วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 1)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายเล่าปี่ขี่ม้าหนีมาทางฟากตะวันตก มิได้รู้แห่งทางก็คิดเสียใจ ว่าตัวกูเอ๋ยได้ความลำบากถึงเพียงนี้ แต่มีความสงสัยว่าแม่น้ำตันเขนั้นกว้างถึงเก้าวาสิบวา เหตุใดม้าโจนทีเดียวจึงไปถึงน้ำตื้นได้ ชะรอยเทพดาจะช่วยเรามิให้มีอันตรายได้ ครั้นมาถึงแดนเมืองลำเจี๋ยง พอเวลาเย็นเห็นเด็กคนหนึ่งขี่กระบือเป่าขลุ่ยมาตรงหน้า เล่าปี่ทอดใจใหญ่แล้วว่า เรานี้ประกอบไปด้วยความทุกข์ เด็กเลี้ยงกระบือนั้นมีความสุขยิ่งกว่าเราอีก เล่าปี่ก็หยุดม้าฟังเด็กนั้นเป่าขลุ่ยหวังจะให้คลายความทุกข์ เด็กเลี้ยงกระบือนั้นก็ไม่เป่าขลุ่ย หยุดดูรูปร่างเล่าปี่ เห็นสูงใหญ่ หูยาวถึงบ่าประหลาดกว่าคนทั้งปวง แล้วถามว่าท่านนี้หรือชื่อเล่าปี่ ซึ่งช่วยปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองครั้งเตียวก๊ก

เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็มีความสงสัยจึงถามว่า ตัวเองเด็กเท่านี้เหตุใดจึงล่วงรู้จักเรา ว่าช่วยปราบปรามโจรโพกผ้าเหลืองครั้งเตียวก๊ก เด็กเลี้ยงกระบือนั้นจึงตอบว่า อายุข้าพเจ้ายังอ่อนอยู่มิได้รู้จักท่านก็จริง แต่ครูสอนหนังสือมีอยู่คนหนึ่ง เพื่อนฝูงของครูข้าพเจ้านั้นมีหลายคน ขณะเมื่อมาหาครูข้าพเจ้านั้น พูดจาสรรเสริญถึงเล่าปี่ว่า ประกอบไปด้วยลักษณะอันดี สูงประมาณหกศอก หูใหญ่ยาวถึงบ่า มือยาวถึงเข่า จักษุกลอกไปเห็นใบหู แล้วทำนายว่ามีสติปัญญา ภายหน้าไปจะมีบุญ บัดนี้ข้าพเจ้ามาเห็นรูปร่างท่านก็สมกับคำเล่าลือ ข้าพเจ้าจึงถามว่าท่านชื่อเล่าปี่หรือ เล่าปี่จึงถามเด็กเลี้ยงกระบือว่า อาจารย์ของเจ้าซึ่งเจรจาถึงเรานั้นชื่อใด เด็กเลี้ยงกระบือจึงบอกว่า ครูข้าพเจ้าชื่อสุมาเต๊กโช เล่าปี่จึงถามว่า เพื่อนของอาจารย์เจ้าชื่อใดเล่า เด็กเลี้ยงกระบือจึงตอบว่า เพื่อนของอาจารย์ข้าพเจ้าสองคน คนหนึ่งชื่อบังเต๊กก๋ง อายุแก่กว่าอาจารย์ข้าพเจ้าสิบปี เป็นอาบังทอง บังทองอ่อนกว่าอาจารย์ข้าพเจ้าห้าปี มีสติปัญญาหลักแหลมนัก สุมาเต๊กโชรักใคร่เรียกว่าเป็นน้อง อาหลานสองคนนี้อยู่แดนเมืองซงหยง เคยไปมาหาสู่พูดจาสรรเสริญเล่าปี่เนืองๆ อยู่
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นจึงว่า บัดนี้อาจารย์เจ้าอยู่แห่งใดเล่า เด็กเลี้ยงกระบือจึงชี้มือบอกว่า อาจารย์ข้าพเจ้าอยู่ตรงนี้ แลเห็นพุ่มไม้อยู่ทางประมาณยี่สิบเส้น เล่าปี่จึงว่าตัวเรานี้ชื่อเล่าปี่ จะใคร่ได้เห็นอาจารย์เจ้า จงพาเราไปสนทนาด้วยสักหน่อยหนึ่ง เด็กเลี้ยงกระบือก็พาเล่าปี่ไป ครั้นถึงประตูที่อยู่สุมาเต๊กโชนั้น พอได้ยินเสียงพิณซึ่งสุมาเต๊กโชดีดนั้นเพราะนักหนา เล่าปี่จึงห้ามเด็กว่า อย่าเพ่อเอาเนื้อความเข้าไปแจ้งแก่อาจารย์ก่อน ให้อาจารย์ดีดพิณให้สบายใจจึงค่อยเข้าไป เล่าปี่ก็หยุดฟังอยู่
ฝ่ายสุมาเต๊กโช ครั้นดีดพิณแล้วก็ลุกเดินออกมาจึงว่า เวลาวันนี้เราดีดพิณสละสลวยสายพิณมิได้ขัดข้อง ชะรอยจะมีคนผู้มีสติปัญญามาลักลอบฟังเป็นมั่นคง เด็กเลี้ยงกระบือเห็นสุมาเต๊กโชเดินออกมาดังนั้นจึงบอกเล่าปี่ว่า คนนี้แลชื่อสุมาเต๊กโชเป็นอาจารย์ข้าพเจ้า เล่าปี่เห็นสุมาเต๊กโชประกอบไปด้วยรูปร่างดี กิริยามารยาทสูงระวาดระไว งามสมควรที่จะเป็นอาจารย์ มีความยินดีนักก็คำนับตามประเพณี สุมาเต๊กโชเห็นเล่าปี่คำนับ ก็พิเคาะห์ดูเห็นเสื้อแลกางเกงเปียกอยู่จึงว่า ตัวท่านนี้มีบุญแลวาสนาเป็นอันมาก ภัยมาถึงตัวแล้วก็หนีเอาตัวรอบได้ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็หลากใจจึงคิดว่า เหตุไฉนสุมาเต๊กโชจึงรู้เหตุผลทั้งนี้
ขณะนั้นเด็กเลี้ยงกระบือจึงบอกกับสุมาเต๊กโชว่า คนนี้ชื่อเล่าให้ข้าพเจ้าพามาคำนับท่าน สุมาเต๊กโชแจ้งดังนั้นก็พาเล่าปี่เข้าไปข้างใน จึงจัดแจงที่ให้นั่งแล้วถามว่า ตัวท่านนี้มาแต่แห่งใด เล่าปี่จึงบอกว่าข้าพเจ้ามาเที่ยวเล่น เห็นภูมิฐานบ้านช่องทั้งปวงนี้ก็เพลินเดินหลงมา พอพบเด็กเลี้ยงกระบือบอกว่าท่านอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าจึงแวะเข้ามาคำนับ เป็นบุญของข้าพเจ้าได้มาพบท่านวันนี้ ข้าพเจ้ามีความยินดีหาที่สุดมิได้ สุมาเต๊กโชได้ฟังดังนั้นจึงว่า เล่าปี่ท่านจะพรางเราไย เรารู้อยู่แล้วบัดนี้ท่านหนีภัยมาเป็นมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เล่าเนื้อความแก่สุมาเต๊กโชโดยจริงทุกประการ สุมาเต๊กโชจึงว่า เราได้ยินเขาเลื่องลือมาแต่ก่อนว่าตัวท่านมีปัญญาความคิดหลักแหลม จะหาผู้เสมอเป็นอันยาก เหตุไฉนจึงยังตั้งตัวมิได้ เล่าปี่จึงว่า ซึ่งท่านว่ามีบุญน้อยวาสนาน้อยนั้นหาควรไม่ เป็นเหตุทั้งนี้เพราะท่านหาคนดีที่มีสติปัญญาเป็นที่ปรึกษานั้นยังมิได้
เล่าปี่จึงตอบว่า อันที่ปรึกษาของข้าพเจ้าก็มีอยู่ คือซุนเขียนแลบิต๊กกับกันหยง สามคนนี้ก็เป็นที่ไว้วางใจมาแต่ก่อน ฝ่ายกวนอู เตียวหุย จูล่งสามคนนี้ก็เป็นทหารเอกซื่อสัตย์รักใคร่ร่วมใจกัน แต่หากบุญข้าพเจ้าหาไม่จึงตั้งตัวมิได้เอง สุมาเต๊กโชจึงว่า อันซุนเขียนแลบิต๊กกับกันหยงนั้น ท่านจะนับว่ามีปัญญาเป็นที่ปรึกษาด้วยนั้นไม่ได้ ด้วยคนทั้งสามนี้เป็นแต่รู้หนังสือกฎหมายขนบธรรมเนียมเก่าเท่านั้น ซึ่งจะอาศัยปัญญาคิดอ่านผ่อนผันในการสงครามนั้นไม่ได้ ถึงมีก็เหมือนกับหาไม่ อันกวนอู เตียวหุย จูล่งเล่าก็เป็นแต่มีฝีมือกล้าหาย ถึงสามารถต่อสู้ด้วยคนนับหมื่นนับแสนได้ก็จริง แต่ว่าหามีผู้จะจัดแจงใช้สอยให้ถูกที่ไม่ แลเล่าปี่จึงตอบว่า ท่านว่าฉะนี้ก็ควรอยู่ ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็สืบเสาะหาคนที่ดีมีสติปัญญา จะได้ช่วยทำนุบำรุงสืบไปก็ขัดสน สุมาเต๊กโชจึงว่า โบราณท่านว่าไว้แต่ก่อนว่า สิบคนจะหาผู้กล้าหาญได้คนหนึ่ง ร้อยคนจะจัดหาผู้มีสติปัญญาได้คนหนึ่ง แลคนทั้งปวงก็มีอยู่เป็นอันมาก แม้ท่านจะประสงค์หาผู้มีสติปัญญานั้นก็จะได้สมความปรารถนา เล่าปี่จึงว่า ท่านว่านั้นก็ควรอยู่ แต่ทว่าข้าพเจ้ามีสติปัญญาน้อยยากที่จะพิเคราะห์เห็น ขอท่านได้อนุเคราะห์ช่วยแนะให้ข้าพเจ้าด้วย
สุมาเต๊กโชจึงว่า ซึ่งคนมีสติปัญญานั้นก็มีอยู่มิสู้ใกล้ไกลนัก ถ้าท่านมีความปรารถนาจะใคร่สมาคมด้วย ก็จงอุตส่าห์มีความเพียรสืบเสาะไปก็จะพบดอก เล่าปี่จึงว่า ซึ่งคนดีมีสติปัญญานั้นอยู่ตำบลใดข้าพเจ้ายังมิแจ้ง สุมาเต๊กโชจึงว่า อันฮกหลงกับฮองซูสองคนนี้ ถ้าได้มาเป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผู้ใดผู้หนึ่ง ก็อาจสามารถจะคิดอ่านปราบปรามศัตรูแผ่นดินให้สงบได้ เล่าปี่จึงว่า ซึ่งท่านบอกฮกหลง ฮองซูนั้น ข้าพเจ้าไม่แจ้งว่าเป็นชื่อผู้ใด สุมาเต๊กโชได้ฟังดังนั้นก็ตบมือหัวเราะว่า ดีแล้ว เล่าปี่จึงซักถามต่อไปอีกว่า ท่านจงอนุเคราะห์บอกให้ข้าพเจ้าแจ้งก่อน สุมาเต๊กโชจึงว่า เวลาวันนี้ก็จวนค่ำลงแล้ว ถ้าท่านยับยั้งอยู่สักราตรีหนึ่ง พรุ่งนี้เราจึงบอกชื่อให้ แล้วก็ให้ลูกศิษย์รับเอาม้าของเล่าปี่เข้าไปผูกไว้หลังบ้าน จึงให้แต่งข้าวปลาอาหารเลี้ยงเล่าปี่ แล้วจัดแจงที่ให้อยู่เล่าปี่จึงเข้าไปในห้องข้างใน เอนตัวลงนอน ให้คิดรำพึงถึงถ้อยคำซึ่งสุมาเต๊กโชบอกเนื้อความมิให้แจ้ง ก็ให้วิตกไปนอนไม่หลับ ครั้นเวลายามหนึ่งพอได้ยินเสียงคนมาร้องเรียกให้เปิดประตูรับ แล้วเข้าไปหาสุมาเต๊กโชข้างใน สุมาเต๊กโชจึงถามว่า ท่านมานี้มีกังวลสิ่งใด ชีซีจึงคำนับสุมาเต๊กโชแล้วบอกว่า ข้าพเจ้ามานี้มีความปรารถนาจะสนทนากับท่าน ด้วยข้าพเจ้าได้ยินเขาเลื่องลือว่า เล่าเปียวนี้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี รักผู้มีสติปัญญาเลี้ยงดูทำนุบำรงทุกประการ มิได้ชอบใจสมาคมด้วยคนพาล ข้าพเจ้าอุตส่าห์ทำความเพียรเสาะไปหา หวังจะฝากตัวทำราชการด้วยเล่าเปียว ครั้นข้าพเจ้าไปอยู่สำนักเล่าเปียว พิเคราะห์ดูก็หาสมคำที่เลื่องลือนั้นไม่ และจะใช้สอยคนดีซึ่งมีสติปัญญานั้น ก็ไม่รู้จักการที่จะบังคับบัญชา แลกำจัดคนพาลให้ปราศจากนั้นก็มิได้ ข้าพเจ้าเห็นเล่าเปียวประพฤติการทั้งนี้หาเป็นประโยชน์ไม่ ข้าพเจ้าจึงเอาตัวออกหาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น