วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 39 (ช่วงที่ 2)

By Thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ครั้นเวลาเย็นโลซกก็พาขงเบ้งมาหาจิวยี่ จิวยี่ให้นั่งโดยสมควร โลซกจึงถามจิวยี่ว่า บัดนี้โจโฉคิดจะทำร้าย เราจะคำนับดีหรือจะทำประการใด ขอท่านว่าให้แจ้ง จิวยี่จึงว่า อันโจโฉทำการทั้งนี้ถือเอารับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นใหญ่ ครั้นจะขัดแข็งอยู่เล่า ก็เหมือนคิดคดต่อแผ่นดิน อนึ่งทหารโจโฉก็มากล้วนมีฝีมือเข้มแข็งนัก ฝ่ายเราก็น้อยตัวเห็นจะสู้โจโฉมิได้ ถ้าเราออกไปนบนอบโจโฉนั้นจะมีความสุข เราเห็นฉะนี้เป็นมั่นคง เวลาพรุ่งนี้จะเข้าไปว่าแก่ซุนกวนให้แต่งคนออกไปคำนับตามประเพณี โลซกได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงว่าท่านเจรจาฉะนี้ผิดนัก แลแผ่นดินเมืองกังตั๋งได้ว่าราชการสืบกันมาจนถึงสามชั่วคนแล้วก็มิได้อ่อนน้อมต่อผู้ใด ครั้งนี้ท่านจะให้ออกแก่โจโฉนั้นเห็นประการใด เมื่อซุนเซ็กจะถึงแก่ความตายนั้น ก็ได้สั่งไว้แก่ท่านให้ช่วยทำนุบำรุงซุนกวนผู้น้อง หวังว่าจะให้เมืองกังตั๋งมั่นคงเหมือนได้อิงภูเขา เหตุไฉนเมื่อการมาถึงแล้วท่านจะสลัดเสียมิได้ช่วยทำนุบำรุง จะพลอยตามถ้อยคำคนสอพลอดังนี้ จิวยี่จึงว่า เมืองกังตั๋งนี้มีหัวเมืองใหญ่ขึ้นถึงหกหัวเมือง ผู้คนทั้งปวงก็มากพร้อมมูล ถ้าเราจะลงใจให้ต่อสู้โจโฉบัดนี้ ก็เหมือนหนึ่งทำให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนจะมีความครหาติเตียนแก่เราผู้เดียว เหตุฉะนี้เราจึงให้ซุนกวนออกไปคำนับโจโฉหวังจะให้อาณาประชาราษฎรมีความสุข

ขงเบ้งเห็นจิวยี่กับโลซกทุ่มเถียงกันมิได้ตกลง ก็นั่งยิ้มฟังอยู่ จิวยี่จึงว่าท่านหัวเราะเยอะข้าพเจ้าหรือ ขงเบ้งจึงว่า ซึ่งข้าพเจ้าหัวเราะทั้งนี้มิได้เยาะท่านกลั้นยิ้มโลซกมิได้ เพราะมิได้รู้จักลักษณะผิดแลชอบ มีแต่ปากก็เถียงท่าน โลซกจึงว่าเหตุไฉนท่านจึงหัวเราะเยาะเราว่ามิได้รู้จักลักษณะสิ่งใด ขงเบ้งจึงว่าอันจิวยี่ว่ากล่าวซึ่งจะไปนบนอบต่อโจโฉนั้นเราเห็นด้วย โลซกจึงว่า เหตุใดท่านจึงมาเจรจาดังนี้เล่า ขงเบ้งจึงว่า อันโจโฉนั้นมีปัญญาความคิดสุขุมนัก รู้จัดแจงทหารในการสงครามก็ชำนาญกว่าคนทั้งปวง แลอ้วนเสี้ยว อ้วนสุดนั้นมิได้รู้จักกำลังสงครามว่าหนักแลเบา องอาจถือว่าตัวดีต่อสู้โจโฉก็ถึงแก่อันตราย เล่าปี่นายเรานั้นก็ถือทิฐิมานะขืนต่อสู้โจโฉ ก็ได้ความเดือดร้อนจนพลัดมาอยู่กังแฮ อันจิวยี่เป็นคนมีความคิด จะผ่อนผันให้ไปคำนับโจโฉ ประสงค์จะรักษาบุตรภรรยาแลอาณาประชาราษฎรให้เป็นสุขนั้นเห็นควรอยู่ โลซกก็โกรธจึงว่าท่านว่าทั้งนี้เหมือนจูงมือเราไปให้คุกเข่าคำนับโจโฉอ้ายศัตรูแผ่นดินควรแล้วหรือ
ขงเบ้งจึงว่า ท่านอย่าโกรธเราเลย ซึ่งจะไปคำนับโจโฉนั้นเรามิให้ลำบากจำเพราะแต่ตัวต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปเจียวหรือ ถึงตัวท่านมิไปก็ได้เหมือนกันด้วยอุบายอันหนึ่งของเรา จะให้เอาแต่คนสองคนลงเรือลำหนึ่งข้ามไปหาโจโฉ โจโฉก็จะพาทหารร้อยหมื่นเลิกทัพกลับไปดอก จิวยี่จึงถามว่า ซึ่งท่านจะให้แต่คนสองคนข้ามไป ก็อาจสามารถจะให้โจโฉเลิกทัพไปนั้นฉันใด จงว่าให้แจ้งก่อน ขงเบ้งจึงบอกว่า เมื่อเรายังอยู่เขาโงลังกั๋งนั้น แจ้งว่าโจโฉให้ทำปราสาทไว้แห่งหนึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจียงโหเป็นที่สบาย แล้วจัดเอาผู้หญิงที่รูปงามมาไว้เป็นอันมาก ด้วยมีน้ำใจกำเริบในมาตุคามอยู่ แล้วรู้ว่านางเกียวก๊กโลอยู่ ณ เมืองกังตั๋ง มีบุตรหญิงสองคนรูปร่างงามหาหญิงใดเสมอมิได้ โจโฉมีน้ำใจผูกพันอยู่ได้ว่าไว้ว่า ถ้ารบเมืองกังตั๋งได้แล้วจะรับเอาหญิงสองคนนี้ไปไว้เป็นที่บำเรอของตัว ถึงมาตรว่าจะตายไปก็มิได้พะวักพะวนน้ำใจ ซึ่งโจโฉยกทหารมาถึงร้อยหมื่นนี้ก็เพราะปรารถนาหญิงสองคนเป็นเค้ามูล แม้ท่านเอาทองร้อยตำลึงไปให้นางเกียวก๊กโลซื้อเอาบุตรสองคนนั้นมาส่งให้แก่โจโฉสมเหมือนความปรารถนาแล้ว โจโฉก็จะเลิกทัพกลับไปเป็นมั่นคง ขอท่านได้คิดอ่านปรองดองกันกระทำตามถ้อยคำข้าพเจ้าว่านี้เถิด จิวยี่จึงว่า ซึ่งโจโฉมีความผูกพันหญิงสองคนนี้ เหตุไฉนจึงจะรู้แน่ยังมีสิ่งใดเป็นสำคัญอยู่บ้าง
ขงเบ้งจึงว่า อันโจโฉรักหญิงสองคนนี้ได้ผูกเป็นโคลงไว้ ข้าพเจ้าจำได้เป็นสำคัญอยู่ ขงเบ้งว่าโคลงนั้นให้จิวยี่ฟังเป็นใจความว่า ปารัศว์ซ้ายขวาซึ่งเราทำไว้ชื่อว่าหยกหลงกับกิมฮอง ข้าจะกอดนางสองเกี้ยวไว้ทั้งซ้ายขวา ให้มีความสุขทุกเวลามิให้อนาทรเลย จิวยี่ได้ฟังออกชื่อนางสองเกี้ยวดังนั้นก็โกรธ ดังเอาเพลิงไปจุดเข้าในหัวใจ จึงลุกขึ้นชี้มือไปฝ่ายทิศเหนือตรงเมืองเกงจิ๋ว ว่าเหม่อ้ายศัตรูแผ่นดินเฒ่า มึงโอหังเจรจาประมาทกูเล่น ขงเบ้งเห็นจิวยี่โกรธดังนั้นจึงลุกขึ้นทำเป็นห้ามว่า เหตุใดแผ่นดินท่านมิรัก จะมารักหญิงสองคนนี้ประโยชน์อันใด
จิวยี่จึงว่า ท่านไม่รู้หรือนางไต้เกี้ยวผู้พี่นั้นเป็นภรรยาซุนเซ็กนายเรา นางเสียเกี้ยวผู้น้องก็เป็นภรรยาของเรา โจโฉเจรจาหยาบช้าทั้งนี้เราจึงโกรธ ขงเบ้งทำเป็นตกใจคำนับแล้วว่าข้าพเจ้าไม่รู้เลย ซึ่งได้ว่ากล่าวทั้งนี้ผิดนักหนา ขอท่านจงได้อดโทษเถิด จิวยี่จึงว่า อ้ายศัตรูเฒ่าคนนี้ข้ามิขอเหยียบแผ่นดินร่วมเลย
ขงเบ้งจึงว่า ท่านอย่าทำการด้วยโทโส จงคิดอ่านผ่อนปรนให้จงดี อันจะวู่วามตามความโกรธนั้นภายหลังก็จะเสียการไป จิวยี่จึงว่าท่านว่าทั้งนี้ก็ชอบใจอยู่ อันตัวเราก็ได้รับคำซุนเซ็กไว้แต่ก่อน ที่จะไปอ่อนน้อมโจโฉสู้ตายก็มิได้คำนับ เรามาแต่เมืองกวนหยงบัดนี้ก็คิดว่าจะมาจัดแจงการต่อสู้อยู่ แต่ว่ากำลังความคิดเราผู้เดียวเห็นจะมิสะดวก ขอท่านได้อนุเคราะห์ช่วยทำนุบำรุงด้วย
ขงเบ้งจึงว่า ถ้าท่านหาความรังเกียจมิได้ จะให้ข้าพเจ้าช่วยก็พอจะได้อยู่ ผิดชอบประการใดไปภายหน้าก็จะช่วยตักเตือนตามสติปัญญา จิวยี่จึงว่า ท่านว่านี้ก็ดีแล้ว ถ้ากระนั้นเวลาพรุ่งนี้เราจะเข้าไปหาซุนกวนจะว่ากล่าวให้จัดแจงทหารให้พร้อมยกไปกำจัดโจโฉให้ได้ ขงเบ้งกับโลซกได้ฟังดังนั้นแล้วก็คำนับลามาที่อยู่
ครั้นเวลาเช้าซุนกวนออกว่าราชการ ขุนนางฝ่ายทหารพลเรือนอยู่พร้อมกัน จิวยี่เข้าไปคำนับแล้วจึงว่า บัดนี้ข้าพเจ้าแจ้งว่าโจโฉยกกองทัพมาจะทำอันตรายแก่เมืองเรานั้น ท่านจะคิดประการใด ซุนกวนเห็นจิวยี่เข้ามาว่าดังนั้นก็มีความยินดี จึงเอาหนังสือซึ่งโจโฉให้มานั้นส่งให้จิวยี่ดู จิวยี่คลี่หนังสือออกอ่านแล้วจึงว่า อ้ายศัตรูแผ่นดินเฒ่านี้คิดว่าเมืองกังตั๋งหามีคนดีที่จะรู้เท่าไม่ หวังจะเกลี้ยกล่อมให้ตายใจ ซุนกวนได้ยินดังนั้นจึงถามว่า เนื้อความทั้งนี้ท่านเห็นประการใด จิวยี่จิงว่าท่านได้ปรึกษาคนทั้งปวงแล้วหรือ เขาเห็นพร้อมกันเป็นประการใด
ซุนกวนจึงว่าปรึกษายังมิตกลง ที่จะให้เราไปคำนับก็ว่า จะให้ต่อสู้ก็ว่าความสองประการนี้แก่งแย่งกันอยู่ จึงให้เชิญท่านมาบัดนี้ หวังจะให้ว่าลงให้ขาด จิวยี่จึงว่า ซึ่งปรึกษาจะให้ไปคำนับนั้นผู้ใด ซุนกวนจึงบอกชื่อให้ฟัง จิวยี่จึงถามเตียวเจียวว่า ซึ่งท่านจะให้ไปคำนับนั้นเห็นประการใดจงว่าให้แจ้งก่อน เตียวเจียวจึงว่า ข้าพเจ้าเห็นว่าโจโฉมาปราบปรามบ้านเมืองทั้งนี้ ด้วยถือรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นข้อใหญ่ อนึ่งโจโฉก็ได้เมืองเกงจิ๋วซ่องสุมผู้คนไว้เป็นอันมาก เห็นมีกำลังใหญ่หลวงนักจะสู้มิได้ จึงจะให้ไปคำนับตามประเพณีก่อน ภายหลังจึงคิดอ่านผ่อนผันไปตามควร จิวยี่จึงว่า ท่านทั้งปวงมาชวนกันปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันฉะนี้แต่ล้วนคนที่ไม่เอาการ แลเมืองกังตั๋งนี้มีเจ้าเมืองสืบกันมาถึงสามชั่วคนแล้วมิได้ไปคำนับแก่ผู้ใด เหตุไฉนครั้งนี้ท่านจึงมาปรึกษาจะให้ละประเพณีเสียเพื่อประโยชน์อันใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น