วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 29 (ช่วงที่ 4)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

โจโฉได้ฟังซุนฮิวว่าเห็นชอบด้วย จึงให้หาตัวซินผีมากินโต๊ะ แล้วโจโฉถามซินผีว่า ซึ่งอ้วนถำให้หนังสือมาถึงเรานี้ โดยสุจริตหรือเป็นกลอุบาย ซินผีจึงตอบว่า ซึ่งท่านถามทั้งนี้ข้าพเจ้าตอบไม่ได้ ซึ่งข้อจริงแลเท็กนั้นท่านมหาอุปราชจงคำริดูก็จะรู้แจ้ง อันอ้วนเสี้ยวนั้นทำสงครามก็พ่ายแพ้แก่ท่านเป็นหลายครั้ง แล้วอ้วนเสี้ยวมิได้เชื่อที่ปรึกษากลับเอาโทษถึงตายบ้าง ถอดออกเสียจากที่บ้าง ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงอิดโรยย่อท้อ การศึกจึงเสียไป จนตัวอ้วนเสี้ยวก็ถึงแก่ความตาย บัดนี้อ้วนถำกับอ้วนซงชิงกันเป็นใหญ่ บรรดาคนทั้งปวงก็แจ้งอยู่ว่าแซ่อ้วนจะสาบสูญแล้ว จึงบังเกิดให้เป็นเช่นนี้ ขอให้ยกไปตีเอาเมืองกิจิ๋ว อ้วนซงก็จะเป็นกังวลหลังจะยกมารบพุ่งกับท่าน อ้วนถำก็จะตีกระหนาบมา แซ่อ้วนครั้งนี้อุปมาเหมือนใบไม้ทั้งนั้นเป็นจุณไป ซึ่งท่านจะตั้งรบเมืองเกงจิ๋วอยู่ฉะนี้เห็นไม่ควร ด้วยเล่าเปียวทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรมีความสุขอยู่ อันหัวเมืองฝ่ายเหลือนั้นกล้าแข็งยิ่งกว่าหัวเมืองทั้งปวง แม้ท่านปราบปรามหัวเมืองฝ่ายเหนือราบคาบแล้ว การทั้งปวงก็จะเป็นสิทธิ์แก่ท่าน ข้าพเจ้าว่าทั้งนี้ท่านดำริดูจงควร
โจโฉได้ฟังแจ้งใจทุกประการแล้วก็มีความยินดี จึงแกล้งสรรเสริญซินผีว่าถ้าแต่ก่อนเราได้พบท่านการสิ่งใดก็จะสมความปรารถนาโดยเร็ว แล้วโจโฉก็ยกกองทัพจะกลับไปตีเมืองกิจิ๋ว เล่าปี่เห็นโจโฉยกกลับไป ก็คิดเกรงว่าโจโฉจะทำกลอุบายก็ไม่ยกติดตาม จึงพาทหารทั้งปวงกลับเข้าเมืองเกงจิ๋ว
ฝ่ายอ้วนซงรู้กิตติศัพท์ว่าโจโฉยกกองทัพกลับข้ามแม่น้ำฮองโหมาจะตีเอาเมืองกิจิ๋ว จึงให้ลิกอง ลิเซียงคุมทหารป้องกันหลัง แล้วอ้วนซงก็เลิกทัพกลับมารักษาเมือง
ฝ่ายอ้วนถำเห็นดังนั้นก็คุมทหารออกจากเมือง รีบตามไปทางประมาณสี่ร้อยเส้น เห็นลิกอง ลิเซียงคุมทหารสกัดทางไว้ อ้วนถำจึงขับม้าขึ้นไปแล้วร้องว่าแก่ลิกอง ลิเซียงว่า บิดาเราเลี้ยงท่านให้มีความสุขเป็นอันมาก บัดนี้บิดาเราตายแล้ว อ้วนซงเป็นผู้น้องตั้งตัวเป็นใหญ่ให้ผิดประเพณี ตัวท่านอยู่ในเมืองก็มิได้ทัดทาน แล้วซ้ำเข้าด้วนอ้วนซงผู้กระทำผิด คบคิดกันมารบพุ่งเราฉะนี้ตัวเห็นชอบอยู่หรือ
ลิกอง ลิเซียงได้ฟังดังนั้น มิรู้ที่จะตอบประการใด ก็ลงจากม้าทิ้งอาวุธเสียวิ่งเข้าไปคำนับอ้วนถำแล้วว่า ซึ่งข้าพเจ้าผิดทั้งนี้เพราะใจเบา ข้าพเจ้าขออภัยโทษเสียเถิด อ้วนถำจึงตอบว่า ซึ่งท่านมาลุแก่โทษกับเราทั้งนี้ก็ขอบใจแล้ว บัดนี้เราจะชวนกันไปคำนับโจโฉ แล้วอ้วนถำก็พาลิกอง ลิเซียงกับทหารทั้งปวงอ้อมเมืองกิจิ๋วไปถึงคำนับโจโฉ
ฝ่ายโจโฉเห็นก็มีความยินดี จึงว่าแก่อ้วนถำว่า ตัวท่านมาอ่อนน้อมต่อเราเราก็ขอบใจนัก ถ้าสำเร็จการสงครามแล้ว เราจะยกบุตรเราให้เป็นภรรยาท่าน แลลิกองกับลิเซียงนั้นเราจะเลี้ยงให้ถึงขนาด อ้วนถำได้ยินดังนั้นก็มีความยินดีจึงว่าขอให้ท่านเร่งยกกองทัพเข้าตีเอาเมืองกิจิ๋ว โจโฉจึงแกล้งตอบว่า เรามาทำการศึกครั้งนี้ก็หลายเดือนแล้ว กองลำเลียงซึ่งส่งเสบียงอาหารนั้นได้ความลำบากนัก ด้วยทางไกลกันดาร เราจะให้ขุดคลองแต่แม่น้ำกีซุยตลอดถึงแม่น้ำเปกตก ให้เรือเดินเข้ามาส่งลำเลียงได้จึงจะทำการได้ถนัด อันตัวท่านจงยกกองทัพไปตั้งอยู่เมืองเพงงวนก๋วนก่อนเถิด เอาแต่ลิกอง ลิเซียงไว้ด้วยเรา โจโฉจึงตั้งลิกอง ลิเซียงขึ้นเป็นนานทหาร แล้วก็เลิกกองทัพถอยมาตั้งอยู่ตำบลค่ายลิหยงจึงเกณฑ์ให้ทหารขุดคลองแต่แม่น้ำกีซุยตลอดถึงแม่น้ำเปกตก
ฝ่ายอ้วนถำก็คุมทหารกลับไปถึงเมืองเพงงวนก๋วน กัวเต๋าจึงว่าแก่อ้วนถำว่า ซึ่งโจโฉจะยกบุตรให้เป็นภรรยาท่านนั้น ข้าพเจ้าเห็นไม่เหมือนปากว่า บัดนี้ตั้งให้ลิกอง ลิเซียงเป็นนายทหาร แล้วเอาไว้ใช้สอยนั้น เห็นว่าโจโฉแกล้งคิดอ่านยกย่องไว้ให้เป็นใจทำการด้วย ซึ่งโจโฉทำทั้งนี้อุปมาเหมือนต้อนปลาเข้าไซถ้าท่านเพื่อฟังโจโฉแล้ว ข้าพเจ้าเห็นตัวท่านแลหัวเมืองฝ่ายเหนือจะมีอันตรายต่างๆ ด้วยความคิดโจโฉเป็นมั่นคง ขอให้ท่านทำตราสำหรับที่นายทหารสองดวงให้คนใช้เอาไปให้ลิกอง ลิเซียงแล้วสั่งความลับไปว่า ให้ลิกอง ลิเซียงคิดถึงท่าน อย่าเป็นใจด้วยโจโฉ ถ้าโจโฉยกกองทัพเข้าตีอ้วนซงแล้ว ให้ลิกอง ลิเซียงคิดการเป็นไส้ศึก แม้ได้ทีประการใด ให้บอกมาถึงเรา เราจึงจะยกเข้าทำร้ายโจโฉ
อ้วนถำเห็นชอบด้วยจึงให้ทำตราสองดวง แล้วส่งให้คนใช้เป็นการลับให้ลอบบอกลิกอง ลิเซียงตามคำอ้วนถำสั่ง ลิกอง ลิเซียงกลังจะไม่พ้นผิด จึงทำเป็นเอาตรานั้นไปให้โจโฉดู ว่าอ้วนถำให้มา แต่ข้อความลับนั้นมิได้บอกให้แจ้ง โจโฉเห็นตราดังนั้นจึงว่า ซึ่งอ้วนถำให้ตราสำหรับที่มาแก่ท่านทั้งสองนี้ เพราะ อ้วนถำคิดจะทำร้ายต่อเรา หวังจะให้ท่านทั้งสองเป็นไส้ศึก ท่านจงรับเอาตรานี้ไว้ ข้อซึ่งอ้วนถำสั่งมาดีแลร้ายนั้นท่านจงรับเอาว่าจะทำตาม แม้เรายกกองทัพไปกำจัดอ้วนซงเสียแล้ว เราจึงจะยกไปฆ่าอ้วนถำเสีย ลิกอง ลิเซียงเห็นความคิดโจโฉล่วงรู้ดังนั้น ก็เกรงอยู่มิได้บอกคนใช้อ้วนถำประการใด
ฝ่ายอ้วนซงรู้ว่าโจโฉให้ขุดคลองดังนั้น จึงปรึกษาด้วยสิมโพยว่า ซึ่งโจโฉคิดทำการดังนี้หวังจะให้ส่งเสบียงโดยสะดวก ท่านจะคิดป้องกันประการใด สิมโพยจึงว่าให้มีหนังสือไปถึงอินไก๋เจ้าเมืองบูอั๋นซึ่งขึ้นแก่เรา ให้ยกกองทัพมาตั้งอยู่ ณ แดนเมืองมอเสีย แล้วให้จองกีซึ่งคุมเสบียงอยู่เมืองเซียงต๋งนั้น ให้คุมทหารมาตั้งอยู่แดนเมืองฮันตั้น แลโจโฉก็จะไม่อาจยกเข้าตีเมืองกิจิ๋ว เพราะเกรงทัพทั้งสองนี้จะตีวกหลัง ท่านจึงจัดกองทัพไปตีเมืองเพงงวนก๋วนได้แล้ว จึงยกมาบรรจบกันกับทัพหัวเมืองทั้งสองนั้นไปโจมตีโจโฉก็จะแตกไปโดยง่าย อ้วนซงเห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือไปถึงหัวเมืองทั้งสองให้ยกมาตั้งอยู่ตามคำสิมโพยว่า แล้วให้ตันหลิมกับสิมโพยอยู่รักษาเมือง อ้วนซงจัดแจงทหารพร้อมแล้วจึงให้ม้าเอี๋ยนกับเตียวคีคุมทหารเป็นกองหน้า ยกไปจะตีเอาเมืองเพงงวนก๋วน
ฝ่ายอ้วนถำรู้ข่าวว่าอ้วนซงยกกองทัพมา จึงแต่งหนังสือให้ม้าใช้ถือไปถึงโจโฉให้ยกมาช่วย โจโฉแจ้งในหนังสือดังนั้น จึงว่าเมืองกิจิ๋วครั้งนี้จะได้แก่เราเป็นมั่นคง
ขณะนั้นพอเขาฮิวมาแต่เมืองฮูโต๋ รู้ข่าวว่าอ้วนซงยกกองทัพไปรบอ้วนถำ ณ เมืองเพงงวนก๋วน เขาฮิวจึงว่าแก่โจโฉว่า เหตุใดท่านมาตั้งนิ่งอยู่ดังนี้ จะคอยให้ฟ้าผ่าอ้วนถำกับอ้วนซงตายเองหรือ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่าท่านอย่าวิตกเลย เราคิดการไว้พร้อมอยู่แล้ว จึงให้โจหองคุมทหารเข้าตีเมืองกิจิ๋ว แล้วโจโฉนั้นยกกองทัพไปตีอินไก๋ซึ่งตั้งอยู่แดนเมืองมอเสีย
ฝ่ายอินไก๋เห็นโจโฉยกมาก็ขี่ม้าคุมทหารออกมายืนม้าอยู่หน้าค่าย โจโฉจึงให้เคาทูเข้ารบด้วยอินไก๋ได้ห้าเพลง เคาทูเอาทวนแทงถูกอินไก๋ตกม้าตายแลทหารอินไก๋ล้มตายแตกตื่นไปบ้าง เข้าหาโจโฉบ้าง โจโฉได้ทีแล้วก็ยกกองทัพไปจะตีจองกีซึ่งตั้งอยู่ ณ แดนเมืองฮันตั้น จองกีเห็นโจโฉยกมาก็ขึ้นม้าพาทหารออกไปยืนม้าอยู่หน้าค่าย เตียวเลี้ยวก็อาสาขับม้ารำทวนออกไปรบกับจองกีได้สามเพลง จองกีทานกำลังเตียวเลี้ยวไม่ได้ก็ขับม้าหนี เตียวเลี้ยวเข้าหักหาญฆ่าทหารจองกีล้มตายเป็นอันมาก แล้วขับม้าไล่ไป เอาเกาทัณฑ์ยิงถูกจองกีตกม้าตาย ขณะนั้นทหารโจโฉจับทหารจองกีได้ไว้เป็นอันมาก แล้วโจโฉก็ยกกองทัพรีบไปบรรจบทัพโจหองให้ตั้งค่ายล้อมเมืองไว้ จึงให้ทหารขนมูลดินมาถมเป็นเนินขึ้นให้สูงเท่ากำแพงเมือง แล้วให้ขุดอุโมงค์หวังจะให้ตลอดเข้าในเมือง ฝ่ายสิมโพยกับตันหลิมเห็นโจโฉยกกองทัพมาล้อมเมืองแลทำการเป็นกวดขันดังนั้นก็ตรวจตราหน้าที่เชิงเทินให้ป้องกันรักษาไว้เป็นสามารถ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น