ซุนเซ็กจึงขอจูตี ลิห้อม ที่ปรึกษา เทียเภา ฮันต๋ง อุยกาย นายทหารซึ่งเคยทำการกับบิดานั้น อ้วนสุดก็ให้ ซุนเซ็กยกทหารออกจากเมืองลำหยง ไปถึงเมืองตันเอี๋ยง พอพบจิวยี่คุมพวกมา จะไปเยือนมารดา ณ เมืองซีเสง ซุนเซ็กก็หยุดอยู่ จิวยี่แลเห็นซุนเซ็กจึงลงจากม้าเข้ามาคำนับ ซุนเซ็กก็รับคำนับ
แลจิวยี่คนนี้ เมื่อบิดาซุนเซ็กรบกับตั๋งโต๊ะนั้น บิดาซุนเซ็กพาเอาครอบครัวไปไว้ ณ เมืองซีเสงใกล้บ้านจิวยี่ จิวยี่กับซุนเซ็กจึงชอบกันมา แต่ซุนเซ็กนั้นแก่กว่าจิวยี่สองเดือน จิวยี่จึงเรียกว่าพี่ ซุนเซ็กจึงเล่าเนื้อความทั้งปวงให้จิวยี่ฟัง จิวยี่จึงว่าข้าพเจ้าจะขออาสาทำการด้วยท่านจะได้ช่วยกันคิดการใหญ่สืบไป ซุนเซ็กจึงว่าแม้ท่านสมัครด้วยเราดังนั้นการซึ่งเราคิดไว้นั้นก็จะสำเร็ยโดยง่าย แล้วซุนเซ็กจึงพาจิวยี่ไปพูดกับจูตี ลิห้อม จิวยี่จึงว่า ในเมืองกังตั๋งนั้นมีคนดีอยู่สองคนท่านรู้จักหรือไม่ ซุนเซ็กจึงถามว่าสองคนนั้นชื่อไร จิวยี่บอกว่า คนหนึ่งชื่อเตียวเจียวชาวเมืองเพ้งเสีย คนหนึ่งชื่อเตียวเหียนชาวเมืองกองเหลง สองคนนี้มีปัญญาเป็นอันมาก บัดนี้หนีโจรมาอยู่เมืองกังตั๋ง ท่านจงคิดอ่านให้ไปเชิญมาจะได้ช่วยกันคิดการสืบไป ซุนเซ็กยินดีนักจึงแต่งให้ทหารคุมเอาสิ่งของเป็นอันมาก ให้เชิญตัวเตียวเจียว เตียวเหียนมา ซุนเซ็กจึงเล่าเนื้อความทั้งปวงให้ฟังเตียวเจียว เตียวเหียนก็ยอมจะทำการด้วย ซุนเซ็กจึงตั้งเตียวเจียวให้เป็นใหญ่กว่านายทหารซ้ายขวา ตั้งเตียวเหียนให้เป็นที่ปรึกษา แล้วคิดอ่านจะยกไปรบเล่าอิ้วตั้งอยู่ขยกโอ๋
เล่าอิ้วคนนี้เดิมอยู่เมืองเอียงจิ๋ว แล้วมาอยู่เมืองฉิวฉุน ครั้นอ้วนสุดยกมารบ จึงหนีมาตั้งอยู่ตำบลขยกโอ๋ ครั้นรู้ว่าซุนเซ็กยกทัพมา จึงหาที่ปรึกษามาคิดอ่านว่า บัดนี้ซุนเซ็กยกมาเราจะคิดอ่านประการใด เตียวเอ๋งนายทหารจึงรับอาสาว่า ข้าพเจ้าจะขอกองทัพไปตั้งอยู่ตำบลงิวจู๋ ที่นั้นชอบกลเป็นที่ลุ่ม ถึงซุนเซ็กจะยกทหารมาสักร้อยหมื่นก็พอจะสู้ได้
ไทสูจู้ได้ยินเตียวเอ๋งว่าเห็นชอบด้วย ออกรับอาสาขอทหารจะยกเป็นกองหน้าเล่าอิ้วไม่ยอม ว่าตัวเป็นเด็กยังอ่อนความคิดอยู่ จะตั้งเป็นนายทัพนั้นยังมิไว้ใจไทสูจู้โกรธก็นิ่งอยู่ เล่าอิ้วจึงจัดทหารให้เตียวเอ๋งไปตั้งอยู่ ณ ตำบลงิวจู๋ เตียวเอ๋งก็ไปตั้งซ่องสุมรี้พลกวาดข้าวขึ้นใส่ฉางไว้ตำบลเตโกะประมาณสิบหมื่นถัง
ฝ่ายซุนเซ็กยกมาถึงตำบลงิวจู๋พบทัพเตียวเอ๋ง เตียวเอ๋งก็ร้องด่าหยาบช้าซุนเซ็กโกรธจึงให้อุยกายออกไปรบกับเตียวเอ๋งได้ห้าเพลง
                ครั้นนั้นเจียวขิมชาวเมืองฉิวฉุนกับจิวท่ายชาวเมืองแฮฌ้อ ซึ่งเป็นโจรป่าอยู่นั้นรู้ข่าวว่าซุนเซ็กเป็นคนมีปัญญาน้ำใจโอบอ้อมต่อราษฎร จึงคุมพรรคพวกสามร้อยจะมาเข้าด้วยซุนเซ็ก พอมาถึงตำบลงิวจู๋เห็นซุนเซ็กกับเตียวเอ๋งรบติดพันกันอยู่เจียวขิม จิวท่ายจึงลอบเข้าจุดเพลิงในค่ายเตียวเอ๋ง ทหารในค่ายเห็นเพลิงลุกขึ้นวิ่งไปบอกเตียวเอ๋ง เตียวเอ๋งตกใจละอุยกายเสีย ควบม้าจะกลับเข้าค่าย ซุนเซ็กเห็นได้ทีก็ขับทหารไล่รบเตียวเอ๋งไป เตียวเอ๋งไม่ทันจะเข้าค่ายได้ ทิ้งทหารเสียหนีกลับเข้าเมือง ซุนเซ็กก็ได้เครื่องศัสตราวุธกับสิ่งของเป็นอันมาก แล้วก็ตั้งเกลี้ยกล่อมได้ทหารประมาณสี่พันเศษจะยกไปตั้งตำบลเขาสินเต๋งใกล้กันกับขยกโอ๋
ฝ่ายเล่าอิ้วเห็นเตียวเอ๋งแตกมาก็โกรธ ว่าตัวรับอาสาไปจะสู้กับซุนเซ็ก แล้วเหตุไฉนแตกมา เล่าอิ้วก็สั่งให้เอาตัวเตียวเอ๋งไปฆ่าเสีย ฉกหยง ซีเหลที่ปรึกษาจึงว่า เตียวเอ๋งเป็นคนมีฝีมืออยู่ ท่านจะฆ่าเสียบัดนี้รู้ไปถึงซุนเซ็กก็จะได้ใจข้าพเจ้าจะขอให้เตียวเอ๋งคุมทหารไปตั้งอยู่เมืองเลงเหลง คอยรับซุนเซ็กอีกครั้งหนึ่งก่อน เล่าอิ้วเห็นชอบด้วยก็แต่งให้เตียวเอ๋งยกไปตั้งอยู่ตามคำฉกหยง ซีเหลว่าฝ่ายเล่าอิ้วนั้นไม่ไว้ใจ กลัวซุนเซ็กจะยกตามมาฝ่ายเหนือ จึงยกทหารไปตั้งอยู่เชิงเขาสินเต๋งฝ่ายทิศเหนือ
ซุนเซ็กยกมาถึงเขาสินเต๋งก็ตั้งอยู่เชิงเขาข้างทิศใต้ แล้วจึงให้หาชาวบ้านมาถามว่า ที่เขาสินเต๋งนี้มีศาลเจ้าฮั่นกองบู๊หรือไม่ ชาวบ้านบอกว่ามีอยู่บนเนินเขา ซุนเซ็กจึงว่าเวลาคืนนี้เราฝันเห็นว่า ฮั่นกองบู๊ให้มาหาเราขึ้นไป บัดนี้จำเราจะขึ้นไปไหว้ฮั่นกองบู๊จึงจะควร เตียวเจียวจึงห้ามว่าซึ่งท่านจะไปนั้นเห็นไม่ชอบ เกลือกว่าเล่าอิ้วรู้จะยกทหารขึ้นไปทำอันตรายท่าน ข้าพเจ้าเห็นจะเสียทีแก่เล่าอิ้ว
                ซุนเซ็กไม่ฟัง ก็จับทวนขึ้นม้ากับทหารสิบสองคน พากันไปถึงศาลเจ้าฮั่นกองบู๊ คำนับบวงสรวงแล้วจึงว่า แม้ข้าพเจ้าได้เมืองกังตั๋งสำเร็จความคิดแล้วเมื่อใด ข้าพเจ้าจะมาทำพลีกรรม แล้วซุนเซ็กก็ออกจากศาล จึงปรึกษากับทหารทั้งปวงว่า เราจะไปดูกองทัพเล่าอิ้ว จะตั้งขบวนศึกประการใด ทหารทั้งปวงห้ามซุนเซ็กก็ไม่ฟังขึ้นม้าพาทหารสิบสองคนนั้นเลียบออกไปตามเนินเขา
                ฝ่ายทหารเล่าอิ้วเห็นดังนั้นก็เอาเนื้อความไปบอกเล่าอิ้วว่า ซุนเซ็กกับทหารประมาณสิบเอ็ดสิบสองคนล่วงขึ้นมาถึงเนินเขา เล่าอิ้วรู้เนื้อความดังนั้นก็คิดสงสัยจึงว่าซุนเซ็กขึ้นไปนั้นเห็นจะลวงเรา เป็นกลศึกอย่าตามไปเลย ไทสูจู้จึงว่าครั้งนี้ได้ทีแล้ว จะมิคิดอ่านจับตัวซุนเซ็กท่านจะไว้ทำการเมื่อไรเล่า แล้วไทสูจู้ก็ถือทวนขึ้นม้าออกมานอกค่ายจึงร้องประกาศแก่ทหารทั้งปวงว่า บัดนี้เราจะออกไปจับตัวซุนเซ็ก ผู้ใดที่มีฝีมือจะสมัครทำการด้วยเราก็ให้เร่งออกมา ทหารทั้งปวงก็นิ่งอยู่ แต่ทหารเลวคนหนึ่งสรรเสริญว่าไทสูจู้คนนี้มีฝีมือกล้าหาญเราจะไปทำการด้วยแล้วก็ขี่ม้าตามไทสูจู้ไป ไทสูจู้มิได้อยู่ท่าผู้ใด สองคนกับทหารนั้นรีบขึ้นไปบนเนินเขา ทหารทั้งปวงซึ่งอยู่ในค่ายนั้น ชวนกันแลดูไทสูจู้แล้วก็หัวเราะ
                ฝ่ายซุนเซ็กครั้นแลดูกระบวนทัพเล่าอิ้วเสร็จแล้ว ก็ชักม้าลงมาจากเนินเขาพอได้ยินไทสูจู้ร้องว่าซุนเซ็กมึงจะหนีไปไหน ซุนเซ็กเหลียวหลังมา เห็นทหารสองคนขึ้นม้าควบตามมา ซุนเซ็กจึงให้ทหารรออยู่ริมเชิงเขา แต่ตัวนั้นยืนม้าอยู่หน้าทหาร ไทสูจู้ตามมาทันจึงร้องถามว่า ผู้ใดชื่อว่าซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงตอบว่าเราชื่อซุนเซ็ก ตัวนั้นชื่อไรเล่า ไทสูจู้จึงว่าเราชื่อไทสูจู้ จะมาจับตัวซุนเซ็ก ซุนเซ็กหัวเราะแล้วจึงว่า ตัวจะมาจับเราแต่สองคนนี้เรามิได้กลัว แม้เรากลัวเราก็มิใช่ชาติทหาร ไทสูจู้จึงตอบว่า เราผู้เดียวให้ตัวออกมาทั้งสิบสองคนนั้นเราก็ไม่กลัว ซุนเซ็กโกรธจึงขับม้าเข้ารบกับไทสูจู้ได้ห้าเพลง ไทสูจู้เห็นฝีมือซุนเซ็กนั้นเข้มแข็งแล้วก็อยู่ในพวกทหารก็ชักม้าหนี
                ซุนเซ็กจึงร้องว่า รบกันยังมิทันแพ้ชนะแลท่านมาหนีเราดังนี้ เหมือนหนึ่งมิใช่ชาติทหาร ไทสูจู้ทำเป็นไม่ได้ยินก็ชักม้าหนีล่อให้ซุนเซ็กไล่ ซุนเซ็กก็ขับม้าไล่ไทสูจู้ไป พอทันเข้าที่ตำบลเพ้งฉวน ไทสูจู้เห็นซุนเซ็กตามมาทันเข้า ก็กลับหน้ามารบกับซุนเซ็กได้ห้าสิบเพลง ซุนเซ็กก็เอาทวนแทงไทสูจู้ ไทสูจู้เอามือรับจับทวนไว้ได้ ไทสูจู้เอาทวนแทงซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็จับทวนไว้ได้ ต่างคนต่างชิงทวนกันจนพลัดตกม้าทั้งสองข้าง ทวนนั้นหลุดมือมิทันจะหยิบได้ ก็ลุกขึ้นปล้ำกันจนเกราะแลเสื้อนั้นขาด ซุนเซ็กจึงชักเอาทวนสั้นที่เหน็บหลังไทสูจู้อยู่นั้นได้ ไทสูจู้ก็ชิงได้หมวกของซุนเซ็ก ซุนเซ็กเอาทวนแทงไทสูจู้ ไทสูจู้เอาหมวกรับไว้ พอทหารทั้งสองฝ่ายตามมาทัน ทหารข้างไทสูจู้มากประมาณพันเศษ ทหารซุนเซ็กนั้นสิบสองคนโห่อึงมา ซุนเซ็กกับไทสูจู้เห็นทหารมา ก็ผละกันออกทั้งสองข้าง ไทสูจู้จึงวิ่งเข้าหาพวกฉวยได้ทวนเล่มหนึ่ง ขึ้นขี่ม้ากลับออกมาสู้กับซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็ขี่ม้าถือทวน แต่ทหารนั้นน้อย ซุนเซ็กก็รบพลางหนีพลาง ไทสูจู้ไล่รบตามมาจนถึงที่ตั้งค่าย พอจิวยี่เห็นก็ให้ทหารออกช่วยซุนเซ็กรบกันอยู่จนพลบค่ำ เกิดพายุฝนตกหนักก็เลิกทัพกลับเข้าค่ายทั้งสองข้าง
                ฝ่ายซุนเซ็กคิดแค้นนอนมิหลับ ครั้นเวลาเช้าซุนเซ็กยกทหารมาถึงหน้าค่ายเล่าอิ้ว เล่าอิ้วจึงยกออกจากค่ายจะรบกับซุนเซ็ก ซุนเซ็กจึงขับม้าออกยืนอยู่หน้าทหาร แล้วเอาทวนของไทสูจู้ซึ่งชิงมาได้วันนั้นชูขึ้นแล้วร้องว่า เวลาวานนี้ เหตุว่าไทสูจู้หนีทัน หาไม่ก็จะตายเพราะทวนเล่มนี้ ไทยสูจู้ได้ยินดังนั้นก็ชูหมวกของซุนเซ็กขึ้นแล้วร้องว่านี่ศีรษะของใครเราได้ไว้ ต่างคนต่างเยาะเย้ยกันไปมา เล่าอิ้วจึงขับไทสูจู้ให้ออกรบกับซุนเซ็ก เทียเภาเห็นไทสูจู้ขี่ม้าออกมา ก็ออกไปจะรบกับไทสูจู้ ไทสูจู้เห็นเทียเภาจึงร้องว่า มึงเป็นคนต่ำไม่ควรจะสู้กับกู มึงจะตายเสียเปล่า ให้ซุนเซ็กนายมึงออกมาจึงจะควรกับฝีมือกู เทียเภาโกรธก็ขับม้าเข้ารบกับไทสูจู้ได้สามสิบเพลง
                ฝ่ายจิวยี่เมื่อซุนเซ็กยกไปรบเล่าอิ้ว จิวยี่ก็คุมทหารวกหลังยกลงไปขยกโอ๋ ครั้งนั้นตันบูชาวเมืองโลกั๋ง พาเอาพรรคพวกจะมาหาซุนเซ็กเข้าอาศัยอยู่ในเมืองขยกโอ๋ ตันบูคนนี้มีกำลังมากรูปร่างใหญ่สูงห้าศอกเศษหน้าเหลืองวงตาแดง ครั้นรู้ว่าจิวยี่ยกมาถึงขยกโอ๋ ตันบูจึงเป็นประตูรับจิวยี่ จิวยี่ก็เข้าอยู่ในค่ายขยกโอ๋ทหารเล่าอิ้วซึ่งอยู่รักษานั้นก็หนีมาหาเล่าอิ้ว เล่าอิ้วรู้ดังนั้นตกใจ จึงให้ตีม้าล่อเรียกไทสูจู้ ไทสูจู้ก็ขับม้าตามมาหาเล่าอิ้ว ไทสูจู้จึงว่าแก่เล่าอิ้วว่า ข้าพเจ้ารบกับเทียเภาจะมีชัยอยู่แล้ว เหตุไฉนท่านจึงตีม้าล่อเรียกข้าพเจ้า เล่าอิ้วจึงเล่าเนื้อความให้ไทสูจู้ฟัง แล้วก็ยกทหารจะไปหาซีเหล ฉกหยงตำบลวัวเหลง
                ฝ่ายตันบูก็มาหาซุนเซ็ก บอกเนื้อความซึ่งได้ทำการนั้นให้ฟัง เตียวเจียวที่ปรึกษาจึงว่ากับซุนเซ็กว่า บัดนี้ตำบลขยกโอ๋ก็เป็นของเรา เล่าอิ้วก็ยกหนีไปแล้วสงครามเราได้ทีจำจะยกตามไปจึงจะควร ซุนเซ็กเห็นชอบด้วย ก็พาตัวตันบูยกทหารตามไปในเวลากลางคืน พอทันเล่าอิ้วกลางทาง เล่าอิ้วก็ให้ไทสูจู้ออกรบ ไทสูจู้ทานฝีมือซุนเซ็กมิได้ ไทสูจู้กับทหารสิบห้าคน ก็พากันหนีไปในเมืองเก๋งก๋วน ทัพเล่าอิ้วก็แตกไปตั้งอยู่ตำบลงิวจู๋
                ฝ่ายฉกหยง ซีเหลยกออกจากค่ายจะมารับเล่าอิ้วไม่ทันที พอพบซุนเซ็กเข้า ซุนเซ็กก็ให้ตันบูออกตีทัพฉกหยง ซีเหลก็แตกกระจายกันออก ฉกหยงหนีไปตำบลงิวจู๋พบกันกับเล่าอิ้ว แต่ซีเหลเข้าค่ายได้ก็ปิดประตูค่ายไม่ต่อสู้ ตันบูเข้าแหกค่ายฆ่าทหารซีเหลตายประมาณหกสิบคน ซุนเซ็กก็ให้เลิกทัพกลับไปตามเล่าอิ้ว เล่าอิ้วก็ยกทหารออกจากค่าย ซุนเซ็กเห็นเล่าอิ้วจึงร้องว่า มึงแตกหนีกูมากูก็ตามมาทันแล้ว เหตุไฉนมึงจึงมิยอมแพ้
                อิปีได้ยินซุนเซ็กว่าก็ควบม้าออกรบกับซุนเซ็ก สู้กันได้สามเพลงซุนเซ็กจับตัวอิปีได้หนีบรักแร้ไว้ แล้วขับม้าจะมาค่าย
                ฝ่ายวัวเหลงเห็นก็ควบม้าถือทวนตามมาจะชิงเอาตัวอิปี ทหารซุนเซ็กเห็นวัวเหลงใกล้ซุนเซ็กเข้ามาจึงร้องบอกซุนเซ็ก ซุนเซ็กเหลียวมาร้องตวาดเสียงดังฟ้าผ่า วัวเหลงพลัดตกจากม้าศีรษะแตกตาย ซุนเซ็กก็ควบม้ามาถึงหน้าค่าย จึงคลายรักแร้ออกทิ้งอิปีลง อิปีนั้นตาย ทหารทั้งปวงก็สรรเสริญว่า ซุนเซ็กมีกำลังมากหาผู้ใดเสมอมิได้ จึงเรียกชื่อว่าเสียวปออ๋อง ภาษาไทยว่า มหาอุปราช
                ฝ่ายเล่าอิ้วเสียทหารและรี้พลเป็นอันมากก็พาฉกหยงหนีไปอยู่เมืองอิเจี๋ยง ซุนเซ็กก็ยกกลับมาล้อมค่ายซีเหลไว้ แล้วร้องเรียกซีเหลว่าให้ยกมาหาเรา ซีเหลจึงขึ้นไปยืนบนสนามเพลาะ เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกเข่าซ้ายซุนเซ็ก ซุนเซ็กพลัดตกม้า ทหารวิ่งเข้ารับพาเอาไปค่าย ก็ชวนกันรักษาซุนเซ็กหลายวันจึงหาย ซุนเซ็กจึงคิดอุบายให้ทหารถอยค่ายเสียแล้วให้ทำเป็นร้องไห้ว่าซุนเซ็กถูกเกาทัณฑ์ตาย ครั้นเวลาค่ำซุนเซ็กจึงแยกทหารออกซุ่มไว้เป็นสี่กอง ซีเหลมิได้รู้กลสำคัญว่าจริงเวลาดึกก็พาเตียวเอ๋ง ตันเหงกับหทารทั้งปวงยกออกมาจะจับทหารซุนเซ็ก
                ฝ่ายทหารซึ่งซุ่มอยู่นั้นเห็นซีเหลออกจากค่ายก็ชวนกันโห่ล้อมพวกซีเหลไว้ซุนเซ็กก็ขี่ม้าถือทวนมายืนอยู่ตรงหน้าซีเหล แล้วร้องว่ากูชื่อซุนเซ็ก ทหารพวกซีเหลเห็นซุนเซ็กก็ตกใจ ชวนกันทิ้งอาวุธเสียสิ้นมิได้ต่อสู้ ยังแต่ซีเหลกับเตียวเอ๋ง ตันเหงยืนถือทวนอยู่ ทหารทั้งปวงก็รุมกันเข้าฆ่าซีเหลตาย ตันทูทหารซุนเซ็กก็วิ่งเข้าแทงเตียวเอ๋งตกม้าตาย เจียวขิมยิงเกาทัณฑ์ถูกตันเหงตาย  ซุนเซ็กจึงยกเข้าตั้งอยู่ในค่ายซีเหล จึงเกลี้ยกล่อมทหารซีเหลได้เป็นอันมาก แล้วก็ยกไปตามไทสูจู้ ณ เมืองเก๋งก๋วน จึงให้ตั้งอยู่นอกเมือง แล้วปรึกษาจิวยี่ว่า ทำไฉนเราจะจับไทสูจู้ได้ จิวยี่จึงว่า ขอให้ท่านจัดทหารยกเข้าตีเมืองเป็นสามด้าน เปิดไว้ด้านหนึ่ง แล้วจึงให้ทหารไปซุ่มอยู่ตรงหน้าเมืองไกลชั่วพักม้าหนึ่ง เอาเชือกขึงทางไว้ คอยจับตัวไทสูจู้ที่นั่นเห็นจะได้เป็นมั่นคง ซุนเซ็กเห็นชอบด้วย เวลากลางคืนก็ยกเข้าตีเมืองเป็นสามด้านเปิดไว้ด้านหนึ่ง
                ฝ่ายไทสูจู้เสียใจนัก ครั้นจะยกออกรบกับซุนเซ็ก ทหารก็น้อยประมาณพันเศษ แล้วก็ไม่สันทัดในการรบ แต่ล้วนชาวบ้านนอก ไทสูจู้จึงเปิดประตูหนีออกจากเมือง ทหารซุนเซ็กรุมเข้ารบ แลแกล้งแหวกให้ไทสูจู้หนีไปตามทางซึ่งคิดทำการไว้นั้น ไทสูจู้ก็พลัดทหารควบค้าหนีไป ม้านั้นพานเชือกซึ่งทหารซุนเซ็กขึงขวางทางไว้ม้านั้นก็ล้มลง ทหารซึ่งซุ่มอยู่ก็ออกจับไทสูจู้มัดมาให้ซุนเซ็ก ซุนเซ็กเห็นก็วิ่งออกมาแก้ไทสูจู้เสียแล้วจูงมือมานั่งจึงว่า เล่าอิ้วเลี้ยงท่านมิได้ถึงขนาด ถ้าท่านสมัครทำราชการด้วยเรา เราจะเลี้ยงท่านให้ดีกว่าเล่าอิ้วอีก ไทสูจู้ได้ยินซุนเซ็กว่าดังนั้นยินดีนัก จึงคิดว่าซุนเซ็กมิได้มีพยาบาท จึงว่าข้าพเจ้าจะสมัครทำราชการด้วยท่านสืบไป
                ซุนเซ็กจับเอามือไทสูจู้แล้วหัวเราะว่า เมื่อครั้งเรารบกับท่านที่ตำบลสินเต๋งนั้น ถ้าท่านจับเราได้จะฆ่าเราหรือไม่ ไทสูจู้จึงตอบว่า ว่าไม่ถูก แล้วซุนเซ็กกับไทสูจู้ก็ชวนกันหัวเราะ ซุนเซ็กจึงให้แต่งโต๊ะเลี้ยงทหารทั้งปวง ซุนเซ็กกับไทสูจู้ก็กินพร้อมกัน ไทสูจู้ว่าสมัครพรรคพวกของเล่าอิ้วยังพลัดพรายกันอยู่ ข้าพเจ้าคิดว่าจะลาท่านไปเกลี้ยเล่อมมาไว้จะได้เป็นกำลังท่าน เกรงท่านจะไม่เชื่อ ซุนเซ็กจึงว่าเราก็เชื่ออยู่ แต่ท่านเร่งไปพรุ่งนี้ เวลาตะวันเที่ยงกลับมาให้ถึงเรา เราจะคอยท่าน ไทสูจู้รับคำซุนเซ็กทำคำนับแล้วก็ลาไป
                ฝ่ายที่ปรึกษาทั้งปวงจึงว่าแก่ซุนเซ็กว่า ท่านปล่อยไทสูจู้เสียดังนี้ที่ไหนจะกลับมา ซุนเซ็กตอบว่าไทสูจู้เป็นคนดีมีความสัตย์ รับคำเราแล้วที่จะไม่กลับมานั้นเราไม่เห็นด้วย ที่ปรึกษาทั้งปวงก็ยังไม่สิ้นสงสัย หากเกรงซุนเซ็กก็นิ่งอยู่ ครั้นเวลาเช้าจึงชวนกันเอาไม้ไปปักไว้หน้าค่ายคอยจะจับเท็กไทสูจู้ ไทสูจู้ครั้นถึงกำหนดพอเงาตรง ไทสูจู้ก็พาคนมาถึงค่ายประมาณพันเศษ ทหารทั้งปวงเห็นไทสูจู้มาสมคำซุนเซ็กว่า ก็ชวนกันสรรเสริญซุนเซ็กว่า มีปัญญารู้จักน้ำใจคน
                ซุนเซ็กได้ทหารประมาณสามหมื่นจึงยกไปเมืองกังตั๋ง ชาวเมืองทั้งปวงก็สมัครเข้าด้วยซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็กำชับทหารทั้งปวง มิให้เบียดเบียนราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน คนทั้งปวงก็อยู่เป็นสุข จึงเรียกซุนเซ็กว่าซุนหลวง แล้วก็ชวนกันเอาสุราเครื่องเลี้ยงมาให้แก่ซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็ให้เงินทองแพรผ้าแก่คนทั้งปวงตามสมควร แต่บรรดาทหารของเล่าอิ้วซึ่งอยู่เมืองกังตั๋งนั้น ใครจะสมัครทำการด้วยซุนเซ็กก็เลี้ยงไว้ ที่มิยอมก็ให้เงินทองเป็นอันมาก ให้กลับไปอยู่ตามภูมิลำเนา กิตติศัพท์ฟุ้งเฟื่องขึ้นกว่าเก่า ซุนเซ็กจึงแต่งทหารให้ไปรับมารดา กับอาและน้องชายหญิงมาไว้ตำบลขยกโอ๋ แล้วตั้งให้ซุนกวนน้องชายกับจิวท่ายไปรักษาเมืองอ้วนเสีย ตัวซุนเซ็ก็ยกทหารทั้งปวงจะไปตีเมืองต๋องง่อ
                ครั้งนั้นเงียมแปะฮอ ซึ่งตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าเรียกว่าเต๊กอ๋อง อยู่ ณ เมืองต๋องง่อจึงแต่งทหารให้ไปรักษาตำบลออเสง แกหิน ซึ่งเป็นแดนเมืองต๋องง่อ จัดแจงเมืองสำเร็จ มีทหารมาบอกว่าซุนเซ็กยกทัพมา เงียมแปะฮอจึงให้น้องชายชื่อเงียมอี๋ยกไปตั้งอยู่บนสะพานหองเกี๋ยวเป็นทางสำคัญ เงียมอี๋ขี่ม้าถือกระบี่ขึ้นยืนคอยซุนเซ็กอยู่บนสะพาน ทหารเอาเนื้อความาบอกซุนเซ็กว่า เงียมอี๋ยกมาคอยรบอยู่ ซุนเซ็กจึงสั่งทหารว่า จะยกไปรบกับเงียมอี๋ เตียวเหียนที่ปรึกษาจึงว่า ทหารที่มีฝีมือก็มีอยู่ ซึ่งท่านจะไปรบกับเงียมอี๋นั้นประดุจเอาทองไปลู่ศิลา
                ซุนเซ็กเห็นชอบด้วยจึงแต่งให้ฮันต๋งคุมทหารเข้ารบกับเงียมอี๋บนสะพานแล้วให้ตันบู เจียวขิมลงเรือเล็กเอาเกาทัณฑ์ยิงกระหนาบสองข้างสะพาน เงียมอี๋เสียทหารเป็นอันมาก ก็ถอยทัพคืนเข้าเมือง ฮันต๋งก็ไล่รบไปถึงเชิงกำแพง ซุนเซ็กก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองต๋องง่อไว้ทั้งบกทั้งเรือถึงสามวัน มิได้เห็นผู้ใดออกมาต่อสู้ ซุนเซ็กจึงพาทหารเที่ยวไปรอบกำแพงเมืองแล้วร้องว่า ใครจะเข้าด้วยก็ให้เร่งออกมา เรามิได้กระทำอันตราย
                ฝ่ายทหารเงียมแปะฮอคนหนึ่งยืนอยู่บนหอรบ ได้ยินเสียงซุนเซ็กร้องมาก็โกรธ เอามือซ้ายเท้าแปหอรบ เอามือขวาชี้แล้วก็ร้องด่าลงมา ไทสูจู้เห็นจึงขึ้นเกาทัณฑ์พาดลูกไว้ แล้วเหลียวมาบอกทหารว่า เราจะตรึงมืออ้ายคนร้ายไว้กับแปหอรบ คนทั้งปวงเหลียวมา ก็เห็นลูกเกาทัณฑ์ตรึงมือทหารนั้นอยู่ ก็ชวนกันสรรเสริญไทสูจู้ว่าชำนาญเกาทัณฑ์หาผู้เสมอมิได้
                ฝ่ายทหารเจ้าหน้าที่ จึงเอาเนื้อความนั้นไปบอกแก่เงียมแปะฮอ เงียมแปะฮาก็สั่นศีรษะว่า ถ้าเราได้ทหารดังนี้ไว้แต่คนหนึ่ง เรามิได้กลัวผู้ใดเลย แล้วเงียมแปะฮอจึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงเราจะคิดประการใด เงียมอี๋จึงว่าข้าพเจ้าจะขออาสาออกไปพูดกับซุนเซ็กโดยดี เงียมแปะฮอเห็นชอบด้วย เงียมอี๋ก็ลาออกไปหาซุนเซ็ก ณ ค่าย ซุนเซ็กเห็นเงียมอี๋เดินเข้ามาทำดีใจยืนขึ้นคำนับ แล้วร้องเชิญให้นั่งชวนเสพย์สุรา ครั้นเงียมอี๋เมาสุราแล้ว ซุนเซ็กจึงถามว่าเงียมแปะฮอพี่ชายท่านคิดอ่านประการใด เงียมอี๋บอกว่า พี่ชายข้าพเจ้ากับที่ปรึกษาทั้งปวงคิดอ่านกันว่า จะขอมาอ่อนน้อมจะแบ่งเมืองให้ท่านกึ่งหนึ่ง ซุนเซ็กโกรธจึงว่าเมืองต๋องง่ออยู่ในเงื้อมมือกูแล้ว มึงบังอาจเจรจาดังนี้ ซุนเซ็กก็สั่งทหารจะให้เอาตัวเงียมอี๋ไปฆ่าเสีย เงียมอี๋ได้ยินดังนั้น ฉวยกระบี่ลุกขึ้นจะฟันซุนเซ็ก ซุนเซ็กชักกระบี่ที่เหน็บหลังนั้นขว้างออกไปถูกเงียมอี๋ตาย แล้วจึงให้ทหารตัดศีรษะเงียมอี๋ทิ้งเข้าไปในกำแพง เงียมแปะฮอเห็นก็ตกใจ ครั้นจะคิดอ่านยกออกรบกับซุนเซ็กก็เกรงอยู่ เวลาค่ำเงียมแปะฮอจึงพาทหารหนีออกจากเมือง
                ฝ่ายซุนเซ็กรู้ว่าเงียมแปะฮอทิ้งเมืองเสียแล้ว จึงแต่งให้อุยกายไปตีตำบลแกหิน ให้ไทสูจู้ไปตีตำบลออเสง ครั้นตีบ้านสองตำบลได้แล้ว ซุนเซ็กก็จัดแจงให้ราษฎรชาวเมืองต๋องง่ออยู่เป็นสุข แล้วจึงเลิกทหารยกไปตามเงียมแปะฮอ
                ฝ่ายเงียมแปะฮอแปลงตัวเป็นโจรป่า คุมพรรคพวกยกไปตำบลอิข้องเที่ยวเป็นโจรอยู่ เลงโฉชาวบ้านอิข้อง ก็คุมเอาราษฎรชาวบ้านยกออกตีเงียมแปะฮอ เงียมแปะฮอหนีข้ามฟากตั้งอยู่ตำบลไซสิน จะไปเมืองห้อยเข
                ฝ่ายซุนเซ็กยกตามมาถึงที่ตำบลลิข้อง เลงโฉรู้ก็พาเอาลูกชายสองคนออกมาหาซุนเซ็ก แล้วบอกว่าเงียมแปะฮอหนีไปทางเมืองห้อยแข ซุนเซ็กจึงตั้งเลงโฉเป็นนายทหารรอง แล้วก็รีบยกทัพไปตามเงียมแปะฮอทันกันเข้าที่ตำบลไซสิน เทียเภาก็ขับทหารเข้าตีทัพเงียมแปะฮอ เงียมแปะฮอแตกหนีไปเมืองห้อยเข
                ฝ่ายอ่องหลองเจ้าเมืองรู้ว่าเงียมแปะฮอแตกมา จึงให้จัดแจงทหารจะยกออกมาช่วยเงียมแปะฮอ งีห้วนชาวเมืองอีเหี้ยวซึ่งเป็นที่ปรึกษาจึงว่าซุนเซ็กเป็นคนมีฝีมือแล้วก็ตั้งอยู่ในความสัตย์ เงียมแปะฮอเป็นคนหยาบช้า ซึ่งท่านจะไปช่วยเงียมแปะฮอนั้นเห็นไม่ควร ขอให้ท่านคิดอ่านจับตัวเงียมแปะฮอส่งให้แก่ซุนเซ็ก อ่องหลองโกรธตวาดเอางีห้วน งีห้วนจนใจก็นิ่งอยู่ อ่องหลองจึงยกทหารออกมาหาเงียมแปะฮอ แล้วพากันไปตั้งอยู่ริมทุ่งเชิงเขาคอยรับซุนเซ็ก
                ฝ่ายซุนเซ็กยกมาถึงค่ายเงียมแปะฮอ แลเห็นอ่องหลองยืนม้าถือกระบี่อยู่ ซุนเซ็กจึงร้องว่า เราทำการทั้งนี้ประสงค์จะให้ราษฎรได้ความสุข เงียมแปะฮอเป็นคนหยาบช้า เหตุไฉนตัวท่านจึงมาเข้าด้วยคนผิด อ่องหลองได้ยินดังนั้นจึงร้องด่าซุนเซ็กว่า มึงเป็นคนโลภเที่ยงรบพุ่งได้เมืองหลายตำบลแล้วยังมิหนำใจ บัดนี้ยกมาย่ำยีในแดนกู กูจึงยกมาให้เงียมแปะฮอแก้แค้นมึงให้จงได้
                ซุนเซ็กโกรธก็ชักม้าเข้ารบกับอ่องหลองได้หกเพลง ไทสูจู้เห็นดังนั้นก็ควบม้าถือทวนออกมารบแทนซุนเซ็ก จิวเจียดทหารอ่องหลองเห็นก็ออกรบกับไทสูจู้ได้ห้าเพลง พอจิวยี่ เทียเภายกมาทันก็วกหลังล้อมอ่องหลองไว้ อ่องหลองก็พาเงียมแปะฮอหนีกลับเข้าเมือง ชักสะพานคูปิดประตูไว้มั่นคง ซุนเซ็กก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองไว้ ฝ่ายอ่องหลองจึงปรึกษากับเงียมแปะฮอว่า ซุนเซ็กมาล้อมเราไว้เราจะนิ่งอยู่ฉะนี้เห็นมิควร จำเราจะยกทหารอกไปรบกับซุนเซ็ก ถึงจะตายก็จะได้ปรากฏว่าเป็นชาติทหาร เงียมแปะฮอจึงว่า ซึ่งจะยกออกไปนั้นเห็นจะสู้ซุนเซ็กมิได้ ถ้าจะนิ่งอยู่ดังนี้ ซุนเซ็กสิ้นเสบียงอาหารแล้วก็จะเลิกทัพกลับไปเองเราก็จะได้ทีติดตาม อ่องหลองเห็นชอบด้วยก็รักษาเมืองไว้
                ฝ่ายซุนเซ็กล้อมเมืองห้อยเขไว้ถึงห้าวัน ก็มิได้เห็นผู้ใดออกมาสู้รบ ครั้นจะยกเข้าหักโหมก็เห็นจะเสียท่วงที จึงปรึกษาทหารทั้งปวงว่าเราจะคิดอ่านประการใด ซุนเจ้งจึงว่าเมืองห้อยเขนี้ ก็อาศัยเสบียงอาหารในตำบลแจตอกเป็นกำลังจึงตั้งมั่นอยู่ได้ ถ้าเรายกไปชิงเอาแจตอกได้ อ่องหลองก็จะขาดเสบียง ซุนเซ็กจึงสั่งให้เลิกทัพรีบยกทหารไปตีตำบลแจตอก
                ขณะนั้นทหารเข้าไปบอกอ่องหลองว่า ซุนเซ็กยกไปตีแจตอกแล้ว อ่องหลองจึงขึ้นยืนดูบนหอรบ แลลงไปดูก็มิได้เห็นผู้คน เห็นแต่ธงปักไว้กับควันเพลิงที่หุงอาหารอยู่ อ่องหลองคิดสงสัย จิวเจียดจึงว่าการทั้งนี้ซุนเซ็กคิดทำไว้จะให้เราฉงนมิให้เราติดตามไป ข้าพเจ้าจะขออาสายกไปตามรบชิงเอาแจตอกไว้ให้ได้ อ่องหลองจึงให้จิวเจียดกับเงียมแปะฮอคุมทหารห้าพันเป็นกองหน้ายกไปก่อน แล้วอ่องหลองจึงยกตามไปภายหลัง จิวเจียดกับเงียมแปะฮอยกออกจากเมืองได้สามร้อยเส้นทันทัพซุนเซ็กที่ชายป่า ครั้นเวลาค่ำเงียมแปะฮอได้ยินเสียงกลองก็ตกใจแลไปแสงเพลิงสว่างเห็นตัวซุนเซ็ก เงียมแปะฮอชักม้าหนี พอทหารซุนเซ็กยกเข้าล้อมไว้ทัน จิวเจียดก็ควบม้ารำกระบี่เข้าสู้กับซุนเซ็ก ซุนเซ็กเอาทวนแทงถูกจิวเจียดตกม้าตาย เงียมแปะฮอก็ควบม้าหนีไปตำบลอิข้อง ฝ่ายอ่องหลองรู้ว่าทัพหน้าแตกแล้ว ก็พาทหารหนีไปตั้งอยู่ริมชายทะเล ซุนเซ็กมีชัยชนะก็กลับมาตั้งอยู่เมืองห้อยเข เกลี้ยกล่อมได้ทหารเป็นอันมาก
                ครั้งนั้นตังสิดซึ่งอยู่เมืองเหยียวรู้ว่าเงียมแปะฮอหนีมาอยู่ตำบลอิข้อง จึงจับตัวเงียมแปะฮอตัดศีรษะมาให้ซุนเซ็ก ซุนเซ็กก็ดีใจแล้วเห็นตังสิดหน้าเหลี่ยมปากกว้าง สูงห้าศอกเศษสมควรที่จะเป็นทหาร ซุนเซ็กจึงตั้งตังสิดให้เป็นแปดเปาสุมานายทหารเอก ซุนเซ็กจึงตั้งให้ซุนเจ้งผู้อา อยู่รักษาเมืองห้อยเข ให้จูตีไปรักษาเมืองต๋องง่อ ตัวซุนเซ็กก็ยกทหารกลับไปอยู่เมืองกังตั๋ง
                ฝ่ายซุนกวนกับจิวท่ายซึ่งอยู่รักษาเมืองอ้วนเซีย เวลากลางคืนมีโจรป่ายกมาล้อมไว้สี่ด้าน จิวท่ายเห็นจะสู้มิได้ จึงอุ้มเอาซุนกวนขึ้นม้าถือกระบี่หนีออกจากเมือง พวกโจรเห็นดังนั้น ก็รุมกันเข้าจับแทงถูกหลายแห่ง จิวท่ายก็ฆ่าโจรตายประมาณสิบห้าคน แล้วก็ควบม้าหนี โจรคนหนึ่งควบม้าไล่ตามไปจิวท่ายเหลียวมาเห็นเอากระบี่ฟันถูกโจรตาย พอมีคนเอาเนื้อความไปบอกซุนเซ็ก ซุนเซ็กรู้ตกใจ จึงแต่งทหารให้ไปรับซุนกวนกับจิวท่ายมา จิวท่ายถูกทวนถึงสิบแผลเห็นว่าจะมิรอด ซุนเซ็กมีความวิตกนัก
                ตังสิดจึงว่าเมื่อข้าพเจ้ายังเที่ยวเป็นโจรอยู่ชายทะเลนั้น ก็ถูกทวนหลายแห่งงีห้วนชาวเมืองห้อยเขมารักษาข้าพเจ้าสิบห้าวันหาย ซุนเซ็กจึงว่างีห้วนคนนี้กับข้าก็รู้จักกันอยู่ จึงให้เตียวเจียวกับตังสิดไปเชิญตัวงีห้วนมา ครั้นงีห้วนมาถึงซุนเซ็กก็ออกไปรับกระทำคำนับ แล้วซุนเซ็กจึงตั้งให้งีห้วนเป็นที่ก๋งเชานายหมอเอกจะให้รักษาจิวท่าย งีห้วนจึงว่าข้าพเจ้ารู้น้อย ฮัวโต๋อยู่ ณ เมืองไพก๊กเป็นหมอเอกหาผู้ใดเสมอมิได้ ซุนเซ็กจึงให้ทหารไปเชิญฮัวโต๋
                ครั้นเวลาเช้าฮัวโต๋มาถึง ซุนเซ็กเห็นฮัวโต๋รูปงามผมยาว จึงเชิญให้นั่งที่สูงจึงว่า ข้าพเจ้าเชิญท่านมาจะให้รักษาจิวท่าย ฮัวโต๋รับว่าท่านอย่าวิตกเลยข้าพเจ้าจะรักษาสามวันให้หาย ครั้นฮัวโต๋รักษาจิวท่ายหายแล้ว ซุนเซ็กก็ยกทหารไปจับโจรซึ่งมารบซุนกวนกับจิวท่ายนั้น ครั้นจับโจรได้เสร็จแล้ว ซุนเซ็กจึงยกไปเมืองกังหนำ ตั้งเกลี้ยกล่อมตกแต่งบ้านเมือง แล้วแต่หนังสือแจ้งเนื้อความทั้งปวงไปถึงพระเจ้าเหี้ยนเต้กับโจโฉเป็นทางคำนับ แล้วให้ทหารไปเมืองลำหยง ทวงตราหยกซึ่งฝากอ้วนสุดไว้นั้น



เรียบเรียงโดย

Thepoetry4u.: Tony
ที่มา : หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง..ด้วยความเคารพจากใจ

5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วขอให้แสดงความคิดเห็น...ด้วยนะครับ

    ตอบลบ
  2. รับประกันได้ว่าไม่มีใครกล้าทำเหมือนอย่างที่เราทำ...

    ตอบลบ
  3. หลังจากที่หยุดการเคลื่อนไหวมานานพอสมควร..วันนี้ถือว่าอัพเดรตตอนต่อจากก่อนหน้านี้ให้ทุกคนได้ติดตามกันแล้วนะครับ

    ตอบลบ
  4. ขอบพระคุณอย่างสูง

    ตอบลบ
  5. ไม่เป็นไรครับ... ผมพิมพ์แล้วก็จะได้อ่านทบทวนไปด้วยครับ แค่คำแม้นดีๆ ก็พอครับ ขอบคุณนะครับที่ติดตาม Blog

    ตอบลบ