วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 30 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com

ฝ่ายโจผีผู้บุตรโจโฉนั้นอายุได้สิบแปดปี มีสติปัญญา โจโฉมีความรักใคร่เป็นอันมาก แม้จะยกกองทัพไปแห่งใดโจผีก็ไปด้วยบิดา ในขณะเมื่อโจโฉได้เมืองกิจิ๋วนั้น โจผีบุตรโจโฉถือกระบี่คุมทหารเข้าไปถึงประตูตึกอ้วนเสี้ยว ทหารจึงห้ามโจผีว่า มหาอุปราชได้สั่งกำชับไว้ว่า อย่าให้ผู้ใดทำอันตรายแก่บุตรภรรยาญาติพี่น้องอ้วนเสี้ยวแลราษฎรชาวเมืองให้ได้ความเดือดร้อน ซึ่งท่านจะเข้าไปนั้นเห็นจะละเมิดคำมหาอุปราช
โจผีได้ฟังดังนั้นก็โกรธร้องตวาดเอา แล้วเดินเข้าไปถึงในตึกเห็นหญิงสองคนกอดคอกันร้องไห้อยู่ โจผีฉุนโกรธขึ้นมาจึงชักกระบี่ออกจะฟันหญิงทั้งสองเสียแล้วกลับคิดได้จึงถามว่า เจ้าทั้งสองนี้ชื่อไร เหตุใดจึงมาร้องไห้อยู่ฉะนี้ นางเล่าซือจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อนางเล่าซือ เป็นภรรยาอ้วนเสี้ยว แลนางผู้นั้นชื่อเอียนซี เป็นภรรยาอ้วนฮีเจ้าเมืองอิวจิ๋วซึ่งเป็นบุตรอ้วนเสี้ยว โจผีจึงบอกให้นางเอียนซีนั้นเงยหน้าขึ้น แล้วพิศดูเห็นรูปร่างนั้นงามก็มีความรักใคร่จึงบอกแก่นางทั้งสองว่าตัวเราชื่อโจผีเป็นบุตรมหาอุปราช เราจะรักษาอยู่มิให้เป็นอันตรายได้
ฝ่ายโจโฉขี่ม้าพาเขาฮิวกับทหารเข้ามาถึงประตูเมืองกิจิ๋ว เขาฮิวนั้นมีใจกำเริบว่าโจโฉกับตัวนั้นเป็นเพื่อนกันมาแต่ก่อน จึงขับม้าขึ้นมาเคียงโจโฉ แล้วเอาแส้ม้าชี้เข้าที่ประตูเมืองว่า ถ้าเราไม่คิดอ่านให้รบพุ่งยังจะได้เข้ามาเห็นประตูเมืองกิจิ๋วหรือ โจโฉได้ฟังดังนั้นก็ทำเป็นหัวเราะแล้วมิได้ตอบประการใด แต่ทหารทั้งปวงมีใจโกรธเขาฮิวอยู่ โจโฉจึงเข้าไปถึงประตูตึกอ้วนเสี้ยว แล้วถามนายประตูว่า ผู้ใดเข้ามาทำอันตรายบุตรภรรยาพี่น้องอ้วนเสี้ยวบ้าง นายประตูจึงว่า บัดนี้โจผีบุตรท่านเข้าไปอยู่ที่ข้างใน โจโฉจึงให้หาตัวโจผีออกมา แล้วว่ากล่าวห้ามปรามมิให้ทำวุ่นวาย
ขณะนั้นนางเล่าซือก็ออกมาคำนับโจโฉแล้วว่า ซึ่งโจผีเข้ามาอยู่นั้นได้ป้องกันรักษาพรรคพวกข้าพเจ้า ถ้ามิได้โจผี ทหารทั้งปวงก็จะทำอันตรายต่างๆ บัดนี้ข้าพเจ้าจะยกนางเอียนซีผู้เป็นลูกสะใภ้ให้เป็นภรรยาโจผี โจโฉจึงให้หาตัวออกมา เห็นนางเอียนซีรูปงาม ควรจะเป็นภรรยาโจผี ก็ยกให้อยู่ด้วยกัน โจโฉจึงให้แต่งโต๊ะแล้วให้จุดธูปเทียนคำนับศพอ้วนเสี้ยว แล้วร้องไห้รักเป็นอันมาก ที่ปรึกษาแลทหารทั้งปวงเห็นก็มีความสงสัยจึงถามโจโฉว่า ท่านกันอ้วนเสี้ยวทำศึกขับเคี่ยวกันมา บัดนี้ท่านได้เมืองกิจิ๋วแล้ว เหตุใดจึงแต่งเครื่องเซ่นแล้วร้องไห้รักอ้วนเสี้ยวดังนี้
โจโฉจึงแกล้งอุบายหวังจะให้ทหารทั้งปวงสรรเสริญว่าตนมีใจสัตย์ซื่อแล้วเล่าความว่า เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะตั้งตัวเป็นมหาอุปราชนั้น เรากับอ้วนเสี้ยวแลสิบเจ็ดหัวเมืองยกกองทัพไปตั้งอยู่นอกด่านกิสุยก๋วนจะกำจัดตั๋งโต๊ะเสีย อ้วนเสี้ยวจึงลอบถามเราว่า แม้ทำสงครามพ่ายแพ้ตั๋งโต๊ะแล้วจะไปตั้งซ่องสุมทหารอยู่ตำบลใด จึงจะได้คิดการต่อไป เราจึงถามอ้วนเสี้ยวว่า ตัวท่านจะไปอยู่แห่งใดเล่า อ้วนเสี้ยวบอกเราว่าจะมาอยู่หัวเมืองฝ่ายเหนือนี้ ด้วยมีที่ทางกว้างขวาง ทั้งเสบียงอาหารก็บริบูรณ์ แลทหารก็ชำนาญในการศึกจะได้คิดการใหญ่ต่อไป เราจึงว่าตัวเรานี้ไม่เลือก ถ้าที่ใดตำบลใดเห็นคนทั้งปวงจะเป็นใจด้วยเรา เราก็จะอยู่คิดการที่นั้น ถึงอ้วนเสี้ยวกับเราเป็นคู่ทำศึกขับเคี่ยวกันก็ดี แต่ได้เป็นเพื่อนกันมาแต่ก่อน เราจึงร้องไห้รักเพราะเหตุฉะนี้
ทหารทั้งปวงได้ฟังโจโฉว่าดังนั้น ก็สรรเสริญว่าน้ำใจมหาอุปราชนี้สัตย์ซื่อนัก โจโฉจึงจัดแจงเงินแลสิ่งของให้นางเล่าซือภรรยาอ้วนเสี้ยวเป็นอันมาก แล้วสั่งว่าบรรดาหัวเมืองฝ่ายเหนือนี้ อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน เพราะมีการศึกมาหลายปีแล้ว ในปีนี้อย่าได้เรียกเอาส่วยสาอากรเลย
ครั้นเวลารุ่งเช้าเคาทูขี่ม้าเข้ามาถึงประตูเมือง พอพบเขาฮิว เขาฮิวจึงว่าอันทหารเหล่านี้ได้เข้ามาในเมืองก็เพราะความคิดของเราจึงได้เมือง เคาทูจึงตอบว่า ตัวกูก็เป็นทหารมีฝีมือรบพุ่ง สู้เอากายฝ่าเข้าสู้อาวุธจึงได้เมือง เหตุใดมึงจึงบังอาจอวดตัวว่าได้เพราะความคิดของมึง เขาฮิวจึงตอบว่า ตัวมึงมีฝีมือก็จริงแต่กูคิดอ่านให้มึงจึงได้ทำตาม อุปมาเหมือนกูเป็นนายได้ใช้มึง เคาทูได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงชักกระบี่ออกตัดศีรษะเขาฮิวหิ้วเข้าไป แล้วบอกแก่โจโฉว่า เขาฮิวพูดจาหยาบช้า บัดนี้ข้าพเจ้าฆ่าเสียแล้ว ตัดเอาศีรษะมาให้ท่าน โจโฉจึงว่า เขาฮิวนั้นเป็นเพื่อนกับเรามาแต่ก่อน ซึ่งพูดจาทั้งนี้เป็นทางสัพยอก เหตุใดตัวจึงบังอาจฆ่าเขาฮิวเสียนั้นไม่ควร แล้วโจโฉจึงให้คาดโทษเคาทูไว้ จึงให้แต่งการศพเขาฮิวแล้วให้เอาไปฝังเสีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น