วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 2)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


สุมาเต๊กโชได้ฟังดังนั้นจึงว่า ตัวท่านเป็นคนมีสติปัญญา ควรที่จะไปทำราชการอยู่ด้วยผู้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ทุกวันนี้ผู้มีสติปัญญากว้างขวางก็มีอยู่เหมือนจะปรากฏแก่จักษุท่าน เหตุใดจึงไม่พิเคราะห์ดู ว่าเล่าเปียวเป็นผู้สมควรที่ท่านจะไปอยู่ด้วยหรือไม่ ชีซีก็รับว่าท่านว่าทั้งนี้ชอบแล้ว ขณะเมื่อชีซีเข้ามาบอกเนื้อความกับสุมาเต๊กโชนั้น เล่าปี่อยู่ข้างในรู้ก็ลุกออกมานั่งแอบฟังได้ยินอยู่สิ้น จึงคิดว่าซึ่งสุมาเต๊กโชบอกว่าคนมีสติปัญญามีอยู่มิสู้ใกล้สู้ไกลนั้นชะรอยจะเป็นคนนี้มั่นคง สำคัญใจฉะนี้แล้วก็มีความยินดีนัก รั้นจะออกมาสนทนาไต่ถามในเวลากลางคืนนั้นก็เกรงใจสุมาเต๊กโชอยู่

ครั้นเวลารุ่งเช้าเล่าปี่จึงถามสุมาเต๊กโช สุมาเต๊กโชจึงบอกว่า ผู้ซึ่งมาเจรจาด้วยนั้นเป็นเพื่อนรักชอบพอกับเรา เล่าปี่จึงว่า ทำไฉนข้าพเจ้าจะได้รู้จักตัว ท่านจงช่วยอนุเคราะห์ให้ได้สนทนาสักหน่อยหนึ่ง สุมาเต๊กโชจึงบอกว่า เขาไปจากเราแต่เวลากลางคืนนี้แล้ว เล่าปี่จึงถามว่าคนนั้นชื่อใด สุมาเต๊กโชได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะว่า ดีแล้ว เล่าปี่จึงถามว่า ซึ่งท่านจะบอกเนื้อความให้ก็เชิญบอกให้แก่ข้าพเจ้าเถิด ซึ่งว่าฮกหลง ฮองซูนั้นจะเป็นชื่อผู้ใดเล่า สุมาเต๊กโชก็หัวเราะว่า ดีแล้ว เล่าปี่เห็นสุมาเต๊กโชมิได้บอกให้แจ้งได้แต่หัวเราะอยู่ฉะนี้จึงว่า ทุกวันนี้ข้าพเจ้ามีความปรารถนาจะทำนุบำรุงแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้เป็นสุขก็ยังไม่สำเร็จ ถ้าได้ท่านผู้ประกอบไปด้วยสติปัญญาฉะนี้ไปเป็นที่ปรึกษาคิดอ่าน เห็นแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้จะจำเริญ ขอเชิญท่านไปทำราชการกับข้าพเจ้า เหมือนช่วยทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วย สุมาเต๊กโชจึงว่า ตัวเราเป็นชาวบ้านนอกมีสติปัญญาน้อย ซึ่งจะไปทำราชการด้วยท่านมิได้ แลผู้มีสติปัญญามากกว่าเรานั้นก็ยังมีอยู่ ท่านจงอุตส่าห์สืบเสาะหาเถิด
ขณะเมื่อเล่าปี่พูดกับสุมาเต๊กโชอยู่นั้น จูล่งคุมทหารประมาณร้อยหนึ่งเที่ยวติดตามหาเล่าปี่มาถึงเข้า เสียงทหารอื้ออึงได้ยินเข้าไปถึงเล่าปี่ เล่าปี่ตกใจก็ลุกออกมาดู เห็นจูล่งก็มีความยินดี จูล่งก็ลงจากม้าเข้าไปคำนับเล่าปี่ จึงบอกเนื้อความซึ่งติดตามมาให้ฟัง แล้วว่าขอท่านจงเร่งกลับไปเมืองซินเอี๋ยเถิด เกลือกศัตรูจะไปทำร้ายภายหลัง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เข้าไปลาสุมาเต๊กโช แล้วก็ขึ้นม้ามากับจูล่งไกลบ้านทางประมาณยี่สิบเส้น พอพบกวนอู เตียวหุยยกตามมา เล่าปี่มีความยินดีนัก จึงเล่าความลำบากซึ่งหนีมานั้นให้กวนอู เตียวหุยฟังทุกประการแล้วก็พากันไป ครั้นถึงเมืองซินเอี๋ยแล้ว เล่าปี่จึงปรึกษาแก่ทหารทั้งปวงว่า ซึ่งชัวมอคิดอ่านล่อลวงเราว่าเล่าเปียวให้เชิญไป แลชัวมอจะทำร้ายเราฉะนี้ท่านทั้งปวงจะคิดประการใด ซุนเขียนจึงว่า ซึ่งชัวมอจะคิดทำร้ายท่านทั้งนี้จะนิ่งเสียนั้นไม่ได้ ขอให้ท่านมีหนังสือไปถึงเล่าเปียวบอกเนื้อความตามที่เป็นมาให้แจ้ง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นชอบด้วย จึงแต่งหนังสือให้ซุนเขียนถือไปยังเมืองเกงจิ๋ว นายประตูจึงพาเอาตัวซุนเขียนเข้าไปแจ้งแก่เล่าเปียว เล่าเปียวจึงถามว่า เราเชิญเล่าปี่มาให้รับขุนนาง ณ เมืองซงหยงนี้ ยังกำลังเลี้ยงโต๊ะกันอยู่มิทันจะสำเร็จเล่าปี่หนีไปนั้นเหตุผลประการใด
ซุนเขียนจึงเอาหนังสือนั้นให้แก่เล่าเปียว ในหนังสือนั้นเป็นใจความว่า ซึ่งท่านให้หาข้าพเจ้ามากินโต๊ะรับคำนับขุนนาง ข้าพเจ้าก็ได้มา แลขณะเมื่อเลี้ยงโต๊ะกันอยู่นั้น ชัวมอคิดจะทำร้ายข้าพเจ้า หากข้าพเจ้าหนีได้จึงพ้นจากอันตราย แลเหตุผลทั้งนี้ข้าพเจ้ามิได้ทันจะแจ้งแก่ท่านด้วยจะรีบหนีเอาตัวรอด เล่าเปียวได้แจ้งดังนั้นก็โกรธ ให้หาตัวชัวมอเข้ามาด่าว่า มึงนี้บังอาจคิดจะฆ่าเล่าปี่ผู้น้องกูเสียแต่อำเภอใจ หามีความยำเกรงไม่ แล้วก็สั่งทหารจะให้เอาตัวชัวมอไปฆ่าเสีย ขณะนั้นนางชัวฮูหยินผู้พี่ชัวมออยู่ข้างในแจ้งดังนั้น จึงออกมาว่าแก่เล่าเปียวว่าซึ่งชัวมอบังอาจทำการทั้งนี้โทษก็ผิดอยู่แล้ว ท่านจะให้เอาไปฆ่าเสียนั้นก็ควรอยูแต่ข้าพเจ้าจะขอโทษไว้ครั้งหนึ่งก่อน เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็นิ่งอยู่ ด้วยกำลังโกรธมิได้ว่าประการใด
ซุนเขียนเห็นเล่าเปียวโกรธเป็นกำลังนักจึงว่า ชัวมอทำผิดท่านจะให้ประหารชีวิตเสียนั้นก็ชอบอยู่ แต่วาข้าพเจ้าพิเคราะห์เห็นว่า ถ้าชัวมอตายแล้ว เล่าปี่จะอยู่ในแว่นแคว้นของท่านก็คงจะไม่มีความสุข ซึ่งเอ็นดูเล่าปี่นั้นก็เหมือนหาประโยชน์ไม่ เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า ซุนเขียนว่าดังนี้เพราะเหตุว่าชัวมอมีสมัครพรรคพวกมาก แม้กูฆ่าเสียบัดนี้ คนทั้งปวงซึ่งเป็นสมัครพรรคพวกชัวมอก็จะมีน้ำใจพยาบาทเจ็บร้อนคิดทำร้ายแก่เล่าปี่เป็นมั่นคง เล่าเปียวคิดดังนั้นแล้วก็มิได้ฆ่าชัวมอเสีย แต่คาดโทษไว้ จึงให้เล่ากี๋ผู้บุตรกับซุนเขียนไปขมาเล่าปี่
เล่ากี๋กับศุนเขียนก็ลาเล่าเปียวไปเมืองซินเอี๋ย จึงเข้าไปคำนับเล่าปี่แล้วบอกว่า บัดนี้บิดาข้าพเจ้าให้มาไหว้ขมาท่าน ด้วยแจ้งเนื้อความว่า ชัวมอคิดทำร้ายท่านนั้นผิดนัก ท่านอย่าได้ถือโทษสืบไปเลย เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็ยินดีจึงเชิญให้กินโต๊ะ แลขณะเมื่อเล่ากี๋เสพย์สุราอยู่นั้นก็ร้องไห้ เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงถามว่าเหตุใดท่านจึงร้องไห้ เล่ากี๋จึงบอกว่าข้าพเจ้าร้องไห้ทั้งนี้เพราะคิดถึงตัว ด้วยนางชัวฮูหยินมารดาเลี้ยงข้าพเจ้ามีใจริษยาคิดจะฆ่าเสีย ข้าพเจ้ามิรู้ที่จะคิดอ่านแก้ไขตัวให้พ้นอันตรายได้ จะขอเอาสติปัญญาท่านช่วยสั่งสอนเป็นที่พึ่งด้วย เล่าปี่จึงว่า ทุกวันนี้จะรักษาตัวได้ก็เพราะมีอัชฌาสัยอันรอบคอบ ท่านจงอุตส่าห์ปฏิบัติตามน้ำใจนางชัวฮูหยิน อย่าให้นางเคืองขัดประการใดได้แล้วก็จะพ้นจากอันตรายทั้งปวง ครั้นเล่าปี่สั่งสอนแล้วดังนั้น เวลาเช้าเล่ากี๋ก็ลามา เล่าปี่ก็ขึ้นม้าออกมาส่ง ครั้นเล่าปี่กลับเข้ามาเมือง พบคนหนึ่งเดินทำเพลงอยู่กลางตลาดเป็นใจความว่า
แผ่นดินจะกลับ ก็เหมือนไฟดับสิ้นแสง ถ้ากบทูจะหัก จะเอาไม้อันน้อยค้ำ มิอาจจะทานกำลังไว้ได้ ชาวบ้านนอกผู้มีปัญญา ย่อมจะแสวงหานายที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี แลผู้ที่จะแสวงหาผู้มีปัญญาหารู้จักเราไม่ เล่าปี่ได้ฟังคนทำเพลงดังนั้นก็ประหลาดใจจึงคิดว่า ถ้อยคำสุมาเต๊กโชบอกว่า ฮกหลง ฮองซูนั้นชะรอยจะเป็นคนนี้มั่นคง เลาปี่ก็ลงจากม้าเข้าไปคำนับแล้วก็พาเข้าไปถึงที่อยู่ ให้นั่งที่สมควรแล้วถามว่า ท่านนี้ชื่อใดอยู่ตำบลไหน ผู้นั้นจึงบอกว่า ข้าพเจ้าชื่อตันฮก อยู่ตำบลเองซง ข้าพเจ้าแจ้งว่าท่านนี้มีน้ำใจโอบอ้อมอารี ครั้นข้าพเจ้าจะจู่ลู่เข้ามาหาท่านนั้นก็ไม่สมควร ข้าพจึงแกล้งทำเพลงนี้ปรารถนาจะให้ท่านรู้จัก เล่าปี่ได้ฟังก็มีความยินดี จึงชวนตันฮกให้อยู่ด้วยจะตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ตันฮกก็ยอม แล้วว่าแก่เล่าปี่ว่า ม้าซึ่งท่านขี่มาเมื่อกี้นั้นข้าพเจ้าจะขอดูสักหน่อย เล่าปี่จึงเรียกให้คนจูงม้ามาให้ดู ตันฮกจึงพิเคราะห์ดูลักษณะม้าเห็นร้ายจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ม้านี้ลักษณะชื่อเต๊กเลา มีกำลังแลฝีเท้ารวดเร็วก็จริง แต่ทว่ามักเกิดอันตรายแก่เจ้าของ ซึ่งท่านจะขี่ม้าตัวนี้สืบไปอันตรายก็จะมีแก่ท่าน เล่าปี่จึงตอบว่า แม้ม้าตัวนี้จะทำให้เกิดอันตรายแก่เจ้าของเหมือนท่านว่าแล้ว ที่ไหนจะพาเราข้ามแม่น้ำตันเขมาได้ ตันฮกจึงว่า ถึงมาตรว่าม้านี้ได้พาท่านรอดมาจากความตายครั้งนี้ก็จริง แต่ทว่าสืบไปเมื่อหน้าก็จะให้มีอันตรายเป็นมั่นคง แต่ข้าพเจ้ารู้เล่ห์กระเท่ห์อันหนึ่ง ซึ่งท่านจะขี่ม้าตัวนี้ไปภายหน้าจะมิให้เป็นอันตรายก็ได้อยู่ เล่าปี่จึงว่า แยบคายของท่านเป็นประการใดก็จงอนุเคราะห์เถิด ตันฮกจึงบอกว่า ซึ่งมิให้มีอันตรายไปภายหน้านั้น ผู้ใดซึ่งมิได้ชอบใจท่าน ท่านจงเอาม้านี้ไปให้ขี่ ก็จะมีอันตรายตายไปก่อน แล้วท่านจึงค่อยกลับเอามาขี่อีกก็จะมีความเจริญต่อไป หาความอันตรายมิได้ เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่าท่านนี้มีความปรารถนามาอยู่กับเรา เราก็คิดว่าจะช่วยสั่งสอนทำนุบำรุงเราให้เป็นธรรม ควรแลหรือมาสั่งสอนมิให้เป็นธรรม จะให้ทำร้ายแก่ผู้อื่นฉะนี้เรามิขอได้ยิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น