วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"สามก๊ก" ตอนที่ 14

เรียบเรียงโดย Thepoetry4u.

ขอบคุณเนื้อหาจาก "หนังสือสามก๊ก (ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง หน)"


                ฝ่ายอ้วนสุดจำเดิมแต่ได้ตราหยกไว้ ก็คิดจะตั้งตัวเป็นเจ้าอยู่มิได้ขาด ครั้นซุนเซ็กให้มาทวงตรา อ้วนสุดก็มิให้ ทหารก็ลาอ้วนสุดเอาเนื้อความมาบอกแก่ซุนเซ็ก
                ฝ่ายอ้วนสุดจึงหาเอียวไต้เจียง เตียวหุน กิเหลง เกียวเสง ลุยป๊ก ตันหลัน กับทหารทั้งปวงมาปรึกษากันว่า ซุนเซ็กเมื่อแรกทำการอยู่กับเรา เราก็ตั้งให้เป็นขุนนาง แล้วขอทหารเราว่าจะไปช่วยน้าชาย จะแก้แค้นบิดาเราก็ให้ซุนเซ็กอาศัยกำลังเราก่อนจึงได้กำลังเป็นอันมาก นัดนี้ซุนเซ็กได้เป็นใหญ่ในฟากน้ำเมืองกังตั๋งแล้ว มิได้รู้จักคุณเรา ใช้ทหารมาทวงตราหยก ท่านทั้งปวงจะคิดประการใดเราจึงจะได้ตัวซุนเซ็ก

                เอียวไต้เจียงจึงว่า ซุนเซ็กได้ฟากน้ำกังตั๋งแล้ว ทหารที่มีฝีมือก็มาก แดนเมืองกังตั๋งก็กว้างกว่าเราอีก จะยกไปทำการก็เห็นจะไม่ได้ ขอให้ทหารยกไปตีเล่าปี่เสียก่อน ถ้าได้เล่าปี่แล้ว ซุนเซ็กก็จะอยู่ในเงื้อมมือเรา อ้วนสุดจึงตอบว่า เล่าปี่ตั้งอยู่ตำบลเมืองเสียวพ่ายใกล้เมืองชีจิ๋ว กับลิโป้ชอบกันอยู่ เห็นลิโป้จะยกมาช่วย กำลังเล่าปี่จะมากขึ้น เราจะทำการมิสำเร็จ จำเราจะคิดอ่านเกลี้ยกล่อมลิโป้เสียก่อน แล้วอ้วนสุดจึงให้หันอิ้นถือหนังสือกับข้าวยี่สิบหมื่นถังไปให้ลิโป้ ในหนังสือนั้นว่า เล่าปี่เป็นคนหยาบช้ามิได้มีความสัตย์ เราจะยกไปกำจัดเล่าปี่แม้นเล่าปี่จะมาพึ่งท่าน อย่าให้ท่านเอาธุระ
                ฝ่ายลิโป้เห็นหันอิ้นเอาสิ่งของกับหนังสือมาให้ก็ดีใจรับคำ แล้วหันอิ้นก็ลาลิโป้กลับมาเมืองลำหยง บอกเนื้อความแก่อ้วนสุด อ้วนสุดจึงให้กิเหลงเป็นแม่ทัพคุมทหารห้าหมื่น บอกเนื้อความแก่อ้วนสุด อ้วนสุดจึงให้กิเหลงเป็นแม่ทัพคุมทหารห้าหมื่น ให้ลุยป๊ก ตันหลันไปด้วยในกองทัพยกไปเมืองเสียวพ่าย
                เล่าปี่จึงปรึกษากวนอู เตียวหุย ซุนเขียนว่า อ้วนสุดให้กิเหลงยกทัพมาเราจะคิดประการใด ซุนเขียนจึงว่า เมืองเสียวพ่ายเป็นเมืองน้อย เห็นจะต้านทานกิเหลงมิได้ ขอให้ท่านแต่งหนังสือไปถึงลิโป้ให้ยกทหารมาช่วย เตียวหุยจึงว่าท่านจะหวังเอาใจลิโป้นั้นมิได้ เห็นลิโป้จะไม่มาช่วย เล่าปี่จึงตอบว่า ซึ่งเจ้าว่านี้ก็ควรอยู่ แต่เราจะทำตามซุนเขียงว่าลองใจลิโป้ดูก่อน แล้วเล่าปี่จึงให้ทหารถือหนังสือไปถึงลิโป้ว่า ตัวข้าพเจ้าผู้ชื่อว่าเล่าปี่ กับสมัครพรรคพวกทั้งปวงมาตั้งอยู่เสียวพ่ายได้ความสุขเพราะอาศัยท่านเป็นที่พึ่ง บัดนี้อ้วนสุดให้ทหารยกมารบข้าพเจ้ามิได้เห็นผู้ใด เห็นแต่ท่านจะช่วยทุกข์ได้ ขอให้ท่านยกทหารมาช่วย
                ฝ่ายลิโป้แจ้งในหนังสือนั้นจึงปรึกษาตันก๋งว่า เดิมอ้วนสุดให้หนังสือกับเสบียงมาแก่เรา มิให้เรายกไปช่วยเล่าปี่ เราก็ได้รับคำแล้ว บัดนี้เล่าปี่ให้มีหนังสือมาให้เรายกไปช่วย เราคิดว่าเล่าปี่อยู่ในเมืองเสียวพ่ายเห็นจะไม่ทำอันตรายแก่เรา ถ้าเราฟังคำอ้วนสุด อ้วนสุดรบได้เมืองเสียวพ่ายแล้ว เราจะวางศีรษะลงถึงหมอนเป็นปรกตินั้นหามิได้ เห็นอ้วนสุดจะกำเริบยกล่วงมาตีเอาเมืองชีจิ๋วเป็นมั่นคง จำเราจะยกไปช่วยเล่าปี่ป้องกันเมืองเสียวพ่ายไว้จึงจะควร ตันก๋งเห็นชอบด้วย ลิโป้ก็กะเกณฑ์ทหารยกไปช่วยเล่าปี่
                ฝ่ายกิเหลงยกมาถึงเมืองเสียวพ่าย จึงตั้งค่ายอยู่ฝ่ายทิศใต้ เล่าปี่มีทหารอยู่ในเมืองประมาณห้าพัน จึงยกทหารออกตั้งค่ายรับกิเหลงอยู่นอกกำแพง ครั้นกิเหลงรู้ว่าลิโป้ยกมาช่วยเล่าปี่ จึงให้ทหารไปหาลิโป้ว่าเดิมท่านรับคำนายเราว่าไม่ช่วยเล่าปี่แล้ว เหตุไฉนท่านจึงยกกลับมาเล่า ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า เราจะคิดอ่านให้อ้วนสุดกับเล่าปี่มิให้พยาบาทต่อกัน ตัวกลับไปบอกกิเหลงมาหาเรา ทหารก็ลาลิโป้ไปบอกกิเหลง
                ฝ่ายลิโป้ก็ให้ทหารไปหาเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยจึงว่า ลิโป้กับอ้วนสุดคบคิดกันมาแต่ก่อน เกลือกให้หาไปจะทำอันตรายเรา เล่าปี่จึงว่าเรามีคุณต่อลิโป้อยู่ เห็นลิโป้จะไม่คิดร้ายต่อเรา แล้วเล่าปี่ก็ขึ้นม้าไปหาลิโป้ กวนอู เตียวหุยก็ตามไปด้วย ครั้นเล่าปี่มาถึงค่าย ลิโป้ก็ออกไปรับเล่าปี่ ลิโป้จึงว่าครั้งนี้เราจะช่วยท่านให้พ้นจากอันตราย นานไปท่านอย่าลืมคุณเรา แล้วลิโป้ก็จูงมือเล่าปี่เข้าไปนั่งในที่อันเดียวกัน กวนอู เตียวหุยก็ถือกระบี่ยืนอยู่ข้างหลังเล่าปี่ พอคนมาบอกลิโป้ว่ากิเหลงมาแล้ว เล่าปี่ตกใจสะดุ้งกลัวลิโป้จะทำร้าย ลิโป้เห็นดังนั้นจึงว่าท่านอย่ากลัวเลย เราให้หาบัดนี้จะให้ดีกันทั้งสองฝ่าย เล่าปี่ก็ยังไม่สิ้นสงสัย
                ฝ่ายกิเหลงเดินเข้าไป เห็นลิโป้กับเล่าปี่นั่งอยู่ด้วยกันก็ตกใจ ถอยหลังจะกลับไปหาทหาร ลิโป้ห้ามไว้ เมื่อลิโป้แลเห็นกิเหลงก็ลุกออกมาจูงมือกิเหลงไปให้นั่งเก้าอี้ กิเหลุงจึงว่าแก่ลิโป้ว่าท่านคิดทำการทั้งนี้จะฆ่าเราเสียหรือ หรือจะฆ่าอ้ายเล่าปี่หูยาว ลิโป้ว่าเรามิได้คิดร้ายแก่ท่านทั้งสองข้าง แต่เล่าปี่กับเราเหมือนพี่กับน้อง บัดนี้ท่านจะมาทำอันตรายแก่เล่าปี่เราจึงยกมาช่วย กิเหลงตอบว่า ถ้าดังนั้นท่านจำจะฆ่าเราเสียก่อนเล่าปี่จึงจะได้ความสุข ลิโป้จึงว่า เราคิดจะให้ท่านทั้งสองเป็นมิตรต่อกัน มิให้ไพร่พลได้รับความลำบาก แล้วลิโป้ก็จูงมือกิเหลงให้นั่งด้วยกันกับเล่าปี่ ลิโป้เข้าไปนั่งกลางชวนกันกินสุรา แล้วจึงว่าท่านทั้งสองเห็นแก่หน้าเรา อย่าได้คิดพยาบาทกันเลย เล่าปี่ก็นิ่งอยู่ กิเหลงจึงว่า ตัวเราอ้วนสุดผู้เป็นนายใช้ให้ยกทหารมาจับตัวเล่าปี่ แลเราจะกลับไปนั้นเห็นไม่พ้นความผิด
                เตียวหุยโกรธถอดกระบี่ออก แล้วร้องตวาดว่า ท่านอย่าดูหมิ่นเรา เรามิใช่เด็ก แต่โจรโพกผ้าเหลืองครั้งนั้นยังมิอาจดูถูกพี่น้องเรา กวนอูเห็นเตียวหุยจะกระทำวุ่นวายจึงห้ามว่า เราคอยฟังคารมลิโป้ดูก่อนจะว่าเป็นประการใด เมื่อไม่ตกลงกันแล้วเราจึงคิดต่อภายหลัง ลิโป้เห็นดังนั้นจึงว่า เราให้เชิญท่านทั้งสองมาบัดนี้ จะว่าให้ดีกันทั้งสองฝ่าย กิเหลงนั้นเขาก็นิ่งอยู่ แต่เตียวหุยทำหยาบช้ามิได้คิดแก่หน้าเราผู้เป็นใหญ่ แล้วลิโป้ทำเป็นโกรธจับเอาทวนขึ้นถือไว้ เล่าปี่กิเหลงเห็นดังนั้นก็ตกใจคิดว่าลิโป้จะทำร้าย ลิโป้จึงให้ทหารเอาทวนไปปักไว้ไกลประมาณห้าเส้น แล้วว่าเราจะเสี่ยงให้ประจักษ์แก่เทพดาทั้งหลาย แม้นยิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายทวน จึงทำสงครามกันตามความคิดเถิด ถ้าเรายิงถูกท่านทั้งสองจงเลิกทัพกลับไปตามคำเราว่า แม้นผู้ใดมิฟังเรา เราก็จะทำสงครามด้วยผู้นั้น
                กิเหลงได้ยินลิโป้ว่าดังนั้นก็มีความยินดี จึงคิดว่าที่ไหนลิโป้จะยิงไปถูกปลายทวน กูจะรับคำไว้แต่พอเป็นที เมื่อลิโป้ยิงไม่ถูกแล้วกูก็จะได้ทีกระทำการกับเล่าปี่ถนัด ลิโป้ก็จะช่วยเล่าปี่มิได้ คิดแล้วกิเหลงก็รับคำลิโป้ไว้ ลิโป้ก็ชวนเล่าปี่ กิเหลงเสพย์สุรา แล้วลิโป้จึงจับเกาทัณฑ์ขึ้นร้องให้ทหารทั้งปวงดู แล้วก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกปลายทวนซึ่งปักไว้นั้น ทหารทั้งปวงก็ร้องสรรเสริญลิโป้ว่าชำนาญเกาทัณฑ์หาผู้เสมอมิได้ ลิโป้หัวเราะแล้วจับเอามือเล่าปี่ กิเหลง ว่าเราเสี่ยงแก่เทพดาก็เห็นปรากฎอยู่ แล้วก็ชวนกันกินโต๊ะ กิเหลงจึงว่าบัดนี้เราก็เห็นประจักษ์ ซึ่งท่านเสี่ยง ครั้นเราจะยกกลับไป เกรงอ้วนสุดจะมิเชื่อ ลิโป้จึงว่าท่านอย่าวิตกเลย แล้วแต่งหนังสือเป็นสำคัญไปถึงอ้วนสุด กิเหลงก็รับเอาหนังสือแล้วลากลับไปเมืองลำหยง
                ลิโป้จึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ครั้งนี้ถ้าเรามิได้ยกมา ท่านก็จะไม่พ้นมือกิเหลง เล่าปี่คำนับลิโป้แล้วก็ลากลับไปเมืองเสียวพ่าย ลิโป้ก็ยกทหารไปเมืองชีจิ๋ว
                ฝ่ายกิเหลงไปเมืองลำหยงจึงบอกเนื้อความทั้งปวงแก่อ้วนสุด แล้วเอาหนังสือของลิโป้นั้นไปให้ อ้วนสุดเห็นหนังสือนั้นก็โกรธ ว่าลิโป้เจรจามิได้ความสัตย์จึงสั่งทหารว่า เราจะยกไปจับตัวเล่าปี่ แล้วจะไปตีเมืองชีจิ๋ว กิเหลงจึงห้ามว่าลิโป้นั้นเป็นคนกล้าแข็ง ทหารที่มีฝีมือก็มีมาก ท่านจะยกไปบัดนี้เล่าปี่กับลิโป้ยังชอบกันอยู่ เกลือกจะยกเข้าตีกระหนาบ ข้าพเจ้าเห็นจะเสียท่วงที การเราที่คิดไว้เห็นจะมิสำเร็จ ขอให้ท่านไปขอลูกสาวลิโป้ซึ่งเกิดด้วยนางเหงียมซีนั้นมาให้แก่ลูกชายท่าน ลิโป้กับท่านก็จะสนิทกันเข้า ถ้าจะคิดอ่านจับตัวเล่าปี่ก็จะได้โดยสะดวก อ้วนสุดเห็นชอบด้วย จึงแต่งให้หันอิ้นคุมเอาสิ่งของที่ดีเป็นอันมากไปให้แก่ลิโป้ ให้ว่าตามซึ่งกิเหลงคิดนั้น
                หันอิ้นไปถึงเมืองชีจิ๋ว เข้าไปหาลิโป้เอาสิ่งของนั้นให้แล้วจึงว่า อ้วนสุดนายข้าพเจ้าคิดถึงท่าน จึงให้ข้าพเจ้าเอาของทั้งนี้มาให้ท่าน จะขอลูกสาวท่านให้เป็นภรรยาบุตรอ้วนสุด จะได้เป็นไมตรีต่อกันสืบไป ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็มีใจยินดีรับเอาสิ่งของไว้แล้ว จึงเข้าไปปรึกษากับนางเหงียมซีผู้เป็นภรรยา นางเหงียมซีจึงว่าอ้วนสุดเป็นคนมีปัญญา ทแกล้วทหารก็มาก ตั้งอยู่เมืองลำหยงเป็นเมืองใหญ่ นานไปเห็นอ้วนสุดจะได้เป็นเจ้า ลูกเราก็จะได้เป็นใหญ่ด้วย ครั้นคิดเห็นพร้อมกันแล้ว ลิโป้จึงออกมาว่าแก่หันอิ้นว่า เราจะให้ลูกสาวเราไปตามคำอ้วนสุด แล้วเชิญให้หันอิ้นกินโต๊ะ แล้วหันอิ้นก็ลาลิโป้กลับไปเมืองลำหยง บอกเนื้อความแก่อ้วนสุดว่า ลิโป้มีความยินดีต่อท่าน รับว่าจะให้ลูกสาวแก่ท่าน
                อ้วนสุดได้ยินหันอิ้นว่าดังนั้น เห็นว่าความคิดซึ่งคิดไว้นั้นจะสำเร็จ อ้วนสุดจึงตกแต่งสิ่งของให้หันอิ้นคุมไปเมืองชีจิ๋ว รับตัวลูกสาวลิโป้ หันอิ้นก็ลาอ้วนสุดไปเมืองชีจิ๋ว จึงเข้าไปหาลิโป้แล้วบอกว่า อ้วนสุดมีความยินดีนัก ให้ข้าพเจ้ามารับลูกสาวท่าน ลิโป้ได้ยินดังนั้นรับสิ่งของไว้ แล้วเชิญให้หันอิ้นกินโต๊ะ แล้วจัดแจงให้ไปอยู่ที่ตึกรับแขก
                ครั้นเวลาเช้าตันก๋งที่ปรึกษาลิโป้มาหาหันอิ้น หันอิ้นเห็นตันก๋งก็ลุกออกมารับแล้วเชิญให้นั่ง ตันก๋งจึงว่าเล่าปี่อยู่ในอำนาจลิโป้ บัดนี้อ้วนสุดกับลิโป้ก็ชอบกันแล้ว ถ้าอ้วนสุดมาหาลิโป้ จึงจะปรารถนาศีรษะเล่าปี่ก็จะได้โดยง่าย หันอ้นสะดุ้งใจลุกจากเก้าอี้ห้ามตันก๋งว่า ท่านเจรจาดังนี้ไม่ควร ใช่อ้วนสุดมาขอลูกสาวลิโป้จะประสงค์ศีรษะเล่าปี่นั้นหามิได้ ตันก๋งตอบว่าท่านอย่ารังเกียจเรา เราเห็นว่าการของท่านที่คิดนั้นจะทิ้งไว้นานไปเห็นจะไม่สำเร็จ เราจึงช่วยเตือนสติท่าน หันอิ้นเห็นว่าตันก๋งว่าตามจริง จึงว่าขอท่านช่วยเอาธุระด้วย ตันก๋งก็รับว่า ท่านอย่าวิตกเลย ถ้าลิโป้ปรึกษาเรา เราจะว่าให้ลิโป้ส่งลูกสาวให้อ้วนสุด หันอิ้นดีใจจึงว่า แม้นท่านช่วยสำเร็จการครั้งนี้ อ้วนสุดจะรู้จักคุณท่าน ตันก๋งก็ลาหันอิ้นไปหาลิโป้ทำเป็นถามว่า ได้ยินว่าท่านจะยกลูกสาวให้ลูกชายอ้วนสุดจริงหรือ ลิโป้ก็รับว่าจริง ตันก๋งจึงว่าท่านได้อ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันดังนี้ ข้าพเจ้าก็มีความยินดีนัก เมื่อใดท่านจะคิดแต่งการเล่า ลิโป้จึงว่าการนี้เป็นการใหญ่ จำเราจะปรึกษากันให้ทั่วก่อน ตันก๋งตอบว่าธรรมเนียมแต่ก่อน ถ้าเป็นกษัตริย์กำหนดปีหนึ่งจึงส่งตัวลูกสาว ถ้าขุนนางผู้ใหญ่กำหนดหกเดือน ขุนนางผู้น้อยกำหนดสี่เดือน ถ้าราษฎรกำหนดสามสิบวัน ลิโป้จึงว่าบัดนี้อ้วนสุดได้ตราหยกไว้ ก็เข้าในระหว่างกษัตริย์อยู่แล้ว เราก็ยั้งการไว้ตามอย่างกษัตริย์ ตันก๋งจึงว่าเห็นช้านักทุกวันนี้บ้านเมืองก็ยังไม่ปรกติ ต่างคนต่างชิงกันเป็นใหญ่ ท่านจะหน่วงการไว้ดังนี้เกลือกคนทั้งปวงที่เป็นศัตรูรู้ไป จะยกทหารตามมาคอยชิงเห็นจะได้ความรำคาญ ขอท่านให้ส่งลูกสาวไปให้อ้วนสุด  อย่าให้คนทั้งปวงซึ่งเป็นศัตรูรู้ ลิโป้เห็นชอบด้วย ก็เข้าไปสั่งให้นางเหงียมซีเร่งรัดแต่งการให้สำเร็จแต่ในเวลากลางคืน ครั้นเช้าลิโป้จึงให้ลูกสาวขึ้นขี่เกวียนไม้หอม แล้วมอบตัวให้หันอิ้นกับสิ่งของตามธรรมเนียม ให้ซงเหียนกับงุยซกไปส่ง แลทหารแห่ออกจากเมืองเป็นอันมาก
                ตันกุ๋ยบิดาตันเต๋งซึ่งเป็นคนผู้ใหญ่ ป่วยนอนอยู่ในเรือน ได้ยินเสียงกองม้าล่ออึงมาจึงถามคนใช้ คนใช้บอกว่าลิโป้ยกลูกสาวให้บุตรอ้วนสุด ตันกุ๋ยพิเคราะห์ดูก็แจ้งในกลอ้วนสุด ตันกุ๋ยจึงคิดว่าแม้เรานิ่งเสียบัดนี้ เล่าปี่จะเป็นอันตรายมั่นคง ตันกุ๋ยจึงแต่งตัวโพกผ้าขาวทำอาการเป็นประหนึ่งจะไปเยือนศพแล้วก็เข้าหาลิโป้ ลิโป้เห็นตันกุ๋ยมาผิดประหลาดหน้าตาโศกเศร้า จึงถามว่าท่านมาไย ตันกุ๋ยตอบว่าข้าได้ยินเสียงครึกโครม คิดว่าเขาประโคมศพท่าน จึงมาหวังจะเยือนศพท่าน ลิโป้ตกใจจึงซักถามตันกุ๋ยว่า ซึ่งท่านเจรจานี้เราเห็นประหลาดนัก หรือใครบอกเล่าว่าเราตาย ตันกุ๋ยจึงว่าแต่ก่อนท่านรับสิ่งของเป็นสินบนของอ้วนสุด แล้วภายหลังท่านก็ยกไปช่วยเล่าปี่ ครั้นมาบัดนี้ได้ยินว่าท่านยกลูกสาวให้แก่บุตรอ้วนสุด เมื่อท่านกับอ้วนสุดเป็นเกี่ยวดองกันแล้ว อ้วนสุดก็จะยกไปตีเมืองเสียวพ่าย ท่ายจะไปช่วยเล่าปี่ก็มิได้ เมื่อเมืองเสียวพ่ายเสียแก่อ้วนสุดแล้ว เห็นว่าเมืองชีจิ๋วยะไม่เป็นสุข อ้วนสุดจะได้เบียดเบียนยืมทหารแลเสบียง ท่ายจะเสียอ้วนสุดมิได้ ราษฎรทั้งปวงก็จะได้ความเดือดร้อน เห็นท่านกับอ้วนสุดก็จะผิดใจกันเป็นมั่นคง ประการหนึ่งอ้วนสุดคิดขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ หัวเมืองทั้งปวงก็ย่อมแจ้งอยู่สิ้น แลท่านจะมาคิดกับอ้วนสุดดังนี้ คนทั้งหลายก็จะพลอยเป็นศัตรูท่าน ลิโป้เห็นจริงด้วย จึงว่าแก่ตันกุ๋ยว่า เราทำการทั้งนี้เพราะฟังคำตันก๋งจึงเสียการ
                ลิโป้จึงให้เตียวเลี้ยวคุมทหารติดตามไป ชิงเอาลูกสาวกับตัวหันอิ้นมา แล้วให้จำหันอิ้นไว้ ลิโป้จึงให้หนังสือไปถึงอ้วนสุดว่า เรายังจัดแจงสิ่งของทั้งปวงอยู่ ถ้าสำเร็จแล้วเมื่อใดเราจึงจะส่งลูกสาวไปให้
                ตันกุ๋ยจึงว่าแก่ลิโป้ว่า ท่านจงส่งตัวหันอิ้นไปให้โจโฉ ณ เมืองฮูโต๋จะได้มีความชอบแก่ท่าน ลิโป้ยังมิได้ว่าประการใด พอทหารเอาเนื้อความมาบอกว่า บัดนี้เล่าปี่เกลี้ยกล่อมซ่องสุมทหารได้เป็นอันมาก จะคิดประการใดมิได้รู้ ลิโป้จึงว่าซึ่งจะแคลงเล่าปี่มิได้ ด้วยธรรมดาทหารก็จำคิดอ่านจัดแจงไว้จะได้ป้องกันรักษาตัว
                ครั้นอยู่มาลิโป้ให้ซงเหียนกับงุยซกไปซื้อม้า ณ เมืองซัวตั๋ง กลับมาบอกแก่ลิโป้ว่า ข้าพเจ้าไปซื้อม้าได้สามร้อย ครั้นมาถึงแดนเมืองเสียวพ่ายเวลากลางคืนมีผู้ร้ายมาตีชิงเอาม้าไปร้อยห้าสิบ ข้าพเจ้าสืบสาวได้เนื้อความว่า เตียวหุยน้องเล่าปี่คุมพวกเพื่อนปลอมเป็นโจรป่ามาตีชิงเอาม้าไป ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงให้จัดแจงทหารพร้อมแล้วก็ยกไปเมืองเสียวพ่าย จะจับเอาเตียวหุยกับพวกเพื่อนซึ่งเป็นโจร
                เล่าปี่รู้ดังนั้นก็ตกใจคุมทหารออกมาตั้งรบ แล้วจึงร้องถามลิโป้ว่า ที่ยกกองทัพมานี้ด้วยเหตุสิ่งใด ลิโป้จึงเอาแส้ม้าชี้หน้าแล้วร้องว่า ครั้งกิเหลงยกมารบเมืองเสียวพ่ายนั้น เรามีความเอ็นดูจึงช่วยคิดอ่านแก้ไขตัวจึงได้รอดชีวิตอยู่ตัวมิได้รู้จักคุณ ควรหรือมาตีชิงเอาม้าของเราไว้ เล่าจึงตอบว่าข้าพเจ้าให้ไปจัดซื้อม้าอยู่บ้าง แลจะได้ตีชิงเอาม้าของท่านไว้หามิได้ ลิโป้จึงว่าตัวใช้เตียวหุยผู้น้องไปตีชิงเอาม้าของเราไว้ร้อยห้าสิบ เป็นไฉนตัวจึงไม่รับ
                เตียวหุยได้ยินลิโป้ว่าหยาบช้าแก่เล่าปี่ดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าออกไป แล้วร้องตอบลิโป้ว่า ตัวกูตีชิงเอาม้าของมึงมาจริงอยู่ มึงจะทำไมกู ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงตอบว่า อ้ายผู้ร้ายตากลมนี้ทำการหยาบช้าดูหมิ่นกูเป็นหลายครั้งมาแล้วกลับท้าทายอีกเล่า เตียวหุยจึงตอบว่า กูตีชิงเอาม้าของมึงไว้นี่มึงโกรธหรือ ซึ่งมึงตีชิงเอาเมืองชีจิ๋วของพี่กูไว้นั้นมึงเข้าใจว่ากูหาโกรธไม่หรือ ลิโป้ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงขับม้าออกรบกับเตียวหุยได้ร้อยเพลง เล่าปี่คิดเกรงว่าเตียวหุยจะเสียทีแก่ลิโป้ จึงให้ตีม้าล่อขึ้น เตียวหุยกลับเข้ามาหาเล่าปี่ ครั้นเวลาค่ำเล่าปี่ก็ยกทหารกลับเข้าเมือง ลิโป้ก็ยกทหารเข้าล้อมเมืองไว้ทั้งสี่ด้าน
                ฝ่ายเล่าปี่จึงว่าแก่เตียวหุยว่า เกิดเหตุทั้งนี้เพราะตัวไปตีชิงเอาม้าลิโป้มา บัดนี้ตัวเอาม้าไปซ่อนไว้แห่งใด เตียวหุยจึงบอกว่า เอาไปซ่อนไว้ ณ วัดก๊กอี้บนเนินเขา เล่าปี่จึงให้ทหารออกไปขอขมาลิโป้ ว่าเดิมนั้นมิได้รู้จึงไม่รับ บัดนี้จริงอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจะเอาม้ามาคืนให้ ท่านอย่าได้พยาบาทเลย จะได้เห็นหน้ากันสืบไป ลิโป้ก็คลายโกรธ จึงว่าซึ่งเล่าปี่ให้มาขมาเรานี้ เราก็ยอมตามคำแล้ว ตันก๋งจึงว่าได้ทีแล้วท่านจะรั้งรออยู่ จะไม่กำจัดเล่าปี่เสียให้ได้นานไปเล่าปี่ก็จะเป็นศัตรูทำอันตรายแก่ท่าน ลิโป้เห็นชอบด้วย ก็ยกทหารเข้าตีเมืองเสียวพ่าย
                เล่าปี่เห็นจะต้านทานมิได้ จึงปรึกษาด้วยบิต๊กกับซุนเขียนว่า ครั้งนี้ลิโป้มีกำลังเป็นอันมาก ท่านจะคิดประการใด ซุนเขียนจึงว่า โจโฉมีน้ำใจพยาบาทลิโป้อยู่ เราจะรบฝ่าหนีออกไป ณ เมืองฮูโต๋ แล้วจะขอทหารโจโฉยกกลับมารบกับลิโป้ เล่าปี่เห็นชอบด้วย จึงว่าผู้ใดจะอาสาตีฝ่าออกไป เตียวหุยก็รับอาสาเล่าปี่จึงจัดแจงทหารให้เตียวหุยเป็นกองหน้า ตัวเล่าปี่คุมครอบครัวเป็นกองกลาง กวนอูคุมทหารเป็นกองหลัง ครั้นเวลาสามยามเดือนสว่าง เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยก็ยกทหารเปิดประตูเมืองรบป้องกันฝ่าออกไปข้างทิศเหนือ
                ฝ่ายซงเหียน งุยซกซึ่งคุมทหารอยู่ฝ่ายทิศเหนือเห็นก็ยกทหารเข้ารบด้วยเตียวหุยเป็นสามารถ เตียวหุยกับเล่าปี่ก็ออกไปได้ เตียวเลี้ยวเห็นกวนอูยกมาเป็นกองหลัง ก็ขับทหารเข้าตามตีท้าย กวนอูขับม้ารบป้องกันออกมาได้พร้อมกันกับเล่าปี่ เตียวหุย ก็ยกไปเมืองฮูโต๋ ลิโป้รู้ว่าเล่าปี่หนีไปก็มิได้ติดตาม จึงพาทหารทั้งปวงเข้าไปในเมืองเสียวพ่าย เกลี้ยกล่อมให้ราษฎรเป็นปรกติ แล้วตั้งให้โกซุ่นอยู่รักษาเมืองเสียวพ่าย ลิโป้นั้นก็ยกกลับไปเมืองชีจิ๋ว
                ฝ่ายเล่าปี่ครั้นยกมาถึงเมืองฮูโต๋จึงตั้งอยู่นอกเมือง แล้วให้ซุนเขียนเข้าไปบอกแก่โจโฉว่า บัดนี้ลิโป้ยกมาตีเมืองเสียวพ่าย ข้าพเจ้าเล่าปี่แตกหนีมา จะขอพึ่งอยู่ด้วยท่าน โจโฉก็มีความยินดีจึงว่า เล่าปี่นี้อุปมาเหมือนแซ่เดียวกับเรา แล้วก็แต่งทหารให้ออกไปรับเล่าปี่เข้ามาในเมือง เล่าปี่จึงให้กวนอู เตียวหุยอยู่รักษาครอบครัวแลทหารทั้งปวง แล้วพาซุนเขียนกับบิต๊กเข้าไป โจโฉออกมารับถ้อยทีถ้อยคำนับ จึงเชิญเล่าปี่ให้นั่งที่สมควร เล่าปี่จึงเล่าเนื้อความแต่หลังจนลิโป้ยกมาตีเมืองเสียวพ่ายให้ฟังทุกประการ โจโฉจึงว่า ลิโป้นั้นเป็นคนหยาบช้า มิได้รู้จักคุณท่านผู้มีคุณ ครั้งนี้ท่านได้มาถึงเราแล้ว อย่าได้เป็นทุกข์เลยเราจะช่วยท่าน ท่านกับเราจะยกทัพไปตีเมืองชีจิ๋วกำจัดลิโป้เสียให้ได้ เล่าปี่จึงว่าท่านว่าทั้งนี้คุณหาที่สุดมิได้ โจโฉจึงให้แต่งโต๊ะเชิญให้เล่าปี่กิน แล้วเล่าปี่ก็ลาโจโฉกลับออกไปยังกองทัพ
                ซุนฮกจึงว่าแก่โจโฉว่า เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญา เห็นจะคบไว้มิได้ นานไปจะเป็นอันตราย บัดนี้เล่าปี่มาถึงเงื้อมมือเราจำเราจะฆ่าเสีย โจโฉไม่เห็นด้วยก็นิ่งอยู่ ซุนฮกก็ลาไป พอกุยแกเข้าไปหาโจโฉ โจโฉจึงเล่าเนื้อความให้กุยแกฟังตามซึ่งซุนฮกว่านั้น กุยแกจึงว่า ซึ่งซุนฮกว่านั้นไม่ชอบ ทุกวันนี้ท่านคิดการใหญ่ จะหาผู้มีสติปัญญาคิดการด้วย เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญา หนีร้อนมาพึ่งเย็น ถ้าท่านฟังคำซุนฮกฆ่าเล่าปี่เสีย คนทั้งปวงซึ่งหมายใจจะมาอยู่ด้วยท่านนั้นก็จะคิดถอยหลังกลับใจไป อาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็จะครหานินทาเป็นที่สงสัย ขอท่านคิดดูจงควร โจโฉเห็นชอบด้วยจึงว่า ท่านว่านี้ต้องความคิดเราทุกประการ ครั้นเวลาเช้าโจโฉเข้าไปเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ จึงกราบทูลว่าจะขอตั้งเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็โปรดให้ โจโฉก็ลากลับออกมาที่อยู่
                เทียหยกจึงว่าแก่โจโฉว่า เล่าปี่มีสติปัญญา ซึ่งจะเป็นผู้น้อยอยู่ในบังคับผู้ใดนั้นหามิได้ นานไปเห็นจะเอาใจออกหากท่าน ท่านจงจับเอาตัวเล่าปี่ฆ่าเสียจึงจะควร โจโฉจึงว่าบัดนี้เราคิดเอาใจคนอยู่ เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญญา เราจะฆ่าเสียนั้นคนทั้งปวงรู้ไปก็จะเสียใจ เนื้อความทั้งนี้เราก็ได้ปรึกษากับกุยแกแล้วแลท่านมาว่าทั้งนี้เห็นไม่ชอบ พอเล่าปี่เข้ามาหาโจโฉ โจโฉจึงจัดทหารสามพันให้แก่เล่าปี่ แล้วโจโฉจึงว่าเรากราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ตั้งท่านเป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว ท่านไปอยู่เมืองอิจิ๋วแล้วจึงยกไปตีเมืองเสียวพ่าย แล้วตั้งเกลี้ยกล่อมผู้คนไว้จะได้เป็นกำลังไปทำการกำจัดลิโป้ ณ เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่ก็รับคำโจโฉกระทำคำนับ แล้วลาโจโฉไปตั้งอยู่ ณ เมืองอิจิ๋ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น