วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 34 (ช่วงที่ 1)

By thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


อยู่มาวันหนึ่งขงเบ้งจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า บัดนี้โจโฉขุดสระใหญ่ไว้สระหนึ่ง ชื่อว่าเหียนหมูตี้อยู่ในเมืองกิจิ๋ว ซ้อมหัดทหารทั้งปวงให้ชำนิชำนาญในการเรือ เห็นจะยกไปตีเมืองกังตั๋งเป็นมั่นคงอยู่แล้ว ขอให้ท่านแต่งคนไปสืบดูราชการเมืองกังตั๋งว่าจะรู้จัดแจงบ้านเมืองพรักพร้อมอยู่แล้วหรือหาไม่ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วยจึงแต่งคนให้ไปสืบ ณ เมืองกังตั๋ง

ฝ่ายซุนกวนมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่ออาณาประชาราษฎรทั้งปวง จึงสร้างตึกใหญ่ตึกหนึ่ง ไว้เป็นที่พำนักแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวงอันมีสุขทุกข์ ตั้งให้เกายง เตียวเหียนเป็นผู้ใหญ่สำหรับรับรองผู้มีปัญญาซึ่งไปมา แลซ่องสุมเกลี้ยกล่อมผู้คนทั้งปวงได้เป็นอันมาก แลขอดเต๊กชาวเมืองห้อยเข เหยียมจุ้นชาวเมืองเพ้งเสีย ชีจ๋องชาวเมืองไพก๊วน เทียเป๋งชาวเมืองยีหลำ จีห้วน ลกเจ๊ก กับเตียวอุ๋นนั้นชาวเมืองต๋องง่อ เล่งทองกับงอซันนั้นชาวเมืองห้อยเข เก้าคนนี้ ซุนกวนตั้งไว้เป็นที่ปรึกษา แลลิบองชาวเมืองยีเอ๋ง ลกซุนชาวเมืองต๋องง่อ ซีเซ่งชาวเมืองลงเสีย พัวเจี้ยงชาวเมืองตองกุ๋น เตงฮองชางเมืองโลกั๋ง ห้าคนนี้ ซุนกวนตั้งให้เป็นนายทหาร แลเมื่อครั้งพระเจ้าเหี้ยนเต้เสวยราชสมบัติได้เจ็ดปีนั้น โจโฉจัดแจงทหารไปตีเมืองอ้วนเสี้ยว จึงได้มีหนังสือไปถึงซุนกวนเป็นใจความว่า ให้ส่งบุตรมาถวายพระเจ้าเหี้ยนเต้ ให้ทำราชการในเมืองหลวงเป็นความชอบ
ขณะนั้นซุนกวนจึงปรึกษามารดา มารดาจึงให้หาเตียวเจียวกับจิวยี่สองคนเข้ามาปรึกษาตามมีหนังสือไปนั้น เตียวเจียวจึงว่า ซึ่งโจโฉให้มีหนังสือมาทั้งนี้ ก็ตามประเพณีบ้านเมืองอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ครั้นจะมิส่งบุตรท่านไปทำราชการในเมืองหลวง ก็จะผิดด้วยขนบธรรมเนีย โจโฉก็จะมีใจพยาบาทจะยกทัพมาทำอันตรายแก่เรา ฝ่ายเรากำลังก็น้อยเห็นจะสู้มิได้ จิวยี่ได้ยินเตียวเจียวว่าดังนั้นจึงว่ากับซุนกวนว่า ทุกวันนี้ตัวท่านก็ได้เป็นใหญ่ในเมืองกังตั๋งมีเมืองใหญ่ขึ้นถึงหกหัวเมือง ทหารก็พรักพร้อมมีความรักใคร่ท่าน อนึ่งเสบียงอาหารก็มั่งคั่งบริบูรณ์อยู่ แลจะคิดย่อท้อกลัวโจโฉนั้นหาควรไม่ แม้ว่าท่านส่งบุตรไป ก็เหมือนเอาบุตรไปเป็นคนจำนำไว้ เบื้องหน้าไปจะได้ความเดือดร้อนเป็นอันมาก ขอท่านอย่าได้ส่งไป ถึงมาตรว่าโจโฉจะยกกองทัพมาตีเมืองเรา ก็จะสู้กันกว่าจะสิ้นความคิด
ฝ่ายนางงอฮูหยินผู้เป็นมารดาแลซุนกวนได้ฟังจิวยี่ว่าดังนั้นก็เห็นชอบด้วยจึงว่าแก่คนถือหนังสือว่า ซึ่งโจโฉจะให้ส่งบุตรไปนั้นจะส่งไปมิได้ ท่านเร่งกลับไปแจ้งแก่โจโฉเถิด ครั้นคนถือหนังสือกลับมาแจ้งแก่โจโฉ โจโฉโกรธจึงจัดแจงกองทัพจะยกไปตีเมืองกังตั๋ง พอกองทัพฝ่ายเหนือยกลงมาตีเมืองฮูโต๋ก็รบพุ่งติดพันกันอยู่ จึงยังมิได้ยกไปตีเมืองกังตั๋ง แลต้องงดมาแต่ครั้งนั้น
ครั้นรุ่งขึ้นปีใหม่เป็นเดือนสิบสอง ซุนกวนจึงยกทัพเรือไปตีหองจอ ได้รบพุ่งกันในท้องทะเลเป็นสามารถ หองจอต้านทานมิได้ก็แตกเข้าเมือง เล่งโฉทหารซุนกวนก็ลงเรือเร็วไล่ตามเข้าไปถึงปากคลองเมืองกังแฮ กำเหลงเป็นทหารหองจอก็รบต้านทานไว้ แล้วยิงเกาทัณฑ์มาถูกเล่งโฉตาย เล่งทองผู้บุตรอายุสิบห้าปีมีกำลังสามารถเข้มแข็ง ก็เข้าชิงเอาศพเล่งโฉบิดาได้ ขณะนั้นลมว่าวพัดลงหนัก กองทัพเรือซุนกวนจะฝ่าไปมิได้ก็ให้ถอยกองทัพกลับมาเมือง
ฝ่ายซุนเซียงน้องซุนกวนซึ่งไปกินเมืองตันเอี๋ยงนั้น มีใจหยาบช้าเสพย์สุราร้ายกาจนัก มิได้ปรานีแก่ขุนนางทั้งปวง แลทำโทษตีโบยต่างๆ อิหลำกับไต้อ้วนผู้เป็นปลัดมีใจขึ้งโกรธเจ็บแค้น จึงไปคบคิดกับเปียนหองซึ่งเป็นคนสนิทของซุนเซียง คิดจะฆ่าซุนเซียงเสีย ครั้นอยู่มาถึงกำหนดเข้าปีใหม่ เป็นประเพณีขุนนางทั้งปวงจะเข้ามาคำนับ ซุนเซียงจึงให้แต่งโต๊ะที่จะเลี้ยงขุนนาง นางชีฮูหยินซึ่งเป็นภรรยาซุนเซียงนั้น รู้ในการเสี่ยงทายว่าร้ายแลดี จึงเสี่ยงทายดูก็แจ้งว่าเวลาเช้าพรุ่งนี้สามีเคราะห์ร้ายนัก จึงว่าแก่ซุนเซียงว่า เวลาเช้าท่านจะออกเลี้ยงโต๊ะขุนนางที่ศาลากลางเหมือนอย่างทุกครั้งนั้น ท่านอย่าออกไปเลย เคราะห์ร้ายนักอยู่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น