thepoetry4u.blogspot.com
ซุนกวนจึงว่า
เมื่อคนทั้งปวงปรึกษาฉะนี้ท่านไม่เห็นด้วยนั้นจะให้ทำประการใดเล่า จิวยี่จึงว่า
อันโจโฉนี้เป็นที่มหาอุปราชนั้น คือเป็นศัตรูแผ่นดินของพระเจ้าเหี้ยนเต้อีก
แลตัวท่านก็มีปัญญาความคิดตั้งอยู่ในสัตย์สุจริต
แลจะไปอ่อนน้อมแก่โจโฉอันเป็นคนมิได้ตั้งอยู่ในความสัตย์นั้นจะควรหรือ
อนึ่งเมืองกังตั๋งก็บริบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร ทั้งผู้คนก็พรักพร้อม
ชอบแต่จะคิดกำจัดศัตรูแผ่นดินเสียอีก อนึ่งโจโฉยกกองทัพมาครั้งนี้ก็นานแล้ว
ฝ่ายม้าเท้งแลหันซุยนั้นก็เป็นอริเห็นจะระวังหลังอยู่
ประการหนึ่งทหารโจโฉก็เป็นชาวดอนไม่สันทัดในทางเรือ ถึงจะยกมารบพุ่งก็หาถนัดไม่
แล้วก็เป็นฤดูแล้ง หญ้าแลฟางทั้งปวงก็เห็นไม่พอปากม้าที่จะกิน
อันทหารทั้งปวงเล่าก็เป็นชาวป่า จะกินอยู่ผิดสำแดงก็จะป่วยไข้เป็นอันมาก
กำลังก็จะน้อยลงทุกที ถึงจะทำการขับเคี่ยวไปก็เสียเปรียบเราอยู่
อันการศึกครั้งนี้ข้าพเจ้ามิได้วิตกเลย
จะขออาสาท่านยกไปตั้งอยู่ปากอ่าวเมืองกังแฮกำจัดเสียให้ได้
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ยินดีจึงว่า
ซึ่งท่านจะคิดสู้โจโฉนั้นก็เหมือนน้ำใจของข้า จิวยี่จึงตอบว่า
อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงมาตรว่าจะตายในสงครามก็มิได้คิดปรารมภ์
ถึงท่านกลัวแต่จะไม่แน่นอน ซุนกวนจึงชักเอากระบี่ออกแล้วก็ฟันลงที่มุมโต๊ะ
ประกาศเป็นอาญาสิทธิ์ว่า ผู้ใดจะมาว่าให้เราไปคำนับโจโฉก็จะตัดศีรษะเสีย
ทำดังนั้นแล้วก็ยื่นกระบี่มอบให้แก่จิวยี่เป็นแม่กองทัพหลวง
ให้เทียเภาเป็นปลัดผู้ใดมิได้อยู่ในบังคับบัญชาก็ให้ตัดศีรษะเสีย
จิวยี่คำนับรับเอากระบี่แล้วจึงว่าแก่ทหารทั้งปวงว่า บัดนี้เราได้อาญาสิทธิ์แล้ว
ผู้ใดอย่าประมาทต่อหน้าที่ที่จะทำการรบพุ่งโจโฉครั้งนี้ จงไปพร้อมกันชายทะเล
ถ้าผู้ใดขาดช้าอยู่จะเกณฑ์เอาราชการมิทัน เราจะเอาโทษแก่ผู้นั้น
ว่าแล้วก็ลาซุนกวนออกมา ครั้นมาถึงบ้านจึงให้หาขงเบ้งมาปรึกษาว่า
บัดนี้นายเราก็ยอมที่จะต่อสู้ด้วยโจโฉแล้ว ขอท่านช่วยคิดอุบายที่จะทำการนั้นเถิด
ขงเบ้งจึงว่า
ซึ่งท่านจะให้เราช่วยคิดการนั้นก็จะเป็นไรมี พอจะช่วยคิดตามสติปัญญาได้บ้างอยู่
แต่ทว่ายังมิวางใจเลย ด้วยเห็นอารมณ์นายท่านยังรวนเรนัก จิวยี่จึงว่า
ท่านเห็นกระไรจึงว่าดังนี้ ขงเบ้งจึงว่า เราเห็นว่านายท่านรู้ข่าวว่าทหารโจโฉมาก
ก็ปรารมภ์อยู่ว่าทหารตัวน้อยกลัวจะสู้มิได้ ขอท่านอย่าเพ่อวุ่นวายก่อน
กลับเข้าไปพูดจาเอาเนื้อเอาใจนายท่านอย่าให้สะดุ้งสะเทือนให้มั่นคงแน่นอนแล้วเราจึงจะได้คิดการสะดวก
จิวยี่จึงว่า ท่านว่านี้ชอบอยู่แล้วจิวยี่ก็กลับเข้าไปหาซุนกวน
ซุนกวนเห็นจึงถามว่า เวลาค่ำมืดป่านนี้ท่านเข้ามามีธุระสิ่งใดหรือ
จิวยี่จึงว่า
ข้าพเจ้าจะกะเกณฑ์ทหารทั้งปวงนั้น ยังคิดแคลงใจอยู่หน่วยหนึ่ง
จึงกลับเข้ามาหาท่านหวังจะใคร่รู้ว่า
ท่านยังมีความวิตกสิ่งใดอยู่หรือว่าหามิได้แล้ว ซุนกวนจึงว่า
ซึ่งท่านกลับมาถามเราทั้งนี้ดีอยู่แล้ว เราก็ยังมีความวิตกอยู่หน่อยหนึ่ง
ด้วยโจโฉมีทหารมาก ฝ่ายเราน้อยตัวนักกลัวจะสู้มิได้จะเสียการไป
จิวยี่จึงว่า
นี่แลข้าพเจ้ามาบัดนี้หวังจะชี้แจงให้ท่านเข้าใจ
ด้วยโจโฉให้มีหนังสือมาว่ามีทหารถึงร้อยหมื่นนั้น ความข้อนี้หาจริงไม่
เป็นกลอุบายล่อลวงดอก อันทหารโจโฉนั้นมีอยู่แต่สิบห้าสิบหกหมื่น
ทั้งได้ทหารอ้วนเสี้ยวมาเป็นเชลยด้วย
ถึงว่าจะยกมาทำการก็จะวิตกไปไยแก่ทหารอ้วนเสี้ยวอันเป็นคนจำใจ
คิดแต่จะออกจากโจโฉอยู่ทุกเช้าค่ำ แม้จะทำการก็มิเต็มมือ
อนึ่งทหารโจโฉก็มาทางไกลสารพัดจะขัดสน
เราอยู่ใกล้เสบียงอาหารก็บริบูรณ์ทุกสิ่งหรือจะสู้มิได้ ถึงจะมากก็เหมือนน้อย
ท่านอย่าวิตกเลย ข้าพเจ้าจะขออาสาเอาทหารไปแต่ห้าหมื่น
จะคิดทำการกำจัดโจโฉเสียให้ได้
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็ดีใจยกมือลูบหลังจิวยี่แล้วจึงว่า
ซึ่งท่านชี้แจงให้เราสิ้นสงสัยบุญคุณนักหนา นี่หากว่าท่านได้ช่วยอุปถัมภ์
แต่เตียวเจียวหาเป็นที่พึ่งได้ไม่ แต่นี้ไปเรามิได้มีความวิตกแล้ว ท่านกับเทียเภา
โลซกจงเร่งจัดแจงทหารรีบยกไปเถิด ตัวเราจะยกทหารอุดหนุนไป
ถ้าขัดสนประการใดจงให้คนรีบมาบอกเรา ตัวเราจะยกเข้าต่อสู้โจโฉเอง
จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็คำนับแล้วลาออกมา จึงคิดว่าขงเบ้งนี้พูดจาหลักแหลมนัก
ล่วงรู้น้ำใจนายเราไปก่อนเราอีกเล่า อนึ่งจะคิดการสิ่งใดก็ดูเหมือนจะข้ามศีรษะเราเสียได้
ครั้นจะนิ่งไว้บัดนี้นานไปก็จะเป็นศัตรู จำจะกำจัดเสียให้ได้
แล้วให้หาโลซกเข้ามาบอกความลับซึ่งจะคิดฆ่าขงเบ้งนั้นให้ฟังทุกประการ
โลซกจึงว่า
ท่านคิดนี้มิชอบ ด้วยโจโฉยกมาจะทำร้ายแก่เรายังกำจัดเสียมิได้
แลเมื่อท่านฆ่าขงเบ้งเสียแล้ว การสงครามจะติดพันไปเบื้องหน้า
แต่ตัวท่านผู้เดียวหามีผู้จะช่วยคิดอ่านไม่ จะมีหนักอกนักหรือ
อันขงเบ้งนี้มีสติปัญญาพอจะช่วยท่านได้ อนึ่งจูกัดกิ๋นพี่ชายก็อยู่ในเมืองกังตั๋ง
ถ้าให้ไปว่ากล่าวชักชวนเอามาไว้ทำราชการด้วยเราจะมิดีหรือ จิวยี่ได้ฟังดังนั้นเห็นชอบด้วย
ครั้นเวลาเช้าจึงให้หาขุนนางเข้ามาพร้อมกันในที่ปรึกษา
ขณะนั้นเทียเภามีความน้อยใจว่าตัวเราเป็นผู้ใหญ่สูงอายุ
จิวยี่เป็นเด็กขึ้นนั่งที่สูง
จะให้เราเป็นผู้ใหญ่นี้น้อยหน้าไปนั่งปรึกษาราชการด้วยในที่ต่ำ ก็ให้บุตรมาแทน
บอกว่าป่วยอยู่
จิวยี่จึงว่าแก่ขุนนางทั้งปวงว่า
กองทัพโจโฉยกมาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก อันเราจะคิดอ่านทำการนั้นจะโลเลมิได้
ท่านทั้งปวงจะทำการด้วยเรา ใครอย่าเกียจคร้านย่อหย่อน ถ้าผู้ใดมิเต็มใจเขม้นทำการ
เราก็จะตัดศีรษะเสียตามพระอัยการศึก แล้วจิวยี่ก็ตั้งให้อุยกาย
ฮันต๋งเป็นกองหน้าคุมทหารลงเรือรบพร้อมไว้ จึงให้เจียวขิม จิวท่ายคุมทหารกองหนึ่ง
ให้เล่งทอง พัวเจี้ยงคุมทหารกองหนึ่ง ให้ไทสูจู้ ลิบองคุมทหารกองหนึ่ง ให้ลกซุน
ตังสิดคุมทหารกองหนึ่งตั้งลิหอง จูตีคุมทหารเป็นกองสอดแนม
ครั้นจิวยี่จัดแจงนายทัพนายกองสำเร็จแล้วจึงสั่งว่า
ท่านทั้งปวงจงเร่งไปตระเตรียมให้พร้อมมูลกัน
ถ้าได้ฤกษ์แล้วเราจะยกกองทัพไปปากอ่าวเมืองสำกั๋งนายทัพนายกองทั้งปวงก็คำนับลาออกมาจัดแจงทหารตระเตรียมไว้พร้อมตามคำจิวยี่สั่ง
ฝ่ายเทียจู๋บุตรเทียเภา
เห็นจิวยี่จัดแจงทหารทัพบกทัพเรือดังนั้น ก็เอาเนื้อความมาบอกเทียเภาผู้เป็นบิดาทุกประการ
เทียเภาได้แจ้งดังนั้นก็ตกใจเอามือลูบอกเข้าว่า
จิวยี่นี้กูคิดว่าเป็นเด็กมิได้รู้สิ่งใด กลับรู้ดีกว่าผู้ใหญ่อีกเล่า
ทั้งมีสติปัญญาสามารถจัดแจงทหารวางกองทัพถูกที่ตามขบวนศึก
สมควรที่จะเป็นแม่ทัพหลวงได้ แลตัวกูมาคิดประมาทดังนี้ผิดมิควร
เทียเภาก็ไปหาจิวยี่ถึงที่อยู่แล้วจึงขอขมาว่า ข้าถือทิฐิมานะว่าเป็นผู้ใหญ่
ประมาทท่านสำคัญว่าเป็นเด็กมิได้มาปรึกษาราชการคำนับท่านนั้นผิดนักหนา
ขอท่านได้อดโทษแก่ข้าพเจ้าเถิด จิวยี่หัวเราะแล้วจึงว่า
ซึ่งท่านประมาทนั้นข้าพเจ้าหาถือโทษไม่ อย่าวิตกเลยเทียเภาได้โอกาสดังนั้นแล้วก็ลามา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น