วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 31 (ช่วงที่ 3)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝ่ายนางชัวฮูหยินมีใจสงสัยอยู่ เมื่อขณะเล่าปี่กินโต๊ะอยู่กับเล่าเปียวนั้น นางชัวฮูหยินแอบฟังอยู่ที่ข้างใน ครั้นได้ยินเล่าเปียวกับเล่าปี่พูดกันดังนั้น ก็มีความแค้นเล่าปี่เป็นอันมาก ฝ่ายเล่าปี่ครั้นว่ากับเล่าเปียวออกไปดังนั้นแล้วกลับได้คิด เกรงว่านางชัวฮูหยินจะมาแอบฟังอยู่ จึงแกล้งลุกขึ้นคำนับเล่าเปียวแล้วว่า ข้าพเจ้าจะลาออกไปข้างนอกบัดเดี๋ยวหนึ่ง เล่าปี่ทำเป็นร้องไห้แล้วกลับมา เล่าเปียวเห็นดังนั้นจึงถามเล่าปี่ว่าเหตุใดท่านจึงร้องไห้ เล่าปี่จึงแกล้งบอกว่าข้าพเจ้าขี่ม้าครั้งใด ที่นั่งก็แตกเป็นโลหิตไหลออกทุกทีได้รักษาก็หายไป บัดนี้ข้าพเจ้าขี่ม้าชอกช้ำมาช้านานที่นั่งก็แตกเปื่อยออกไปอีก ข้าพเจ้าเห็นว่าอายุจะสั้นเสียแล้ว จะไม่ได้อยู่ทำนุบำรุงแผ่นดินสืบไป ข้าพเจ้าจึงร้องไห้เพราะเหตุฉะนี้ เล่าเปียวจึงว่าเมื่อครั้งเจ้าไปอยู่เมืองฮูโต๋นั้นเรารู้กิตติศัพท์มาว่า วันหนึ่งโจโฉกับเจ้าเสพย์สุรากับผลมะเฟืองด้วยกัน โจโฉนั้นถามว่าเจ้าบ้านผ่านเมืองใดมีสติปัญญาเข้มแข็ง เจ้าจึงบรรยายบอกแก่โจโฉว่ามีอยู่หลายเมือง โจโฉไม่เห็นด้วยแล้วว่า ในเมืองหลวงแลหัวเมืองทั้งปวงนั้น หามีผู้ใดที่จะมีสติปัญญาลึกซึ้งเสมอโจโฉกับเจ้าไม่ แลโจโฉนั้นมีความคิดใหญ่หลวง ทั้งทหารก็มีฝีมือเป็นอันมากยังไม่อาจยกตัวว่าดียิ่งกว่าเจ้า เหตุใดเจ้าจะมาคิดย่อท้อกลัวจะไม่ได้ทำนุบำรุงแผ่นดิน

ขณะนั้นเล่าปี่เสพย์สุราเมาอยู่ ครั้นได้ยินเล่าเปียวว่าดังนั้น ก็มีใจกำเริบด้วยกำลังเมาจึงตอบว่า ข้าพเจ้าตั้งภูมิฐานเป็นที่มั่นลงได้ก็จะกลัวอะไรแก่หัวเมืองทั้งปวง อุปมาดังลูกไก่อยู่ในเงื้อมมือข้าพเจ้า เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็มิได้ตอบประการใด เล่าปี่ขุกคิดได้ว่าเจรจานั้นเกินไปก็ทำเป็นเมาหนัก แล้วก็ลาเล่าเปียวมาอยู่ที่อาศัยในเมืองเกงจิ๋ว
ขณะเมื่อเล่าปี่ไปแล้ว เล่าเปียวคิดแคลงเล่าปี่อยู่ แล้วเข้าไปที่ข้างใน นางชัวฮูหยินจึงแกล้งยุเล่าเปียวว่า เมื่อกี้นี้เล่าปี่พูดจาหยาบช้า ดูหมิ่นหัวเมืองทั้งปวง แลตัวท่านก็เป็นเจ้าเมืองใหญ่อยู่ตำบลหนึ่ง ซึ่งเล่าปี่ว่ากล่าวทั้งนี้ท่านเห็นประจักษ์แล้วหรือ นานไปเห็นเล่าปี่จะคิดเอาเมืองเกงจิ๋ว อันตรายจะมีมาถึงท่านขอให้เร่งคิดกำจัดเล่าปี่เสีย ท่านจึงจะพ้นภัย เล่าเปียวได้ฟังดังนั้นก็สั่นศีรษะมิได้ตอบประการใด นางชัวฮูหยินเข้าไปยังที่อยู่ จึงให้หญิงคนใช้รีบออกไปหาตัวชัวมอเข้ามา แล้วเอาเนื้อความซึ่งเล่าปี่พูดจาทั้งปวงนั้นเล่าให้ชัวมอฟังทุกประการ ชัวมอจึงว่าท่านอย่าวิตกเลย บัดนี้เล่าปี่ก็เมาสุราอยู่ ข้าพเจ้าจะรีบออกไปฆ่าเสีย แล้วจะกลับเข้ามาแจ้งเนื้อความแก่เล่าเปียว นางชัวฮูหยินเห็นชอบด้วยจึงว่าการทั้งนี้ให้เร่งทำไปเถิด ชัวมอก็ลากลับออกไป ครั้นเวลาพลบค่ำจึงจัดแจงทหารให้พร้อมกัน
ฝ่ายเล่าปี่จุดเทียนนั่งดูหนังสืออยู่จนเวลาประมาณยามเศษ ขณะนั้นอีเจี้ยรู้จึงเข้ามาหาเล่าปี่ แล้วบอกเนื้อความว่า ชัวมอตระเตรียมทหารไว้จะทำร้ายท่านในเวลาคืนวันนี้ ท่านจงคิดอ่านหนีเอาตัวรอดเถิด เล่าปี่จึงตอบว่า เมื่อเรายังไม่ได้ลาเล่าเปียว จะให้เราหนีไปกระไรได้ อีเจี้ยจึงว่าท่านมัวเป็นกังวลอยู่ด้วยเล่าเปียว ชัวมอจะมิฆ่าท่านเสียหรือ เล่าปี่เห็นชอบด้วยก็ลาอีเจี้ย แล้วพาทหารซึ่งตามมาด้วยนั้นหนีไปถึงเมืองซินเอี๋ย
ครั้นเวลาประมาณสองยามเศษชัวมอก็คุมทหารมาถึงที่อยู่เล่าปี่ มีผู้บอกว่าเล่าปี่หนีไปแล้ว ชัวมอแจ้งดังนั้นก็มีความแค้นเป็นอันมาก จึงแกล้งเข้าไปเขียนโคลงสี่บทลงไว้ที่ฝาผนังตึงริมที่นอนเล่าปี่ เป็นหนึ่งว่าเล่าปี่เขียน แล้วชัวมอก็พาทหารกลับมา ครั้นเวลารุ่งเข้าจึงเข้าไปบอกแก่เล่าเปียวว่า ข้าพเจ้าเห็นว่าเล่าปี่จะคิดร้ายท่าน เมื่อจะไปนั้นมิได้ลาแล้วเขียนโครงลงไว้ริมที่นอนนั้นสี่บท ถ้าท่านไม่เชื่อข้าพเจ้าไปดูให้ประจักษ์ เล่าเปียวก็ไปดูถึงที่อยู่เล่าปี่ เห็นโคลงซึ่งเขียนไว้นั้นก็อ่านดู เป็นใจความบทหนึ่งว่า สู้จำใจทุกข์ทรมานเป็นหลายปีแล้ว บทสองว่าตั้งใจคิดการจะเอาราชสมบัติ บทสามว่าธรรมชาติมังกรซึ่งจะอยู่ในสระแลห้วยหนองนั้นไม่ได้ บทสี่ว่าอันมังกรนั้นถ้าได้ทีแล้วก็จะขึ้นสำแดงฤทธิ์บนอากาศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น