วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"สามก๊ก" ตอนที่ 32 (ช่วงที่ 4)

by thepoetry4u

thepoetry4u.blogspot.com


ฝายลิเตียนจึงว่าแก่โจหยินว่า ทหารเล่าปี่มีฝีมือแลกำลังเข้มแข็งนัก เห็นเราจะเอาชัยชนะไม่ได้ ขอให้ท่านกลับไปเมืองห้วนเสียก่อน จะได้คิดทำการสืบไป โจหยินได้ยินดังนั้นก็โกรธจึงว่า เมื่อแรกเราจะยกาตัวทำบิดพลิ้ว เราก็เห็นใจอยู่ครั้งหนึ่งแล้ว มาบัดนี้เล่า เราให้ออกรบกับจูล่งก็แตกพ่ายเข้ามา ทำให้เสียทีแก่ข้าศึก ครั้นเราจะไม่เอาโทษบัดนี้ทหารทั้งปวงก็จะเอาเยี่ยงอย่าง จึงสั่งทหารจะให้เอาตัวลิเตียนไปฆ่าเสีย
นายทัพนายกองทั้งปวงช่วยกันขอโทษไว้ โจหยินก็ยกโทษให้ จึงให้ลิเตียนคุมทหารเป็นกองหลัง สำหรับป้องกันรักษาเสบียง ครั้นเวลาเช้าโจหยินจึงให้ตีม้าล่อฆ้องกลองดังอื้ออึง แล้วจัดแจงพลทหารตั้งเป็นกองพยุหะโดยขบวนทัพ ชื่อปักบุนคิมโชตี๋น แปลว่าประแจทองมีประตูแปดด้าน เสร็จแล้วก็ให้ทหารขี่ม้าเข้าไปร้องประกาศหน้าค่ายเล่าปี่ว่า นายเราตั้งกองทหารเป็นพยุหะดังนี้ ท่านยังรู้จักหรือว่ากลพยุหะอันใด

ตันฮกได้ฟังดังนั้น จึงพาเล่าปี่ขึ้นไปบนเนินเขาสูง แล้วแลลงมาดูก็รู้จักในกลพยุหะ จึงบอกแก่เล่าปี่ว่า ซึ่งโจหยินตั้งพลทหารเป็นพยุหะไว้ดังนี้ ชื่อว่าปักบุนคิมโชตี๋น มีประตูแปดด้าน ถ้าผู้ใดเข้าไปถูที่ก็จะแพ้ แม้เข้าถูกที่ก็จะมีชัยชนะ โจหยินทำทั้งนี้ก็ดีจริง แต่ว่ายังหาถ้วนถี่ไม่ ขอท่านแต่งทหารให้เข้าข้างด้านใต้ ตีฝ่าออกมาข้างประตูตะวันตก ทหารโจหยินทั้งนั้นก็จะแตกเป็นอลหม่านกันไปเอง
เล่าปี่ได้ฟังดังนั้นก็พาตันฮกลงมาจากเนินเขา จึงเกณฑ์ทหารให้รักษาค่ายไว้ แล้วก็ให้จูล่งคุมทหารห้าร้อย ยกตีหักเข้าไปทางประตูข้างใต้ ฝ่ายโจหยินครั้นเห็นจูล่งตีเข้ามาดังนั้นก็ขึ้นม้ารำทวนออกล่อ หวังจะให้จูล่งติดตามออกมาข้างประตูทิศเหนือ จูล่งก็มิได้ตามไป แต่รบฝ่ายออกมาข้างประตูตะวันตก แล้วกลับย้อนหลังตีตลบเข้าไปเลยออกทางประตูทิศใต้ ฝ่ายทหารโจหยินนั้นก็ตื่นฆ่าฟันกันเองเป็นอลหม่าน เล่าปี่เห็นได้ทีดังนั้นก็ขับทหารให้ฝ่าฟันเข้าไป ฆ่าทหารโจหยินล้มตายแตกกระจัดกระจายกันไป ตันฮกก็ชวนเล่าปี่กับจูล่งยกทหารกลับเข้าค่าย
ฝ่ายโจหยินเสียทีแก่เล่าปี่ดังนั้น ก็คิดถึงคำลิเตียนซึ่งว่ากล่าวไว้ จึงให้เชิญลิเตียนมาปรึกษาว่า ขบวนศึกครั้งนี้ก็เข้มแข็งนัก ชะรอยในกองทัพเล่าปี่จะมีคนดีอยู่เป็นมั่นคง จึงหักหาญเอาชัยชนะเราได้ ลิเตียนจึงตอบว่า เนื้อความทั้งนี้ข้าพเจ้าก็ได้ว่าแก่ท่านแต่เดิมทีแล้วท่านก็ไม่ฟัง กลับขึ้งโกรธข้าพเจ้าว่าเอาใจออกหาก อนึ่งตัวข้าพเจ้ามาทำศึกอยู่ด้วยท่านข้างนี้ แต่ใจข้าพเจ้าให้คิดวิตกถึงเมืองห้วนเสียอยู่ทุกวันมิได้ขาด ด้วยหามีผู้ใดจะอยู่ป้องกันรักษาเมืองไม่ เกลือกจะมีอันตรายภายหลัง โจหยินจึงว่าท่านว่านี้ชอบนัก แต่เราได้ยกกองทัพมาถึงแดนเมืองซินเอี๋ยแล้ว จำจะรบพุ่งกันกับเล่าปี่ให้สิ้นฝีมือก่อน เวลาค่ำวันนี้เราจะยกทหารเข้าปล้น แม้สมความคิดเราก็จะได้ทำการศึกสืบไป ถ้าไม่สำเร็จเราจึงจะถอยกลับไปถึงเมืองห้วนเสีย ลิเตียนจึงว่า เล่าปี่เป็นคนมีสติปัญาจึงว่ามีชัยชนะก็ดีก็จะไม่ประมาท เวลาวันนี้เห็นจะป้องกันรักษาตัวเป็นสามารถ ซึ่งท่านจะยกไปปล้นค่ายเล่าปี่นั้น ก็จะเสียทหารป่วยการเปล่า โจหยินจึงว่า อันการสงครามแม้คิดกลัวแพ้อยู่เหมือนท่านว่าฉะนี้แล้ว จะทำศึกสืบไปกระไรได้ โจหยินมิฟังก็ให้เตรียมทหารไว้พร้อมแล้วสั่งว่า เวลาสองยามจะยกเข้าปล้นค่ายเล่าปี่
ฝ่ายเล่าปี่กับตันฮกนั่งปรึกษาราชการพร้อมกันอยู่ พอเกิดลมหัวด้วนขึ้นในค่าย ตันฮกจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า ลมพายุนี้อัศจรรย์นัก เวลาค่ำวันนี้โจหยินจะยกทหารมาปล้นค่ายเราเป็นมั่นคง เล่าปี่จึงว่า แม้โจหยินยกทหารมา เราจะคิดอ่านป้องกันประการใด ตันฮกจึงหัวเราะแล้วตอบว่า ท่านอย่าวิตกเลย ซึ่งจะสู้รบกับโจหยินนั้นข้าพเจ้าจะรับประกันเป็นธุระ
ครั้นเวลาพลบค่ำตันฮกจึงให้จูล่งคุมทหารไปซู่มสกัดอยู่กลางทาง แล้วให้กองเพลิงไว้รอบค่าย ฝ่ายโจหยินครั้นถึงกำหนดก็ยกทหารออกจากค่าย ให้ลิเตียนเป็นกองหลัง ยกไปใกล้ค่ายเล่าปี่ เห็นแสงเพลิงสว่างอยู่รอบค่าย โจหยินสำคัญว่าเล่าปี่รู้ตัว ป้องกันรักษามั่นคงอยู่ ก็ถอยทหารจะกลับมาค่าย จูล่งซุ่มสกัดอยู่เห็นดังนั้นก็คุมทหารตีฝ่าออกมา ทหารโจหยินไม่ทันรู้ตัวก็แตกตื่นพากันหนี จูล่งเห็นได้ทีก็ขับทหารไล่ตามไป
ฝ่ายโจหยินจะเข้าค่ายไม่ทัน ก็รีบยกกองทัพตรงไปเมืองห้วนเสีย ครั้นถึงแม่น้ำแดนเมืองห้วนเสีย จึงหยุดทหารจัดแจงเรือจะข้าม เตียวหุยซึ่งตั้งซุ่มอยู่ริมแม่น้ำเห็นดังนั้นก็คุมทหารโจมฟันเข้าไป โจหยินกับลิเตียนไม่ทันรู้ตัวก็ตกใจ พากันลงเรือหนีข้ามฟากไป เตียวหุยก็ไล่ฆ่าฟันทหารโจหยินตายด้วยอาวุธแลตกน้ำตายบ้างประมาณหมื่นเศษ
ฝ่ายโจหยินกับลิเตียนข้ามไปถึงฟากแล้ว ก็พาทหารประมาณหมื่นเศษซึ่งเหลือตายนั้นรีบไปเมืองห้วนเสีย ครั้นถึงจึงเรียกทหารในเมืองให้เปิดประตูรับ กวนอูซึ่งเข้าตั้งอยู่ในเมืองเห็นดังนั้นก็จุดประทัดสัญญาณขึ้น แล้วคุมทหารเปิดประตูเมืองออกมา โจหยินแลเห็นกวนอูก็ตกใจ พาทหารหนีออกจากเชิงกำแพง กวนอูก็ไล่ฆ่าฟันทหารโจหยินล้มตายเป็นอันมาก โจหยินก็ยกรีบหนีไปเมืองฮูโต๋ แลเมือไปถึงกลางทางมีผู้บอกว่า เล่าปี่ทำการสงครามได้ชัยชนะทั้งนี้เพราะความคิดตันฮก
ฝ่ายเล่าปี่ครั้นเห็นโจหยินเสียทีแก่จูล่งแตกหนีไปดังนั้น ก็พาตันฮกกับทหารทั้งปวงยกตามไปถึงแดนเมืองห้วนเสีย แจ้งเนื้อความว่ากวนอูได้เมืองแล้ว โจหยินกับลิเตียนพากันหนีไปเมืองฮูโต๋ เล่าปี่ก็ยกทหารจะเข้าไปเมืองห้วนเสียฝ่ายเล่าปิดซึ่งเป็นผู้รักษาเมืองห้วนเสีย เป็นเชื้อพระเจ้าเหี้ยนเต้ เป็นแซ่เดียวกันกับเล่าปี่ ครั้นรู้ว่าเล่าปี่ยกมาดังนั้นก็มีความยินดี จึงออกมาเชิญเล่าปี่ให้เข้าไปในเมือง แล้วก็แต่งโต๊ะเชิญให้เล่าปี่กิน ขณะเมื่อเล่าปี่กินโต๊ะอยู่นั้น เห็นหลานเล่าปิดหนุ่มน้อยรูปร่างอ่าโถงยืนอยู่ข้างหลังเล่าปิด เล่าปี่จึงถามว่า ซึ่งยืนอยู่นั้นชื่อใด เล่าปิดจึงบอกว่าชื่อเค้าฮอง เป็นบุตรของพี่สาวข้าพเจ้า เป็นกำพร้าหาบิดามารดาไม่ ข้าพเจ้าเอามาเลี้ยงไว้ เล่าปี่จึงว่า ข้าพเจ้าเห็นรูปร่างงามก็มีใจเอ็นดูนัก ท่านอนุญาตให้ข้าพเจ้าเลี้ยงเป็นบุตรเถิดเป็นไรเล่า เล่าปิดได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงให้เค้าฮองคำนับ แล้วอนุญาตให้เป็นบุตรเล่าปี่ เล่าปี่จึงเปลี่ยนชื่อเค้าฮองนั้นเสีย ให้ชื่อว่าเล่าฮอง แล้วพาตัวไปคำนับกวนอู เตียวหุยให้เรียกว่าอา กวนอูจึงว่าแก่เล่าปี่ว่า บุตรท่านก็มีอยู่ เหตุไฉนจึงจะเอาผู้อื่นมาเป็นเนื้อเหมือนหนึ่งเลี้ยงลูกปลูกหอย นานไปเห็นจะได้ความเดือดร้อน เล่าปี่จึงว่า ถึงผู้อื่นนอกเนื้อก็จริง แต่เรารักใคร่เสมอบุตร ได้เอามาเลี้ยงไว้ก็จะมีกตัญญูรักใคร่ เห็นจะไม่คิดร้ายต่อเรา กวนอูได้ฟังเล่าปี่ว่าดังนั้นก็ขัดใจนิ่งอยู่มิได้ตอบประการใด
เล่าปี่กับตันฮกจึงปรึกษากัน ให้จูล่งคุมทหารพันหนึ่งอยู่รักษาเมืองห้วนเสีย แล้วเล่าปี่กับตันฮกก็พากวนอู เตียวหุยกลับไปเมืองซินเอี๋ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น