วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 3)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ตันฮกหัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวทั้งนี้ใช่จะจริงอย่างนั้นหามิได้ ด้วยได้ยินกิตติศัพท์เขาลือไปว่า ท่านนี้มีน้ำใจเป็นสัตย์เป็นธรรมก็ยังมิแจ้งประจักษ์ก่อน ซึ่งว่าทั้งนี้เพื่อจะลองน้ำใจท่าน บัดนี้สมเหมือนหนึ่งคำเขาลืออยู่แล้ว เล่าปี่จึงว่า เขาเล่าลือไปนั้นก็ชอบอยู่ แต่ที่จริงตัวเราก็พอประมาณ จะเหมือนคำเขาว่าทีเดียวนั้นก็หามิได้ บัดนี้ท่านมาอยู่ด้วยเราแล้ว จงช่วยสั่งสอนทำนุบำรุงแต่ที่ชอบ แล้วเล่าปี่ก็ตั้งให้ตันฮกเป็นใหญ่ บังคับบัญชาทหารทั้งปวง

ฝ่ายโจโฉครั้นยกพลทหารกลับมาแต่เมืองกิจิ๋วแล้ว จึงแต่งให้โจหยิน ลิเตียน ลิกอง ลิเซียงคุมทหารสามหมื่น ยกไปตั้งอยู่ ณ เมืองห้วนเสียอันเป็นหัวเมืองขึ้น หวังจะฟังกิจการบ้านเมืองเกงจิ๋วนั้น ครั้นลิกอง ลิเซียงรู้จึงว่ากับโจหยินว่า เล่าปี่ยกมาอยู่ ณ เมืองซินเอี๋ย เห็นจะคิดทำการใหญ่หลวง จำจะกำจัดเสียให้ได้ อย่าให้ทำการกำเริบไปภายหน้า แลตัวข้าพเจ้าพี่น้องสองคนนี้มาอยู่ทำราชการด้วยมหาอุปราชก็ยังหาความชอบมิได้ คิดจะทำการสนองคุณมหาอุปราชให้ถึงขนาด บัดนี้เล่าปี่มาตั้งอยู่เมืองซินเอี๋ย ข้าพเจ้าพี่น้องจะขออาสาไปตัดเอาศีรษะเล่าปี่มาให้ได้ โจหยินกับลิเตียนได้ฟังดังนั้นมีความยินดี จึงจัดแจงทหารห้าพันให้ ลิกอง ลิเซียงก็คุมทหารยกมาถึงปลายแดนเมืองซินเอี๋ย
ฝ่ายม้าใช้เห็นกองทัพยกมาดังนั้น ก็รีบเข้าไปแจ้งแก่เล่าปี่ เล่าปี่จึงหาตันฮกมาปรึกษาว่า บัดนี้กองทัพยกมาจะทำร้ายแก่เรา ท่านจะคิดประการใดตันฮกจึงว่า ซึ่งข้าศึกยกมาจะทำร้ายแก่ท่านทั้งนี้ จะละไว้ให้ล่วงมานั้นไม่ควรจำจะกำจัดเสียแต่ไกล ขอให้เตียวหุยคุมทหารยกอ้อมวกไปสกัดหลังไว้ แล้วให้กวนอูยกซุ่มสกัดกลางทาง ตัวท่านกับจู่ล่งจงยกเป็นกองหลวงไปรับหน้าข้าศึกกลางทาง ก็จะได้ชัยชนะเป็นมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงให้กวนอูกับเตียวหุยคุมทหารไปตั้งอยู่ตามคำตันฮกว่า เล่าปี่กับจูล่งคุมทหารสองพัน ยกออกจากเมืองมาทางประมาณร้อยเส้นก็พบกองทัพลิกอง ลิเซียงยกมา เล่าปี่หยุดกองทัพยั้งไว้ แล้วขับม้าขึ้นไปหน้าทหาร จึงร้องถามว่าท่านนี้ชื่อใด บังอาจยกกองทัพล่วงเข้ามาถึงแดนของเรา ลิกองได้ฟังดังนั้นจึงร้องตอบว่า เราชื่อลิกองเป็นทหารเอกของมหาอุปราช บัดนี้จะมาจับตัวท่านให้จงได้
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธ จึงให้จูล่งขับม้าออกรบกับลิกองได้ห้าเพลง จูล่งเอาทวนแทงลิกองตกม้าตาย เล่าปี่เห็นได้ทีดังนั้นก็ขับทหารไล่โจมฟัน ลิเซียงเห็นเหลือกำลังจะรบมิได้ก็พ่ายถอยลงไป กวนอูเห็นได้ทีก็คุมทหารตีสกัดออกมาไล่ฆ่าฟันทหารลิเซียงตายประมาณสองพันเศษ ลิเซียงเห็นทหารล้มตายเป็นมากก็แตกร่นลงไป เตียวหุยซึ่งตั้งสกัดหลังอยู่นั้นเห็นลิเซียงพาทหารแตกมา ก็ขับม้าออกยืนสกัดทางไว้แล้วร้องว่า ตัวกูชื่อเตียวหุย มาสกัดทางคอยท่าอยู่นานแล้ว ลิเซียงเหลือบเห็นเตียวหุยก็ตกใจชักม้าจะหนี เตียวหุยก็ขับม้าไล่เอาทวนแทงถูกลิเซียงตกม้าตาย ทหารทั้งปวงก็แตกกระจัดกระจายกันไป เล่าปี่ก็ให้ไล่จับได้ทหารเป็นอันมาก แล้วก็ให้ยกกองทัพกลับเข้าเมืองซินเอี๋ย
ฝ่ายทหารลิกองซึ่งแตกหนีไปได้นั้น ก็เอาเนื้อความไปแจ้งแก่โจหยินทุกประการ โจหยินได้ฟังดังนั้นก็ตกใจ จึงปรึกษาลิเตียนว่า บัดนี้ลิกอง ลิเซียงยกไปก็เสียทีแก่เล่าปี่แล้ว เราจะคิดประการใดดี ลิเตียนจึงว่า ลิกอง ลิเซียงถึงแก่ความตายบัดนี้ ก็เพราะประมาทดูหมิ่นแก่เล่าปี่ ครั้นเราจะหุนหันยกกองทัพไปตีเมืองซินเอี๋ยอีกเล่าก็มิได้ ฝ่ายเล่าปี่มีชัยมีใจกำเริบอยู่ ขอท่านคิดผ่อนผันยับยั้งทหารไว้ บอกหนังสือไปแจ้งแก่มหาอุปราชให้ยกกองทัพหลวงมาก่อน โจหยินจึงว่า เลี่ฆ่าทหารของเราเสียแล้วจับทหารเลวไปไว้เป็นอันมาก จะนิ่งอยู่นั้นมิได้ จำเราจะยกกองทัพไปแก้แค้นเล่าปี่ อันเมืองซินเอี๋ยสักกำมือหนึ่งซึ่งจะร้อนถึงมหาอุปราชนั้นไม่ควร แต่ลำพังเราพอจะทำได้อยู่ ลิเตียนจึงว่า อันเล่าปี่นี้ก็มีสติปัญญาหลักแหลนัก ซึ่งจะยกไปทำแต่ลำพังนั้นอย่าเพ่อดูเบาก่อน โจหยินจึงว่า ท่านเจรจาดังนี้มิกลัวฝีมือเล่าปี่อยู่แล้วหรือ ลิเตียนจึงว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวทั้งนี้มิใช่จะกลัวฝีมือเล่าปี่หามิได้ หวังจะเตือนสติท่าน ด้วยคำโบราณกล่าวไว้ว่า ถ้าจะทำการสงครามพึงให้รู้ลักษณะในไส้ศึกก่อน จึงจะทำการได้ชัยชนะโดยง่าย เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจึงทัดทาน เกลือกจะเสียทีแก่ข้าศึกก็จะซ้ำร้ายไปอีก
โจหยินจึงว่า ท่านนี้ทำราชการเป็นสองใจ หาภักดีไม่ ถ้าฉะนั้นแต่ลำพังเราจะยกไปจับตัวเล่าปี่ให้จงได้ ลิเตียนจึงว่า ซึ่งจะยกไปนั้นก็ตามความคิดเถิด ข้าพเจ้าจะขออาสาคุมทหารอยู่รักษาเมืองห้วนเสีย โจหยินได้ฟังดังนั้นก็โกรธจึงว่า ท่านเจรจาเอาใจออกหากเราฉะนี้ ก็เห็นว่าท่านเป็นคนสองใจอยู่แล้ว จึงหาเจ็บร้อยด้วยเราไม่ ลิเตียนจึงว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวเตือนสติทั้งนี้โดยความจริงจะได้เอาใจออกหากท่านนั้นหามิได้ แม้ท่านสงสัยอยู่ดังนั้นแล้วข้าพเจ้าจะไปด้วย โจหยินกับลิเตียนก็ยกทหารสองหมื่นสี่พันรีบไปเมืองซินเอี๋ยด้วยกำลังโทโส มิได้พักทหารทั้งกลางวันกลางคืน แลน้ำใจโจหยินนั้นหมายจะไปเหยียบแผ่นดินเมืองซินเอี๋ยให้จมลงในมหาสมุทร
ฝ่ายตันฮกจำเดิมแต่เล่าปี่ได้ชัยชนะกลับเมืองแล้ว จึงว่าแก่เล่าปี่ว่าโจหยินมาตั้งอยู่เมืองห้วนเสีย บัดนี้เสียทหารเอกถึงสองคน เห็นจะมีความแค้นยกมาตีเมืองเราเป็นมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็เห็นด้วย จึงถามตันฮกว่า แม้โยหยินยกมาเราจะคิดอ่านป้องกันประการใด ตันฮกจึงว่า ถ้าโจหยินยกมาครั้งนี้เห็นจะเกณฑ์ทหารสิ้นเชิง เราจะคิดกลอุบายลอบไปตีเอาเมืองห้วนเสียให้ได้ เล่าปี่จึงถามว่ากลอุบายท่านคิดประการใด ตันฮกจึงกระซิบแก่เล่าปี่เป็นความลับว่าเมืองห้วนเสียผู้คนก็เบาบางอยู่แล้ว ขอให้กวนอูคุมทหารลอบไปตีเมืองห้วนเสียเกี่ยวไว้เห็นจะได้โดยง่าย อันเตียวหุยนั้นให้คุมทหารไปซุ่มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าข้ามเมืองห้วนเสีย เมื่อโจหยินแตกไปก็จะได้ออกสกัดตี ศึกครั้งนี้หมายเอาชัยชนะได้เป็นมั่นคง เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงแต่งให้กวนอูกับเตียวหุยคุมทหารไปทำตามถ้อยคำตันฮกว่า แล้วเล่าปี่ก็ตระเตรียมทหารไว้
พอม้าใช้เอาเนื้อความมาบอกว่า โจหยินยกกองทัพมาถึงแดนเมืองแล้ว ตันฮกได้ฟังดังนั้นจึงชวนเล่าปี่ยกทหารออกตั้งค่าย ต้านทานกองทัพโจหยินไว้นอกเมือง เล่าปี่จึงให้จูล่งรำทวนออกล่อโจหยินนอกค่าย โจหยินเห็นดังนั้นก็ขับให้ลิเตียนออกรบกับจูล่งได้ยี่สิบเพลง ลิเตียนเห็นกำลังจูล่งนั้นมากนัก จะต้านทานมิได้ก็ควบม้าหนีเข้าค่าย จูล่งเห็นได้ทีก็ข้าม้าตามไป ทหารซึ่งอยู่ในค่ายเอาเกาทัณฑ์ยิงสกัดต้านหน้าไว้ จูล่งจะหักเข้าไปมิได้ก็ควบม้ากลับมาค่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น